ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โชว์รูปเป็นหลักฐาน รัฐบาลนำข้าวเน่านับพันตันมาเผาทิ้งที่พิษณุโลก ทำชาวบ้านเดือดร้อน มีกลิ่นเหม็น น้ำเน่าเสีย จี้ถามกระทรวงพาณิชย์ ทำไมต้องนำข้าวเน่าเสียมาเผา ทั้งที่สามารถนำไปแปรรูปขายได้อีกหลายอย่าง “องอาจ” จี้รัฐบาลเปิดสัญญาซื้อขายข้าวกับจีน ลบครหาไม่โปร่งใส ฝาก 3 ประด็น ย้ำ โครงการจำนำข้าวขาดทุนมหาศาล
น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ขอความ พร้อมแสดงภาพในเว็บไซต์เฟซบุ๊ก ชื่อ Warong Dechgitvigrom เปิดโปงถึงการเผาทำลายข้าวทิ้งว่า “ภาพที่เห็นอย่าคิดว่าเป็นดินที่มาถมที่น่ะครับ กลายเป็นข้าวขาว 5% นาปรัง ปี 2551 มาจากทั้งสุโขทัย และพิษณุโลก ลักษณะมาเผาทิ้ง ที่ทุ่งนาแห่งหนึ่งในอ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก เพราะมีกลิ่นเหม็นเน่าชาวบ้านจึงร้องมา...แต่จุดที่ต้องคิดคือทำไมเอามาเผาทิ้ง เพราะข้าวต่อให้แย่ เน่าขนาดไหนก็มีมูลค่า เช่น ทำแอลกอฮอล์ ทำปุ๋ย อาหารสัตว์ ทำแป้ง หรือใช้เครื่องแยกคุณภาพข้าวเอาไปขัดใหม่ได้ จุดที่ต้องคิดต่อ หลักฐานข้าวนี้เป็นของหลวงชัดเจนที่กระทรวงพาณิชย์ต้องชี้แจง เนื่องจากเป็นข้าวของอ.ต.ก. โครงการรับจำนำปี 2551 นาปรัง ข้าวขาว 5%...ช่วยกันคิดหน่อยครับ ทำไมต้องเผา และทำไมต้องมาทิ้ง เพราะปกติอย่างไงก็ขายได้ ?”
เรื่องนี้ นพ.วรงค์ ให้สัมภาษณ์ว่า มีประชาชนมาร้องเรียนตนว่า เมื่อ 2 วันก่อน มีข้าวนับหมื่นกระสอบ คิดเป็นหลายพันตัน ถูกนำมาทิ้งในที่นาของชาวบ้าน ใน ต.วัดโบสถ์ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ทำให้มีกลิ่นเหม็นเน่ามาก น้ำเน่าเสีย และปลาในนาตาย
อีกทั้งมีร่องรอยการใช้รถเกรดปรับกองข้าวเน่า ซึ่งจากภาพหลักฐานกระสอบบรรจุข้าว ระบุชัดว่า เป็นข้าวในคลังขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อปี 2551 คือ สมัยรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ถือเป็นของค้างเก่า ที่เก็บมาจนเน่า และจุดสำคัญคือต้องถามกระทรวงพาณิชย์ว่า ทำไมจึงต้องนำข้าวที่ใช้เงินภาษีประชาชนที่รับจำนำไว้ มาทิ้งอย่างไร้ค่าเช่นนี้ เพราะแม้เป็นข้าวที่เสื่อมคุณภาพแล้ว แต่ก็ถูกนำไปแปรรูปขายได้อีกหลายอย่าง เรื่องนี้ตนจะติดตาม และสอบถามเรื่องนี้ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นตามฤดูกาลอีกครั้งว่า ตนอยากฝากรัฐบาล 3 ประเด็น คือ 1. มีผู้ส่งออกข้าวจำนวนหนึ่งทำตัวเป็นนายหน้า สวมสิทธิ์ค่าจีทูจี และนำไปขายโดยหาส่วนต่างจากราคาข้าว และผลักภาระขาดทุนให้รัฐบาล โดยที่เอกชนได้ประโยชน์ 2. โรงสีที่เก็บข้าวให้รัฐบาล และแปรสภาพข้าวให้รัฐบาล แล้วนำไปสวมสิทธิ์จำนำข้าวข้ามเขต ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลจะต้องจัดการก่อนที่ฤดูใหม่จะผลิต
3. ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดสัญญาซื้อขายระหว่างไทยกับจีน จำนวน 1 ล้านตัน ว่าเป็นสัญญาจีทูจี หรือเป็นสัญญาเอกชน ที่ซื้อข้าวจากรัฐบาลแล้วไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง ให้เปิดเผยราคาซื้อขาย และระบุด้วยว่าเป็นข้าวคุณภาพดี หรือคุณภาพต่ำ เปิดเผยระยะเวลาส่งมอบข้าวว่าจะใช้เวลาเท่าใด
หากรัฐบาลดำเนินการได้ตามที่ตนเรียกร้อง ก็เชื่อว่าจะทำให้โครงการดังกล่าวโปร่งใสขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะลบภาพความไม่โปร่งใสในช่วง 2 ปีของรัฐบาลได้ อย่างไรก็ตาม พรรคก็จะตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป หากพบความไม่โปร่งใส จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพิ่มเติมทันที.
น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ขอความ พร้อมแสดงภาพในเว็บไซต์เฟซบุ๊ก ชื่อ Warong Dechgitvigrom เปิดโปงถึงการเผาทำลายข้าวทิ้งว่า “ภาพที่เห็นอย่าคิดว่าเป็นดินที่มาถมที่น่ะครับ กลายเป็นข้าวขาว 5% นาปรัง ปี 2551 มาจากทั้งสุโขทัย และพิษณุโลก ลักษณะมาเผาทิ้ง ที่ทุ่งนาแห่งหนึ่งในอ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก เพราะมีกลิ่นเหม็นเน่าชาวบ้านจึงร้องมา...แต่จุดที่ต้องคิดคือทำไมเอามาเผาทิ้ง เพราะข้าวต่อให้แย่ เน่าขนาดไหนก็มีมูลค่า เช่น ทำแอลกอฮอล์ ทำปุ๋ย อาหารสัตว์ ทำแป้ง หรือใช้เครื่องแยกคุณภาพข้าวเอาไปขัดใหม่ได้ จุดที่ต้องคิดต่อ หลักฐานข้าวนี้เป็นของหลวงชัดเจนที่กระทรวงพาณิชย์ต้องชี้แจง เนื่องจากเป็นข้าวของอ.ต.ก. โครงการรับจำนำปี 2551 นาปรัง ข้าวขาว 5%...ช่วยกันคิดหน่อยครับ ทำไมต้องเผา และทำไมต้องมาทิ้ง เพราะปกติอย่างไงก็ขายได้ ?”
เรื่องนี้ นพ.วรงค์ ให้สัมภาษณ์ว่า มีประชาชนมาร้องเรียนตนว่า เมื่อ 2 วันก่อน มีข้าวนับหมื่นกระสอบ คิดเป็นหลายพันตัน ถูกนำมาทิ้งในที่นาของชาวบ้าน ใน ต.วัดโบสถ์ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ทำให้มีกลิ่นเหม็นเน่ามาก น้ำเน่าเสีย และปลาในนาตาย
อีกทั้งมีร่องรอยการใช้รถเกรดปรับกองข้าวเน่า ซึ่งจากภาพหลักฐานกระสอบบรรจุข้าว ระบุชัดว่า เป็นข้าวในคลังขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อปี 2551 คือ สมัยรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ถือเป็นของค้างเก่า ที่เก็บมาจนเน่า และจุดสำคัญคือต้องถามกระทรวงพาณิชย์ว่า ทำไมจึงต้องนำข้าวที่ใช้เงินภาษีประชาชนที่รับจำนำไว้ มาทิ้งอย่างไร้ค่าเช่นนี้ เพราะแม้เป็นข้าวที่เสื่อมคุณภาพแล้ว แต่ก็ถูกนำไปแปรรูปขายได้อีกหลายอย่าง เรื่องนี้ตนจะติดตาม และสอบถามเรื่องนี้ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นตามฤดูกาลอีกครั้งว่า ตนอยากฝากรัฐบาล 3 ประเด็น คือ 1. มีผู้ส่งออกข้าวจำนวนหนึ่งทำตัวเป็นนายหน้า สวมสิทธิ์ค่าจีทูจี และนำไปขายโดยหาส่วนต่างจากราคาข้าว และผลักภาระขาดทุนให้รัฐบาล โดยที่เอกชนได้ประโยชน์ 2. โรงสีที่เก็บข้าวให้รัฐบาล และแปรสภาพข้าวให้รัฐบาล แล้วนำไปสวมสิทธิ์จำนำข้าวข้ามเขต ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลจะต้องจัดการก่อนที่ฤดูใหม่จะผลิต
3. ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดสัญญาซื้อขายระหว่างไทยกับจีน จำนวน 1 ล้านตัน ว่าเป็นสัญญาจีทูจี หรือเป็นสัญญาเอกชน ที่ซื้อข้าวจากรัฐบาลแล้วไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง ให้เปิดเผยราคาซื้อขาย และระบุด้วยว่าเป็นข้าวคุณภาพดี หรือคุณภาพต่ำ เปิดเผยระยะเวลาส่งมอบข้าวว่าจะใช้เวลาเท่าใด
หากรัฐบาลดำเนินการได้ตามที่ตนเรียกร้อง ก็เชื่อว่าจะทำให้โครงการดังกล่าวโปร่งใสขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะลบภาพความไม่โปร่งใสในช่วง 2 ปีของรัฐบาลได้ อย่างไรก็ตาม พรรคก็จะตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป หากพบความไม่โปร่งใส จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพิ่มเติมทันที.