ASTVผู้จัดการรายวัน – สยามพิวรรธน์ ยินดีนโยบายปรับลดภาษีสินค้านำเข้าฟุ่มเฟือย มองเอื้อทุกภาคส่วน คนไทยได้ประโยชน์ ตอกย้ำ “สยามเซ็นเตอร์” แหล่งชอปปิ้งล้ำสุด แบรนด์ใหม่ร่วม 100 ราย แห่ขอจับจองพื้นที่ ล่าสุดได้ 2 แบรนด์แม่เหล็ก “เซโฟร่า-วิคตอเรียซีเคร็ท”ดูดนักชอป พร้อมเท 200 ล้านบาทอัดการตลาดครึ่งปีหลัง มั่นใจกระตุ้นรายได้เติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 30%
นางแคโรไลน์ เมอร์ฟีย์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่ภาครัฐมีนโยบายที่จะปรับลดภาษีการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยลงเป็น 0% นั้น มองเป็นเรื่องที่ดีอย่างมากและพร้อมสนับสนุน เพราะเชื่อว่าคนไทยจะได้ประโยชน์สูงสุดในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นค้าปลีก การท่องเที่ยว รวมถึงแบรนด์ไทยจะมีต้นทุนที่ถูกลง มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ต่างชาติพร้อมลงทุนต่อเนื่อง ดึงนักชอปต่างประเทศเข้าไทยได้มากขึ้น มีเงินไหลเข้ามากกว่าไหลออก
โดยมองว่าหากนโยบายนี้สำเร็จได้จริง ค้าปลีกในกลุ่มลักชัวรี่แบรนด์ จะมีการเติบโตขึ้นอย่างน้อย 20-30% หรืออาจะจะเติบโตขึ้นเท่าตัวได้ ในส่วนของสยามเซ็นเตอร์ หลังเปิดให้บริการอีกครั้งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา พบว่าสัดส่วนลูกค้าที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 40% จากเดิม 30% หรือต่อวันมีลูกค้าเข้าใช้บริการไม่ต่ำกว่า 1-1.2 แสนคน ส่วนในวันเสาร์อาทิตย์อยู่ที่ 1.5-2 แสนคน โดยมีจำนวนร้านค้าที่เปิดให้บริการทั้งสิ้น 250 แบรนด์ บนพื้นที่รวมกว่า 40,000 ตารางเมตร และถึงสิ้นปีมองว่าสัดส่วนนักท่องเที่ยวน่าจะเกิน 50%
ทั้งนี้ยังมีแบรนด์ใหม่อีกกว่า 100 แบรนด์ทั้งไทยและเทศในสัดส่วน 50% มีความสนใจเข้ามาเปิดให้บริการที่สยามเซ็นเตอร์เพิ่มเติม ล่าสุดมีแบรนด์ใหม่พร้อมเปิดให้บริการในช่วงปลายไตรมาสสามนี้ ได้แก่ 1.เซโฟร่า (Sephora) ซึ่งเป็นเครื่องสำอางจากปารีส จะมาเปิดแฟล็กชิปสโตร์แห่งแรกและแห่งเดียวที่สยามเซ็นเตอร์ บนพื้นที่ 600 ตารางเมตร 2.วิคตอเรีย ซีเคร็ท บิ้วตี้ แอนด์ แอ็คเซสเซอรี่ จะมาเปิดแฟล็กชิปสโตร์แห่งแรกที่สยามเซ็นเตอร์เช่นเดียวกัน บนพื้นที่ 150 ตารางเมตร 3.พูลแอนด์แบร์ (Pull & Bear) จะมาเปิดแฟล็กชิปสโตร์ที่สยามเซ็นเตอร์ บนพื้นที่ 550 ตารางเมตร รวมถึงแบรนด์อื่นๆที่จะเข้ามาเสริมทัพอีก เช่น A/X, DKNY Jeans, edc และอื่นๆรวมกว่า 30 แบรนด์ใหม่ ด้วยมูลค่าการลงทุนด้านการตกแต่งและอื่นๆไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทรวมกัน
โดยภายในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ บริษัทยังพร้อมใช้งบการตลาดกว่า 200 ล้านบาท สำหรับจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย มั่นใจว่ากลุ่มลูกค้าที่นิยมซื้อสินค้าลักชัวรี่แบรนด์ ยังเป็นกำลังซื้อที่ดีอยู่ ไม่ได้ตกลงตามสถาณการณ์เศรษฐกิจที่ซบเซาในปัจจุบัน ส่วนกลุ่มสินค้าระดับกลางอาจจะดีขึ้นเล็กน้อย แต่เชื่อว่าถึงปลายปีซึ่งเป็นช่วงไฮซีซัน กำลังซื้อจะกลับมาดีอีกครั้ง หรือในแง่รายได้แล้ว สยามเซ็นเตอร์มจะเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 30%
นางแคโรไลน์ เมอร์ฟีย์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่ภาครัฐมีนโยบายที่จะปรับลดภาษีการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยลงเป็น 0% นั้น มองเป็นเรื่องที่ดีอย่างมากและพร้อมสนับสนุน เพราะเชื่อว่าคนไทยจะได้ประโยชน์สูงสุดในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นค้าปลีก การท่องเที่ยว รวมถึงแบรนด์ไทยจะมีต้นทุนที่ถูกลง มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ต่างชาติพร้อมลงทุนต่อเนื่อง ดึงนักชอปต่างประเทศเข้าไทยได้มากขึ้น มีเงินไหลเข้ามากกว่าไหลออก
โดยมองว่าหากนโยบายนี้สำเร็จได้จริง ค้าปลีกในกลุ่มลักชัวรี่แบรนด์ จะมีการเติบโตขึ้นอย่างน้อย 20-30% หรืออาจะจะเติบโตขึ้นเท่าตัวได้ ในส่วนของสยามเซ็นเตอร์ หลังเปิดให้บริการอีกครั้งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา พบว่าสัดส่วนลูกค้าที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 40% จากเดิม 30% หรือต่อวันมีลูกค้าเข้าใช้บริการไม่ต่ำกว่า 1-1.2 แสนคน ส่วนในวันเสาร์อาทิตย์อยู่ที่ 1.5-2 แสนคน โดยมีจำนวนร้านค้าที่เปิดให้บริการทั้งสิ้น 250 แบรนด์ บนพื้นที่รวมกว่า 40,000 ตารางเมตร และถึงสิ้นปีมองว่าสัดส่วนนักท่องเที่ยวน่าจะเกิน 50%
ทั้งนี้ยังมีแบรนด์ใหม่อีกกว่า 100 แบรนด์ทั้งไทยและเทศในสัดส่วน 50% มีความสนใจเข้ามาเปิดให้บริการที่สยามเซ็นเตอร์เพิ่มเติม ล่าสุดมีแบรนด์ใหม่พร้อมเปิดให้บริการในช่วงปลายไตรมาสสามนี้ ได้แก่ 1.เซโฟร่า (Sephora) ซึ่งเป็นเครื่องสำอางจากปารีส จะมาเปิดแฟล็กชิปสโตร์แห่งแรกและแห่งเดียวที่สยามเซ็นเตอร์ บนพื้นที่ 600 ตารางเมตร 2.วิคตอเรีย ซีเคร็ท บิ้วตี้ แอนด์ แอ็คเซสเซอรี่ จะมาเปิดแฟล็กชิปสโตร์แห่งแรกที่สยามเซ็นเตอร์เช่นเดียวกัน บนพื้นที่ 150 ตารางเมตร 3.พูลแอนด์แบร์ (Pull & Bear) จะมาเปิดแฟล็กชิปสโตร์ที่สยามเซ็นเตอร์ บนพื้นที่ 550 ตารางเมตร รวมถึงแบรนด์อื่นๆที่จะเข้ามาเสริมทัพอีก เช่น A/X, DKNY Jeans, edc และอื่นๆรวมกว่า 30 แบรนด์ใหม่ ด้วยมูลค่าการลงทุนด้านการตกแต่งและอื่นๆไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทรวมกัน
โดยภายในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ บริษัทยังพร้อมใช้งบการตลาดกว่า 200 ล้านบาท สำหรับจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย มั่นใจว่ากลุ่มลูกค้าที่นิยมซื้อสินค้าลักชัวรี่แบรนด์ ยังเป็นกำลังซื้อที่ดีอยู่ ไม่ได้ตกลงตามสถาณการณ์เศรษฐกิจที่ซบเซาในปัจจุบัน ส่วนกลุ่มสินค้าระดับกลางอาจจะดีขึ้นเล็กน้อย แต่เชื่อว่าถึงปลายปีซึ่งเป็นช่วงไฮซีซัน กำลังซื้อจะกลับมาดีอีกครั้ง หรือในแง่รายได้แล้ว สยามเซ็นเตอร์มจะเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 30%