ASTV ผู้จัดการรายวัน- รมว.ท่องเที่ยวฯพร้อม ผบ.ตร.แถลงข่าวจับกุมสองขาใหญ่ทำตัวเป็นมาเฟีย คุมวินแท็กซี่ป้ายดำหน้าห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล ภูเก็ต มีพฤติกรรมข่มขู่และทำร้ายนักท่องเที่ยว จนถูกร้องเรียนผ่านสถานทูต 16 ประเทศ
วานนี้ ( 9 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. และพ.ต.อ.ชัชชม คล้ายคลึง รองผบก.ป.ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายป้อม สุขเกษม อายุ 42 ปี และนายเสริญ สุขเกษม อายุ 52 ปี คนคุมวินแท็กซี่ป้ายดำ บริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล จ.ภูเก็ต โดยจับกุมนายป้อมได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 130/42 ม.5 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขณะที่นายเสริญ จับกุมได้หน้าบ้านเลขที่ 57/209 ม.2 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.ชัชชม กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเรื่องจากได้รับการร้องเรียน ว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนซึ่งเป็นพี่น้องกันมีพฤติกรรมเป็นมาเฟียเรียกเก็บค่าหัวคิวและทำร้ายร่างกายผู้ขับขี่รถแท็กซี่ที่ไม่จ่ายค่าหัวคิวให้กับกลุ่มผู้ต้องหา นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมข่มขู่คุกคาม และทำร้ายร่างกายผู้ขับขี่รถแท็กซี่ที่ไม่ใช่รถจากวินที่ตนเองดูแลอยู่ที่เข้ามาส่งนักท่องเที่ยวที่ห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล ซึ่งตรงนี้ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับนักท่องเที่ยวด้วย
จากการสอบสวนนายป้อมให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ยอมรับว่าตนเองดูแลวินรถแท็กซี่ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของผู้ขับขี่รถแท็กซี่จำนวน 170 คัน โดยทุกคนตกลงว่าจะจ่ายค่าดำเนินการในอัตรา 200 บาท ต่อเดือน ซึ่งตนเตรียมที่จะไปยื่นขอจะทะเบียนเป็นสหกรณ์รถแท็กซี่สำหรับดูแลนักท่องเที่ยว แต่กลับมาถูกตำรวจจับกุมเสียก่อน
เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ซื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น และข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์
นายสมศักย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รับการร้องเรียนจากทางสถานทูตกว่า 16 ประเทศ รวมทั้งจากทางโซเชียลเน็ตเวิร์กเกี่ยวกับปัญหารถแท็กซี่ป้ายดำตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ โดยเฉพาะ จ.ภูเก็ต ที่มีพฤติกรรมคุกคามข่มขู่และทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยว ส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศ ตนจึงได้หารือร่วมกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อกำหนดมาตรการต่างๆ ในการแก้ไขปัญหานี้่ ซึ่งทางกระทรวงฯ พร้อมสนับสนุนทั้งกำลังคนและอุปกรณ์เครื่องมือ เข้ามาเสริมมาตรการในการช่วยเหลือดูแลนักท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้เพียงพอต่อการดูแลความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว
วานนี้ ( 9 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. และพ.ต.อ.ชัชชม คล้ายคลึง รองผบก.ป.ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายป้อม สุขเกษม อายุ 42 ปี และนายเสริญ สุขเกษม อายุ 52 ปี คนคุมวินแท็กซี่ป้ายดำ บริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล จ.ภูเก็ต โดยจับกุมนายป้อมได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 130/42 ม.5 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขณะที่นายเสริญ จับกุมได้หน้าบ้านเลขที่ 57/209 ม.2 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.ชัชชม กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเรื่องจากได้รับการร้องเรียน ว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนซึ่งเป็นพี่น้องกันมีพฤติกรรมเป็นมาเฟียเรียกเก็บค่าหัวคิวและทำร้ายร่างกายผู้ขับขี่รถแท็กซี่ที่ไม่จ่ายค่าหัวคิวให้กับกลุ่มผู้ต้องหา นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมข่มขู่คุกคาม และทำร้ายร่างกายผู้ขับขี่รถแท็กซี่ที่ไม่ใช่รถจากวินที่ตนเองดูแลอยู่ที่เข้ามาส่งนักท่องเที่ยวที่ห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล ซึ่งตรงนี้ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับนักท่องเที่ยวด้วย
จากการสอบสวนนายป้อมให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ยอมรับว่าตนเองดูแลวินรถแท็กซี่ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของผู้ขับขี่รถแท็กซี่จำนวน 170 คัน โดยทุกคนตกลงว่าจะจ่ายค่าดำเนินการในอัตรา 200 บาท ต่อเดือน ซึ่งตนเตรียมที่จะไปยื่นขอจะทะเบียนเป็นสหกรณ์รถแท็กซี่สำหรับดูแลนักท่องเที่ยว แต่กลับมาถูกตำรวจจับกุมเสียก่อน
เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ซื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น และข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์
นายสมศักย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รับการร้องเรียนจากทางสถานทูตกว่า 16 ประเทศ รวมทั้งจากทางโซเชียลเน็ตเวิร์กเกี่ยวกับปัญหารถแท็กซี่ป้ายดำตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ โดยเฉพาะ จ.ภูเก็ต ที่มีพฤติกรรมคุกคามข่มขู่และทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยว ส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศ ตนจึงได้หารือร่วมกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อกำหนดมาตรการต่างๆ ในการแก้ไขปัญหานี้่ ซึ่งทางกระทรวงฯ พร้อมสนับสนุนทั้งกำลังคนและอุปกรณ์เครื่องมือ เข้ามาเสริมมาตรการในการช่วยเหลือดูแลนักท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้เพียงพอต่อการดูแลความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว