ข้อตกลงดังกล่าวได้รับการรับรองโดย นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และ นาย ออง ลา ทุน หัวหน้าคณะนักข่าวจากประเทศเมียนม่าร์ ซึ่งได้มีการลงนามกันภายหลังจากการประชุมพบปะหารือเรื่องสถานการณ์สื่อมวลชน และความร่วมมือของทั้งสองสมาคม เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2556 ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
นายประดิษฐ์ กล่าวว่าการเดินทางมาประเทศไทยระหว่างวันที่ 1-5 กันยายน 2556 ของนักข่าวจากเมียนม่าร์ถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สื่อมวลชนของทั้งสองประเทศและเห็นว่าโครงการแลกเปลี่ยนสื่อมวลชนของทั้งสองประเทศน่าจะได้มีการทำกันอย่างต่อเนื่องและตลอดไปทุกๆปี
ทั้งนี้ ทางสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยได้เชิญนักข่าวจากประเทศเมียนม่าร์มาศึกษาดูงานสื่อมวลชนในประเทศไทยเพื่อหวังว่าทางสื่อมวลชนจากประเทศเมียนม่าร์ จะได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่องการต่อสู้ทางด้านสิทธิเสรีภาพที่สื่อมวลชนไทยได้ต่อสู้มาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ทางสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยตระหนักดีว่า ประเทศเมียนม่าร์ซึ่งกำลังเริ่มต้นการปฏิรูปในทุกมิติ สื่อมวลชนเมียนม่าร์น่าจะได้เรียนรู้เรื่องความก้าวหน้าในเรื่องของเสรีภาพจากสื่อมวลชนไทยไม่มากก็น้อย อีกทั้งทางสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยยังได้จัดให้ตัวแทนนักข่าวเมียนม่าร์ได้พบกับตัวแทนจากรัฐสภาเพื่อเรียนรู้ระบบการเมืองของประเทศไทย และ นักธุรกิจจากหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในเรื่องความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายระหว่างประเทศไทยและ ประเทศเมียนม่าร์ในครั้งนี้ด้วย
นายประดิษฐ์ กล่าวอีกว่า ในการเดินทางมาเยือนของตัวแทนนักข่าวจากประเทศเมียนม่าร์ในครั้งนี้ ทางสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศเมียนม่าร์ ยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลงทำความเข้าใจร่วมกันถึง 7 ข้อ ซึ่งประเด็นสำคัญอยู่ที่ทั้งสองสมาคมจะร่วมมือกันทำความเข้าใจเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีในเรื่องความสัมพันธ์กันระหว่างสองประเทศทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และทั้งสองสมาคมยินดีที่จะดำเนินการโครงการแลกเปลี่ยนเยี่ยมเยือนกันระหว่างสองประเทศจากนี้ต่อไป
นาย ออง ลา ทุน กล่าวว่า การเดินทางมาประเทศไทยในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกและครั้งประวัติศาสตร์ที่ทั้งสองสมาคมจะต้องจดบันทึกไว้ในความทรงจำตลอดไป ทางสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศเมียนม่าร์ได้เรียนรู้อะไรมากมายอย่างเช่นการพัฒนาทางด้านสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนไทย และขอยืนยันในการให้ความร่วมมือกับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เพื่อความสัมพันธ์อันดีต่อไประหว่างสมาคมของทั้งสองประเทศ
นายประดิษฐ์ กล่าวว่าการเดินทางมาประเทศไทยระหว่างวันที่ 1-5 กันยายน 2556 ของนักข่าวจากเมียนม่าร์ถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สื่อมวลชนของทั้งสองประเทศและเห็นว่าโครงการแลกเปลี่ยนสื่อมวลชนของทั้งสองประเทศน่าจะได้มีการทำกันอย่างต่อเนื่องและตลอดไปทุกๆปี
ทั้งนี้ ทางสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยได้เชิญนักข่าวจากประเทศเมียนม่าร์มาศึกษาดูงานสื่อมวลชนในประเทศไทยเพื่อหวังว่าทางสื่อมวลชนจากประเทศเมียนม่าร์ จะได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่องการต่อสู้ทางด้านสิทธิเสรีภาพที่สื่อมวลชนไทยได้ต่อสู้มาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ทางสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยตระหนักดีว่า ประเทศเมียนม่าร์ซึ่งกำลังเริ่มต้นการปฏิรูปในทุกมิติ สื่อมวลชนเมียนม่าร์น่าจะได้เรียนรู้เรื่องความก้าวหน้าในเรื่องของเสรีภาพจากสื่อมวลชนไทยไม่มากก็น้อย อีกทั้งทางสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยยังได้จัดให้ตัวแทนนักข่าวเมียนม่าร์ได้พบกับตัวแทนจากรัฐสภาเพื่อเรียนรู้ระบบการเมืองของประเทศไทย และ นักธุรกิจจากหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในเรื่องความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายระหว่างประเทศไทยและ ประเทศเมียนม่าร์ในครั้งนี้ด้วย
นายประดิษฐ์ กล่าวอีกว่า ในการเดินทางมาเยือนของตัวแทนนักข่าวจากประเทศเมียนม่าร์ในครั้งนี้ ทางสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศเมียนม่าร์ ยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลงทำความเข้าใจร่วมกันถึง 7 ข้อ ซึ่งประเด็นสำคัญอยู่ที่ทั้งสองสมาคมจะร่วมมือกันทำความเข้าใจเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีในเรื่องความสัมพันธ์กันระหว่างสองประเทศทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และทั้งสองสมาคมยินดีที่จะดำเนินการโครงการแลกเปลี่ยนเยี่ยมเยือนกันระหว่างสองประเทศจากนี้ต่อไป
นาย ออง ลา ทุน กล่าวว่า การเดินทางมาประเทศไทยในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกและครั้งประวัติศาสตร์ที่ทั้งสองสมาคมจะต้องจดบันทึกไว้ในความทรงจำตลอดไป ทางสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศเมียนม่าร์ได้เรียนรู้อะไรมากมายอย่างเช่นการพัฒนาทางด้านสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนไทย และขอยืนยันในการให้ความร่วมมือกับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เพื่อความสัมพันธ์อันดีต่อไประหว่างสมาคมของทั้งสองประเทศ