xs
xsm
sm
md
lg

บ้านเมืองระส่ำแผ่นดินระอุ คนไทยอ่วมเศรษฐกิจทรุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**ดูโหงวเฮ้งรัฐนาวาของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ช่วงนี้ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เพราะมีสารพัดสารพันปัญหาถาโถมเข้าใส่อย่างไม่ยั้ง
แม้จะมีทีมงานที่เช็ตกันมาดี ช่วยกันเบี่ยงกระแส-เปลี่ยนทิศทาง-เปลี่ยนอารมณ์ ของข่าวสาร แต่ก็ได้เพียงครั้งคราว เพราะเนื้องานไม่ดี มันก็ไม่ดีอยู่วันยังค่ำ
**หากวิเคราะห์การบริหารประเทศชั่วโมงนี้ มีปัญหาสอดแทรกอยู่ทุกอณู
โดยเฉพาะงานด้านเศรษฐกิจ ที่ปัญหาค่าเงินบาทของไทย อ่อนค่าลงพรวดพราด จากระดับ 31.42 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ในวันที่ 19 สิงหาคม ไปอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 32.02 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แล้ว
และมีแนวโน้มจะอ่อนค่าลงเรื่อย ซึ่งถือเป็นการอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 3 ปี
ค่าเงินบาทที่อ่อนลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลสะท้อนกลับสร้างกำไรให้กับนักลงทุนต่างชาติ ที่ขนเงินเข้ามาลงทุนในไทยอย่างมหาศาล นอกจากนี้ยังส่งผลการลงทุนในตลาดหุ้นของไทยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
**เหมือนที่ ธนาคารพาณิชย์ หลายแห่งได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า
และแม้สัญญาณค่าเงินบาทอ่อนค่าจะมีมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว แต่เรายังไม่เห็นมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม ยังไร้สัญญาณจาก “โต้ง ไวท์ลาย - กิตติรัตน์ ณ ระนอง” หัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาล จะออกมาแอคติ้งแอคชั่น แต่อย่างใด
**ทั้งที่ใครก็มองออกว่า หากปล่อยไปอย่างนี้มีหวังทรุดกับทรุด
ยังมีเรื่องค่าครองชีพที่รัฐบาลถือเอาฤกษ์ดีวันที่ 1 กันยายน “ไฟเขียว”กระชากค่าครองชีพอีกครั้ง โดยปล่อยให้มีการขึ้นราคาโดยพร้อมเพรียงกัน ทั้ง “ค่าไฟฟ้า-แก๊สหุงต้ม-ค่าทางด่วน”เรียงคิวกันอัพราคาแบบชาวบ้านได้แต่มองตาปริบๆ
ทั้งที่เมื่อ 2 ปีก่อน สมัยจัดตั้งรัฐบาล วันที่ 1 กันยายน วันเดียวกันนี้เองที่ “ยิ่งลักษณ์”ประกาศกระชากค่าครองชีพ ลดราคาน้ำมันลง แต่มาวันนี้ทุกอย่างพร้อมใจกันขึ้นราคาเหมือนไม่ได้นัดหมายกัน
**คงต้องเรียกว่าเป็นช่วงรัฐบาล “ขาขึ้น”(ราคา) จริงๆ
ปัญหาราคาแก๊สหุ้งต้ม ตามนโยบายรัฐบาลให้มีผลขึ้นราคาแก๊สหุ้งต้มกิโลกรัมละ 50 สตางค์ต่อเดือน เป็นเวลา 12 เดือน ส่งผลกระทบชิ่งไปยังคนขับรถ โดยเฉพาะผู้ขับขี่แท็กซี่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นฐานเสียงของรัฐบาลเอง
แม้จะมีมาตรการช่วยเหลืออยู่ แต่อาจจะไม่ครอบคลุมทั้งหมด เป็นเหตุให้บรรดาแท็กซี่ ออกมาปิดถนนวิภาวดี หน้าที่ทำการกระทรวงพลังงาน ถึงจะยุติการชุมนุมไปแล้ว แต่ฟันธงได้เลยว่า อีกไม่นานจะกลับมาชุมนุมกันอีก เพราะราคาแก๊สจะดีดตัวสูงมาก
ถัดมาที่ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ เป็น “น้ำผึ้งหยดเดียว”ที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหา จนปัญหาลุกลามไปถึงขั้นเตรียมชุมนุมปิดถนนเกือบทุกภาคของประเทศ ตามข้อเรียกร้องของ “เครือข่ายชาวสวนยางแห่งประเทศไทย”ต้องการให้รัฐบาลประกันราคายางรมควันชั้น 3 ราคา 101 บาทขึ้นไปต่อกิโลกรัม ยางแผ่นดิบชั้น 3 ราคา 92 บาทต่อ กิโลกรัม น้ำยางสด ราคา 81 บาทต่อ กิโลกรัม และยางก้นถ้วยราคา 83 บาทต่อกิโลกรัม
แต่รัฐบาลออกลูกเฉไฉ ไม่ตอบรับข้อเสนอของชาวสวนยาง ยืนขาเดียวต้องการช่วยเหลือด้านอื่น เช่น สนับสนุนปัจจัยการผลิต 1,260 ต่อไร่ สำหรับเกษตรกรที่มีสวนยางไม่เกิน 10 ไร่ สะท้อนให้เห็นว่า ความจริงใจของรัฐบาลในการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำแทบไม่มีเลย
**แก้ปัญหากันแบบเกาไม่ถูกที่คัน
ลือกันในวงลับว่ารัฐบาล “ถังแตก”ไม่สามารถโยกเงินมาช่วยเหลือชาวสวนยางพาราได้ เพราะเงินจาก“ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร” หรือ ธกส. ส่วนใหญ่ถูกละเลงไปกับโครงการรับจำนำข้าว เกือบหมดแล้ว
วงรอบของเงินที่จะหมุนมาช่วยเหลือภาคการเกษตรอื่นจึงไม่พอ !!!
เพราะหากติดตามการบริหารงานของ “ยิ่งลักษณ์” จะรู้ว่ากลัว “ม็อบ”แค่ไหน เมื่อมีปัญหาเดือดร้อนจะสั่งให้ ลิ่วล้อ ไปเคลียร์เสียให้จบ ไม่ชอบปล่อยให้เกินเลย จนส่งผลเสียต่อรัฐบาล แต่คราวนี้กลับไม่ยอมโอนอ่อนตามข้อเสนอของชาวสวนยาง
**เข้าอีหรอบนี้ ก็มองเป็นอื่นไม่ได้ว่ารัฐบาล “บ่จิ๊”ไม่มีปัญญาทำตามข้อเรียกร้อง
สรุปแล้วการบริหารงานด้านเศรษฐกิจ ของรัฐบาลแทบไม่มีโครงการที่จะเดินหน้าเลย แม้แต่โครงการเดียว ยอมรับสภาพแก้ปัญหารายวันไป
**ดูแล้วมีแต่ “ทรุด”กับ “ทรุด”
ทางออกของรัฐบาลมองแล้วเหมือนจะรอคอยให้ “พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท”ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา เพื่อจะได้มีเงินกระตุ้นเศรษฐกิจประคับประคองความอยู่รอดของรัฐบาล
มองกันไปต่อที่งานด้านความมั่นคง ที่การแก้ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดภาคใต้ ดูแล้วการ“พูดคุยสันติภาพ”ที่ชะงักลง เนื่องจาก“กองทัพ” ไม่เห็นด้วยกับการรับข้อเสนอ 5 ข้อ ของ “กลุ่มบีอาร์เอ็น”โดย “ฮัสซัน ตอยิบ”ออกมาแถลงผ่านเว็บไซต์ยูทูป เมื่อหลายเดือนก่อน
ทำให้“ทีมพูดคุยสันติภาพ” ที่มี “เสธ.แมวเหมียว -พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร”เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นำทัพ ถึงกับต้อง “หน้าแหก”เพราะคาดการณ์ไว้ว่าน่าจะรับข้อเสนอได้ในบางข้อ
**แต่พอเจอไม้แข็งของ“กองทัพ”ถึงกับไปไม่เป็น
ข่าวจาก“หน่วยงานความมั่นคง”ให้จับตาพื้นที่ชายดนใต้ในช่วงนี้อย่างใกล้ชิด เพราะคาดหมายกันว่ากลุ่มก่อความไม่สงบ จะหาโอกาสก่อเหตุรุนแรงครั้งใหญ่หลัง 31 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันชาติของมาเลเซีย เพื่อตอบโต้ที่ “รัฐไทย”ไม่ยอมรับ 5 ข้อเสนอ
ส่วนการพูดคุยสันติภาพ อย่างไรก็ต้องเดินต่อ เพื่อให้บรรลุข้อตกลงที่โอเค เซย์เยสกันไปแล้ว คือต้องการให้เป็นพื้นที่ “เขตปกครองพิเศษ”ให้จับตา “มาเลเซีย”จะกำหนดเกมหลังจากนี้อย่างไร
ยังมีปัญหาแผ่นตรวจลงตราวีซ่าของไทย ที่สูญหายจำนวนมากในต่างแดน
หายจากมาเลเซีย 300 แผ่น หายจากสาธารณรัฐประชาชนลาว 500 แผ่น หายจากการส่งไปกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์อีก 2,000 แผ่น
ใครหลายคนในรัฐบาลมองเป็นประเด็นเล็ก แต่ “หน่วยงานความมั่นคง”ประเมินกันว่าปกติแผ่นตรวจลงตราวีซ่า ถ้าหายก็จะไม่หายมากขนาดนี้ จึงมีนัยยะสำคัญยิ่งว่าอาจจะมี “เครือข่ายระหว่างประเทศ”กำลังเคลื่อนไหวในทิศทางที่เป็นอันตรายหรือไม่
เพราะตามการข่าว ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่“กลุ่มก่อการร้าย”ใช้พักพิงอยู่เยอะพอสมควร เหมือนข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ ขณะนี้ “หน่วยงานความมั่นคง” จึงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
ทั้งหมดคือ 2 ปัญหาใหญ่ที่ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะต้องเผชิญแต่ดูเหมือนว่าจะแก้ไม่ค่อยทันการณ์ รอให้ปัญหาติดพันก่อนแล้วแก้
**เหมือน"ลิงแก้แห"
กำลังโหลดความคิดเห็น