xs
xsm
sm
md
lg

สตม.รวบหนุ่มใหญ่ขบวนการปลอมแปลงพาสปอร์ต-วีซ่า

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


สตม.แถลงข่าวจับกุมสหนุ่มมใหญ่ขบวนการปลอมแปลงพาสปอร์ต-วีซ่า พร้อมของกลางพาสปอร์ต-วีซ่าปลอมหลายประเทศ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่จับกุมตรวจสอบนักท่องเที่ยวที่ถือวีซ่า-พาสปอร์ตปลอมผลักดันออกนอกประเทศ ด้าน รมว.ต่างประเทศสั่งออกวีซ่ารูปแบบใหม่ป้องกันเหตุสูญหายแล้วมิจฉาชีพนำไปปลอมแปลง

เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (26 ส.ค.) ที่สำนักงานกองบัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ต.ชิษณุพงศ์ ยุกตะทัต รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชาติชาย เอี่ยมแสง รอง ผบก.สส.สตม. พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สตม. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายไพบูลย์ หรือบุ๊ง ศรีวัชระโรจน์ อายุ 55 ปี สัญชาติไทย พร้อมของกลางหนังสือเดินทางสัญชาติฝรั่งเศสปลอม 18 เล่ม หนังสือเดินทางสัญชาติสเปนปลอม 25 เล่ม แผ่นปะตรวจลงตรา (วีซ่า) สัญชาติแคนาดาปลอม 25 แผ่น แผ่นปะตรวจลงตราสัญชาติอินเดียปลอม 25 แผ่น แผ่นปะตรวจลงตราสัญชาติอินโดนีเซียปลอม 25 แผ่น โดยจับกุมได้ที่บริเวณร้านอาหารครัวบุคอรี ซอยเจริญกรุง 105 แขวงและเขตบางคอแหลม เมื่อวันที่ 24 ส.ค.

พล.ต.ต.รณศิลป์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. ร่วมกับศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย สืบสวนทราบมาว่านายไพบูลย์ได้ลักลอบทำหนังสือเดินทาง และแผ่นปะตรวจลงตรา หรือวีซ่าปลอม โดยจะส่งมอบให้ลูกค้าที่สั่งซื้อที่บริเวณร้านอาหารครัวบุคอรี ซอยเจริญกรุง 105 จึงจัดกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตาม กระทั่ง เวลา 15.30 น. วันที่ 24 ส.ค. นายไพบูลย์ได้เดินเข้ามาในร้านดังกล่าว โดยถือถุงพลาสติกแบบหูหิ้วสีเขียว ซึ่งเชื่อว่าใส่หนังสือเดินทางและแผ่นวีซ่าปลอมไว้ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตนเพื่อขอเข้าตรวจสอบ จากการตรวจสอบถุงพลาสติกดังกล่าวพบว่า มีหนังสือเดินทางสัญชาติฝรั่งเศสปลอม 18 เล่ม, หนังสือเดินทางสัญชาติสเปนปลอม 25 เล่ม, วีซ่าสัญชาติแคนาดาปลอม 25 แผ่น, วีซ่าสัญชาติอินเดียปลอม 25 แผ่น, วีซ่าสัญชาติอินโดนีเซียปลอม 25 แผ่น จึงจับกุมนายไพบูลย์พร้อมกับยึดหนังสือเดินทาง และวีซ่าปลอมทั้งหมดไว้เป็นของกลาง

พล.ต.ต.รณศิลป์กล่าวอีกว่า สตม.ได้เชิญสถานทูตทั้ง 4 ประเทศที่เกี่ยวข้องมาดูวีซ่าปลอม ปรากฏว่า แผ่นปะตรวจลงตราทำได้คล้ายของจริงมากแต่อย่างละเอียดจะรู้ได้ทันทีว่าเป็นของปลอมเพราะสีไม่เหมือนของจริง ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ด้วยตาเปล่า ส่วนราคาการทำวีซ่า 1 แผ่นอยู่ที่ 1,000 บาท หนังสือเดินทาง 2,000 บาท จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่า มีประวัติเกี่ยวกับการทำหนังสือเดินทางปลอมมาหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่ปี 49 มีประวัติถึง 6 ครั้ง ในเรื่องทำหนังสือเดินทางปลอม โดยขณะนี้ สตม.ได้ติดตามกลุ่มที่กระทำความผิดอยู่ แต่ต้องรอจับกุมพร้อมของกลาง

ขณะที่ พ.ต.อ.ชาติชายกล่าวว่า สตม.ได้ตามเรื่องแผ่นปะตรวจลงตรา (วีซ่า) ที่หายไปของสถานทูตไทยในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย 300 ใบ ปรากฏได้ข่าวจากศูนย์รักษาความปลอดภัย สตม.จึงให้ข้อมูลไปเช็คว่าช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับความมั่นคงหรือไม่ ซึ่งทางศูนย์แจ้งว่ามีการลักลอบนำแผ่นปะตรวจลงตรามาขาย แต่ไม่ใช่ของมาเลเซีย แต่ปรากฏว่าเป็นแผ่นปะตรวจลงตราของชาติอื่น ส่วนพาสปอร์ตของปลอมนั้น ถือว่าเป็นผลพลอยได้จากการตรวจค้นด้วย

ด้าน พล.ต.ต.ชิษณุพงศ์กล่าวว่า กรณีที่แผ่นปะวีซ่าหายไป เวลาที่ต่างชาติจะเข้ามาประเทศไทยจะมีกฎหมาย พ.ร.บ.เข้าเมืองอยู่ คือ มาตรา 38 โดยหน้าที่ของผู้ที่อยู่อาศัย เจ้าของโรงแรม บ้านเช่า หรือแม้แต่ประชาชนเอง ที่มีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติมาอยู่ที่บ้าน จะต้องแจ้งให้ สตม.ทราบ หรือแจ้งสน.พื้นที่ก็ได้ อย่างไรก็ดี สตม.ได้ออกแบบในการแจ้งทางเว็บไซต์ไว้ให้ ถ้าสงสัยให้โทรเข้ามาสอบถามทางคอลเซ็นเตอร์ 1178 ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่ได้รายละเอียดของคนมาพัก เพื่อจัดทำข้อมูลเชื่อมโยงกับประวัติ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาปลอมหนังสือเดินทางมีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งหนังสือเดินทางและปลอมแผ่นปะตรวจลงตรา (วีซ่า) อันใช้ในการตรวจลงตรา สำหรับเดินทางระหว่างประเทศ นำส่งพนักงานสอบสวน สตม.ดำเนินคดีต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีที่มีคนต่างชาติลักลอบใช้แผ่นปะตรวจลงตราของสถานทูตไทยประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ได้ยกเลิกไปแล้วนั้น ขณะนี้ทาง สตม.ได้เพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักร และสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี ในความผิดฐานใช้เอกสารปลอมได้ 14 ราย

วันเดียวกัน ที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ เปิดเผยว่า นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้รายงานว่าแผ่นแปะตรวจลงตรา (วีซ่า) ที่ส่งไปยังสถานเอกอัครราชไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ หายไป 2,000 ดวง ระหว่างการขนส่งถุงเมล์ ซึ่งขณะนี้ได้สั่งยกเลิกการใช้ทั้ง 2,000 แผ่นแล้ว และกำลังตรวจสอบทุกขั้นตอนในการขนส่งอย่างละเอียดว่าหายไปได้อย่างไร คาดว่าจะทำเป็นขบวนการ แต่ชั้นนี้ยังไม่พบว่ามีข้าราชการของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวข้อง แต่ถ้าตรวจสอบพบว่าใครทำผิด ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ตนได้กำชับให้ระมัดระวังและรัดกุมในการจัดส่งมากขึ้น

“ได้หารือกับอธิบดีกรมการกงสุล ถึงแนวทางการออกวีซ่าในรูปแบบใหม่เพื่อป้องกันการสูญหายหรือลักลอบปลอมแปลง โดยอาจใช้คอมพิวเตอร์พิมพ์ที่ปลายทาง ซึ่งมีรูปหน้าคนที่ขอวีซ่าอยู่ด้วย” นายสุรพงษ์
ระบุ

ด้านนายณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า โดยปกติแล้ว กระทรวงฯจะส่งแผ่นแปะตรวจลงตราวีซ่าและเอกสารทางราชการในถุงเมล์ผ่านทางสายการบินพาณิชย์ ไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทยในประเทศต่างๆ แต่กรณีที่กรุงเฮกนั้น ไม่มีเครื่องบินของสายการบินไทยบินตรง จึงต้องส่งถุงเมล์ขึ้นเครื่องบินของการบินไทยไปส่งลงที่สนามบินแฟรงค์เฟิร์ตแล้วส่งขึ้นเครื่องบินของสายการบินลุฟท์ฮันซา เพื่อส่งไปที่สนามบินอัมสเตอร์ดัมในเนเธอร์แลนด์ สำหรับกรณีที่เกิดขึ้น กระทรวงฯส่งไปตั้งแต่เดือน ก.ค. แต่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮกไม่ได้รับ จึงติดต่อไปที่สายการบินลุฟท์ฮันซ่าให้ตรวจสอบ แต่ปรากฏว่าสายการบินดังกล่าวหาไม่เจอ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องการสูญหายระหว่างการจัดส่ง ซึ่งสายการบินลุฟท์ฮันซาได้แจ้งขอรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด และกระทรวงฯได้สั่งยกเลิกแผ่นแปะตรวจลงตรา (วีซ่า) 2,000 ใบ และเอกสารทางราชการอื่นๆที่อยู่ในถุงเมล์เดียวกัน ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค. เรื่องนี้จึงเป็นคนละเรื่องกับกรณีที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

นายณัฏฐวุฒิกล่าวอีกว่า กรณีของสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นการหายไปตั้งแต่เดือน ต.ค. 2555 แต่กระทรวงฯไม่แจ้งนั้น ตนขอชี้แจงว่ากระทรวงฯไม่ทราบเรื่องมาก่อน เพิ่งทราบเรื่องเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาซึ่งมีการจับชาวต่างชาติที่นำแผ่นแปะวีซ่ามาใช้ และเมื่อตนบินไปตรวจสอบด้วยตัวเองจึงทราบว่าหายไปตั้งแต่เดือน ต.ค. 2555 ซึ่งเราไม่ได้ปิดบังข้อมูล สำหรับความคืบหน้าของคดีนี้ สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกำลังสืบสวนอยู่
กำลังโหลดความคิดเห็น