ASTV ผู้จัดการรายวัน- “สุวัตร” ยอมรับชีวิตไม่ปลอดภัย หลังรับทำคดีอุ้มฆ่า“เอกยุทธ” ผวาตร.ไม่ต้องคุ้มครอง แฉ “สมชาย จิตปรีดากร” ปธ.บริษัททีซีเอ็ม ที่ถูกไอ้บอลซัดทอดเป็นผู้จ้างวานฆ่า เคยได้ประมูลงานรัฐ 1,000 ล้าน ท้า “นพดล”ยื่นฟ้องหมิ่นประมาทสู้กันแบบลูกผู้ชาย จะได้ซักค้านความเชื่อมโยงระหว่าง สมชาย ไอ้บอล และนช.แม้ว ตั้งข้อสงสัยตร.เชื่อคำให้การ"สมชาย"โดยไม่สอบข้อเท็จจริง
วานนี้ (20 ส.ค.) นายสุวัตร อภัยภักดิ์ อดีตทนายความนายเอกยุทธ อัญชันบุตร เจ้าของเว็บไซด์ไทยอินไซเดอร์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกอุ้มฆ่าเสียชีวิต เปิดเผยภายหลังแจ้งความลงบันทึกประจำวันเรื่องถูกข่มขู่ ที่ สน.พหลโยธิน เมื่อวานที่ผ่านมาว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รับแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน แต่ตนไม่ได้ร้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ไปคุ้มครองดูแลความปลอดภัยของสำนักงานทนายความที่อยู่ภายในซอยรัชดาภิเษก 32 แต่อย่างใด เนื่องจากเห็นว่าอาจจะเป็นการชี้เป้าได้ ส่วนประเด็นที่ตนถูกข่มขู่นั้นมีด้วยกัน 2 เรื่อง คือ 1. คดีนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ที่ถูกคนร้ายอุ้มฆ่าเสียชีวิต และ 2. คดีฟ้องหย่าสินสมรส ระหว่างนางเสาวณีย์ โอสถานุเคราะห์ กับนายชินเวศ สารสาส ทุนทรัพย์ 800 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองเรื่องก็มีน้ำหนัก 50-50 ซึ่งเรื่องนายเอกยุทธเป็นเรื่องที่รุนแรงอันดับหนึ่ง แต่เรื่องฟ้องหย่าสินสมรสก็รุนแรงเป็นอันดับสอง มองข้ามไมได้เช่นกัน เนื่องจากที่ผ่านมามีความพยายามที่จะซื้อทนายความคนหนึ่งแต่ไม่สามารถซื้อตนเองได้ จึงอาจเป็นประเด็นที่ทำให้ถูกขู่ทำร้าย
นายสุวัตร อภัยภักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ชีวิตตนเองแขวนอยู่บนความไม่ปลอดภัย จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ตนก็คิดในทางที่ดีว่าจะขอทำหน้าที่ทนายความเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน ส่วนกรณีที่นายนพดล ปัทมะ ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เตรียมจะแจ้งความหมิ่นประมาทตนเองนั้น ก็ยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ซึ่งในความผิดฐานหมิ่นประมาท การตั้งคำถามไม่ถือว่าเป็นการหมิ่นประมาท ตามกฎหมายผู้พูดจะต้องยืนยันข้อเท็จจริง จึงจะเป็นความผิดตามกฎหมาย
“อยากท้าให้นายนพดล ปัทมะ ซึ่งเป็นทนายความอยู่แล้ว มาฟ้องผมโดยตรงต่อศาลเลย ไม่ต้องผ่านตำรวจ เพราะว่าผมจะได้ซักค้านนายนพดลด้วยตัวเอง และอยากจะเจอกับนายนพดลในศาลแบบตัวต่อตัว” ทนายสุวัตรกล่าว
นายสุวัตรกล่าวต่อว่า ทั้งนี้คำพูดตนเป็นลักษณะการตั้งคำถามเพื่อชี้ประเด็นให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบในประเด็นที่ยังสงสัยอยู่ ไม่ใช่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริง เช่น นายสมชาย จิตปรีดากร ประธานบริษัท ทรีวิว จำกัด มีความเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างไร และนายบอล กับนายสมชาย เคยไปที่พรรคเพื่อไทยหรือไม่ และจากการตรวจสอบข้อมูล พบว่านายสมชายเคยได้งานประมูลของรัฐบาล มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ตนกำลังตรวจสอบข้อมูลอีกว่านายสมชาย จิตปรีดากร และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความสนิทสนมกันมากน้อยเพียงใด
นายสุวัตรกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่นายสมชายได้ให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.น.ว่า นายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือนายบอล เป็นเพียงลูกน้องปลายแถวนั้น ข้อเท็จจริงแล้วน่าจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกว่านั้นมาก เพราะข้อมูลดังกล่าวตนได้จากการให้ทนายความของตนเข้าไปสอบถามนายบอลภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งนายบอลก็เป็นคนบอกข้อมูลเองทุกอย่าง จากนั้นจึงได้ตรวจสอบดูว่าข้อมูลเป็นจริงหรือไม่ และได้ตั้งประเด็นคำถามไปยัง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบ.ช.น.และพนักงานสอบสวน จำนวน 5 ประเด็น เกี่ยวกับคดีอุ้มฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตร ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่านายสมชายพูดอะไร ตำรวจก็เชื่อหมด ไม่ได้มีการตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
ด้านพล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า นายสุวัตร ยังไม่ได้ร้องขอกำลังตำรวจไปดูแลความปลอดภัย แต่หากมีการประสานมาก็พร้อมจะดำเนินการให้ ส่วนประเด็น 5 ข้อสงสัยตามที่นายสุวัตร ตั้งข้อสังเกตุไว้นั้น ฝ่ายสืบสวนกำลังติดตามในเรื่องของฮาร์ดดิส โดยจะรายงานผลสืบสวนสอบสวนให้ทราบในวันที่ 25 ส.ค.นี้ ส่วนข้อสงสัยอื่นๆ มีความชัดเจนแล้วในเรื่องของนายสันติภาพ เพ็งด้วง เคยทำงานเป็นคนขับรถในบริษัท ทีซีเอ็ม จำกัด (ทีซีวิวจำกัด) ของนายสมชาย จิตปรีดากร ขณะที่นายสมชาย ยืนยันว่า ไม่ได้รู้จักกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการส่วนตัว และไม่เคยไปที่พรรคเพื่อไทยกับนายสันติภาพ
วานนี้ (20 ส.ค.) นายสุวัตร อภัยภักดิ์ อดีตทนายความนายเอกยุทธ อัญชันบุตร เจ้าของเว็บไซด์ไทยอินไซเดอร์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกอุ้มฆ่าเสียชีวิต เปิดเผยภายหลังแจ้งความลงบันทึกประจำวันเรื่องถูกข่มขู่ ที่ สน.พหลโยธิน เมื่อวานที่ผ่านมาว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รับแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน แต่ตนไม่ได้ร้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ไปคุ้มครองดูแลความปลอดภัยของสำนักงานทนายความที่อยู่ภายในซอยรัชดาภิเษก 32 แต่อย่างใด เนื่องจากเห็นว่าอาจจะเป็นการชี้เป้าได้ ส่วนประเด็นที่ตนถูกข่มขู่นั้นมีด้วยกัน 2 เรื่อง คือ 1. คดีนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ที่ถูกคนร้ายอุ้มฆ่าเสียชีวิต และ 2. คดีฟ้องหย่าสินสมรส ระหว่างนางเสาวณีย์ โอสถานุเคราะห์ กับนายชินเวศ สารสาส ทุนทรัพย์ 800 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองเรื่องก็มีน้ำหนัก 50-50 ซึ่งเรื่องนายเอกยุทธเป็นเรื่องที่รุนแรงอันดับหนึ่ง แต่เรื่องฟ้องหย่าสินสมรสก็รุนแรงเป็นอันดับสอง มองข้ามไมได้เช่นกัน เนื่องจากที่ผ่านมามีความพยายามที่จะซื้อทนายความคนหนึ่งแต่ไม่สามารถซื้อตนเองได้ จึงอาจเป็นประเด็นที่ทำให้ถูกขู่ทำร้าย
นายสุวัตร อภัยภักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ชีวิตตนเองแขวนอยู่บนความไม่ปลอดภัย จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ตนก็คิดในทางที่ดีว่าจะขอทำหน้าที่ทนายความเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน ส่วนกรณีที่นายนพดล ปัทมะ ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เตรียมจะแจ้งความหมิ่นประมาทตนเองนั้น ก็ยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ซึ่งในความผิดฐานหมิ่นประมาท การตั้งคำถามไม่ถือว่าเป็นการหมิ่นประมาท ตามกฎหมายผู้พูดจะต้องยืนยันข้อเท็จจริง จึงจะเป็นความผิดตามกฎหมาย
“อยากท้าให้นายนพดล ปัทมะ ซึ่งเป็นทนายความอยู่แล้ว มาฟ้องผมโดยตรงต่อศาลเลย ไม่ต้องผ่านตำรวจ เพราะว่าผมจะได้ซักค้านนายนพดลด้วยตัวเอง และอยากจะเจอกับนายนพดลในศาลแบบตัวต่อตัว” ทนายสุวัตรกล่าว
นายสุวัตรกล่าวต่อว่า ทั้งนี้คำพูดตนเป็นลักษณะการตั้งคำถามเพื่อชี้ประเด็นให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบในประเด็นที่ยังสงสัยอยู่ ไม่ใช่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริง เช่น นายสมชาย จิตปรีดากร ประธานบริษัท ทรีวิว จำกัด มีความเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างไร และนายบอล กับนายสมชาย เคยไปที่พรรคเพื่อไทยหรือไม่ และจากการตรวจสอบข้อมูล พบว่านายสมชายเคยได้งานประมูลของรัฐบาล มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ตนกำลังตรวจสอบข้อมูลอีกว่านายสมชาย จิตปรีดากร และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความสนิทสนมกันมากน้อยเพียงใด
นายสุวัตรกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่นายสมชายได้ให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.น.ว่า นายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือนายบอล เป็นเพียงลูกน้องปลายแถวนั้น ข้อเท็จจริงแล้วน่าจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกว่านั้นมาก เพราะข้อมูลดังกล่าวตนได้จากการให้ทนายความของตนเข้าไปสอบถามนายบอลภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งนายบอลก็เป็นคนบอกข้อมูลเองทุกอย่าง จากนั้นจึงได้ตรวจสอบดูว่าข้อมูลเป็นจริงหรือไม่ และได้ตั้งประเด็นคำถามไปยัง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบ.ช.น.และพนักงานสอบสวน จำนวน 5 ประเด็น เกี่ยวกับคดีอุ้มฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตร ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่านายสมชายพูดอะไร ตำรวจก็เชื่อหมด ไม่ได้มีการตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
ด้านพล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า นายสุวัตร ยังไม่ได้ร้องขอกำลังตำรวจไปดูแลความปลอดภัย แต่หากมีการประสานมาก็พร้อมจะดำเนินการให้ ส่วนประเด็น 5 ข้อสงสัยตามที่นายสุวัตร ตั้งข้อสังเกตุไว้นั้น ฝ่ายสืบสวนกำลังติดตามในเรื่องของฮาร์ดดิส โดยจะรายงานผลสืบสวนสอบสวนให้ทราบในวันที่ 25 ส.ค.นี้ ส่วนข้อสงสัยอื่นๆ มีความชัดเจนแล้วในเรื่องของนายสันติภาพ เพ็งด้วง เคยทำงานเป็นคนขับรถในบริษัท ทีซีเอ็ม จำกัด (ทีซีวิวจำกัด) ของนายสมชาย จิตปรีดากร ขณะที่นายสมชาย ยืนยันว่า ไม่ได้รู้จักกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการส่วนตัว และไม่เคยไปที่พรรคเพื่อไทยกับนายสันติภาพ