บีบีซี - บีบีซี สื่อชื่อดังระดับโลกของอังกฤษ ชี้ไทยดิ่งลงสู่ภาวะถดถอย หลังเศรษฐกิจหดตัวอย่างไม่คาดฝันในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ อ้างนักวิเคราะห์ชี้ปัญหาพื้นฐานไม่ใช่แค่การส่งออก แต่ยังรวมไปถึงอุปสงค์ภายในที่อ่อนแอ
บีบีซีรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ระหว่างเดือนเมษายน ถึง มิถุนายน 2013 ของไทย หดดตัวลงอีกร้อยละ 0.3 หลังจากก่อนหน้านี้ในช่วงไตรมาสแรกของปี ก็หดตัวลงร้อยละ 1.7
ในรายงานของบีบีซีบอกว่า ภาวะเศรษฐกิจหดตัวของไทยเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน หลังจากก่อนหน้านี้เศรษฐกิจของไทยยังแข็งแกร่งและเติบโตแซงหน้าชาติอื่นๆในภูมิภาค ด้วยระหว่างปี 2012 มีการขยายตัวมากกว่าร้อยละ 6 ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนแสดงความกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจของไทยอาจจะเป็นแบบนี้ต่อไปอีกพักใหญ่
ซันเจย์ มาเธอร์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจของอาร์บีเอส ให้ทัศนะกับบีบีซีว่า ภาวะถดถอยของไทย มีต้นตอจากปัญหาพื้นฐานต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการส่งออกและอุปสงค์ภายในที่อ่อนแอ รวมถึงความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่ลดน้อยถอยลง
"ปัญหาพื้นฐานของที่นี่คือ มันไม่ใช่แค่การส่งออก แต่มันยังเกี่ยวข้องกับอุปสงค์ภายในประเทศด้วย มันควรจะเติบโตราวๆร้อยละ 3.5" เขากล่าว "ในช่วงต้นของปี มีการคาดหมายกันว่าไทยจะร้อนแรงเหนือเศรษฐกิจชาติเอเชียอื่นๆ ดังนั้นมันจึงเป็นความผิดหวังครั้งใหญ่"
ในรายงานของบีบีซีอ้างว่า ปัญหาสะดุดในโครงการลงทุนด้านจัดการบริหารน้ำตามหลังต้องประสบอุทกภัยใหญ่ในช่วงปลายปี 2011 ของรัฐบาลไทยคือต้นตอของการบริโภคภายในที่ตกต่ำ ขณะที่การบริโภคภายในประเทศคิดเป็นร้อยละ50 ของผลผลิตทางเศรษฐกิจของไทยเลยทีเดียว
รายงานของบีบีซียังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า แม้ในช่วงปลายปี 2012 เศรษฐกิจของไทยจะเติบโตมากกว่าที่คาดหมาย ด้วยจีดีพี ระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคม พุ่งขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 18.9 แต่ขณะเดียวกันหนี้ภาคครัวเรือนและราคาสินค้าก็พุ่งขึ้นเรื่อยๆ เหล่านี้เองได้ก่อความกังวล จนนำมาซึ่งการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคม และในการประชุมหนล่าสุดของธนาคารกลางแห่งประเทศไทย ก็คงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิมที่ร้อยละ 2.5
****“สีดูลักซ์”หวั่นหนี้ครัวเรือนพุ่ง
นายจรุง กาญจนภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อั๊คโช่ โนเบล เพ้นท์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดสีทาอาคารว่า ในช่วงครึ่งปีแรกตลาดค่อนข้างทรงตัว เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ได้รับอานิสงส์จากเหตุการณ์น้ำท่วมทำให้มีการเปลี่ยนสีบ้านใหม่จำนวนมาก แต่สำหรับตลาดในช่วงครึ่งปีหลังน่ากังวลเนื่องจากมีปัจจัยลบหลายประการทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยปัจจัยภายนอกที่น่าจับตามองคือปัญหาความไม่สงบในประเทศอียิปต์ หากลุลามจนถึงขั้นปิดคลองสุเอจที่เป็นเส้นทางขนส่งสินค้า โดยเฉพาะน้ำมัน อาจทำให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นสูงได้ แล่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกได้
ขณะที่ปัจจัยลบภายในประเทศ ได้แก่ ปัญหาการเมือง ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว GDP ปรับลด ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะจากโครงการรถคันแรก ทำให้ผู้บริโภคกำลังซื้อลดลง จนไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะส่งผลกระทบไปในทุกธุรกิจ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าภาคธุรกิจของไทยจะสามารถปรับตัวให้สามารถอยู่รอดในภาวะวิกฤตได้
บีบีซีรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ระหว่างเดือนเมษายน ถึง มิถุนายน 2013 ของไทย หดดตัวลงอีกร้อยละ 0.3 หลังจากก่อนหน้านี้ในช่วงไตรมาสแรกของปี ก็หดตัวลงร้อยละ 1.7
ในรายงานของบีบีซีบอกว่า ภาวะเศรษฐกิจหดตัวของไทยเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน หลังจากก่อนหน้านี้เศรษฐกิจของไทยยังแข็งแกร่งและเติบโตแซงหน้าชาติอื่นๆในภูมิภาค ด้วยระหว่างปี 2012 มีการขยายตัวมากกว่าร้อยละ 6 ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนแสดงความกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจของไทยอาจจะเป็นแบบนี้ต่อไปอีกพักใหญ่
ซันเจย์ มาเธอร์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจของอาร์บีเอส ให้ทัศนะกับบีบีซีว่า ภาวะถดถอยของไทย มีต้นตอจากปัญหาพื้นฐานต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการส่งออกและอุปสงค์ภายในที่อ่อนแอ รวมถึงความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่ลดน้อยถอยลง
"ปัญหาพื้นฐานของที่นี่คือ มันไม่ใช่แค่การส่งออก แต่มันยังเกี่ยวข้องกับอุปสงค์ภายในประเทศด้วย มันควรจะเติบโตราวๆร้อยละ 3.5" เขากล่าว "ในช่วงต้นของปี มีการคาดหมายกันว่าไทยจะร้อนแรงเหนือเศรษฐกิจชาติเอเชียอื่นๆ ดังนั้นมันจึงเป็นความผิดหวังครั้งใหญ่"
ในรายงานของบีบีซีอ้างว่า ปัญหาสะดุดในโครงการลงทุนด้านจัดการบริหารน้ำตามหลังต้องประสบอุทกภัยใหญ่ในช่วงปลายปี 2011 ของรัฐบาลไทยคือต้นตอของการบริโภคภายในที่ตกต่ำ ขณะที่การบริโภคภายในประเทศคิดเป็นร้อยละ50 ของผลผลิตทางเศรษฐกิจของไทยเลยทีเดียว
รายงานของบีบีซียังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า แม้ในช่วงปลายปี 2012 เศรษฐกิจของไทยจะเติบโตมากกว่าที่คาดหมาย ด้วยจีดีพี ระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคม พุ่งขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 18.9 แต่ขณะเดียวกันหนี้ภาคครัวเรือนและราคาสินค้าก็พุ่งขึ้นเรื่อยๆ เหล่านี้เองได้ก่อความกังวล จนนำมาซึ่งการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคม และในการประชุมหนล่าสุดของธนาคารกลางแห่งประเทศไทย ก็คงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิมที่ร้อยละ 2.5
****“สีดูลักซ์”หวั่นหนี้ครัวเรือนพุ่ง
นายจรุง กาญจนภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อั๊คโช่ โนเบล เพ้นท์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดสีทาอาคารว่า ในช่วงครึ่งปีแรกตลาดค่อนข้างทรงตัว เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ได้รับอานิสงส์จากเหตุการณ์น้ำท่วมทำให้มีการเปลี่ยนสีบ้านใหม่จำนวนมาก แต่สำหรับตลาดในช่วงครึ่งปีหลังน่ากังวลเนื่องจากมีปัจจัยลบหลายประการทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยปัจจัยภายนอกที่น่าจับตามองคือปัญหาความไม่สงบในประเทศอียิปต์ หากลุลามจนถึงขั้นปิดคลองสุเอจที่เป็นเส้นทางขนส่งสินค้า โดยเฉพาะน้ำมัน อาจทำให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นสูงได้ แล่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกได้
ขณะที่ปัจจัยลบภายในประเทศ ได้แก่ ปัญหาการเมือง ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว GDP ปรับลด ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะจากโครงการรถคันแรก ทำให้ผู้บริโภคกำลังซื้อลดลง จนไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะส่งผลกระทบไปในทุกธุรกิจ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าภาคธุรกิจของไทยจะสามารถปรับตัวให้สามารถอยู่รอดในภาวะวิกฤตได้