ASTV ผู้จัดการรายวัน - ดีเอสไอ จ่อส่งสำนวนฟ้องให้อัยการคดีอดีตพระเณรคำ หลังแยกคดีล่วงละเมิดทางเพศ-กระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน15ปี พร้อมขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ขีดเส้นหมายเรียกน้องชาย"สมีคำ"ตรวจดีเอ็นเอครั้งสุดท้าย ปปง.พบทรัพย์สิน เพิ่มกว่า 20 ล้านบาท พร้อมประสานสมาชิกองค์กรปราบปรามการฟอกเงินสากลร่วมตรวจสอบ
วานนี้ (19 ส.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายวิรพล สุขผล อดีตพระเณรคำ ว่ามีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งได้ติดตามข้อมูลเพิ่มทั้งในส่วนของคนใกล้ชิด และคนรู้จักที่อยู่ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา และเท่าที่ได้มีการตรวจสอบพบว่าในขณะนี้มีทรัพย์สินอีกมูลค่าประมาณ 10-20 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย ทั้งนี้ไม่รวมในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)และทางตำรวจที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้แล้ว จากการตรวจสอบเส้นทางทางการเงินของอดีตพระเณรคำและบุคลที่เกี่ยวข้องพบว่ายังคงมีกระแสเงินเคลื่อนไหวอยู่แต่ไม่ใช่จำนวนมากมาย
เมื่อถามว่าจะมีการประสานงานกับต่างประเทศเพื่อดำเนินการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินของอดีตพระเณรคำ รวมทั้งประเทศลาวด้วยหรือไม่นั้น เลขาธิการ ปปง.กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการประสานกับสหรัฐฯ และดำเนินไปบ้างพอสมควร รวมทั้งประเทศอื่นๆ ที่เป็นสมาชิก 1 ใน 138 ประเทศที่เป็นสมาชิกขององค์กรปราบปรามการฟอกเงินสากลจะมีส่วนร่วมดำเนินการตรวจสอบโดยอัตโนมัติ แต่ในส่วนของประเทศลาวนั้นเนื่องจากเขายังไม่ได้เข้าสมาชิกองค์กรปราบปรามการฟอกเงินสากล ดังนั้น ปปง.ของไทยจึงต้องทำเรื่องประสานให้ช่วยตรวจสอบเป็นทางการต่อไป
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า เวลาที่ทางผู้ประสานงานได้เคยขอไว้นั้นได้หมดไปแล้วคือวันอาทิตย์ และตนได้หารือกับพนักงานสอบสวนเมื่อเช้าของวันนี้ถึงสิ่งที่เราจะดำเนินการต่อทันทีคือจะมีการแยกเลขคดี ซึ่งคดีของอดีตพระเณรคำนั้น มีความผิดหลายฐานและเราได้แยกคดีล่วงละเมิดทางเพศ คือคดีกระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า15ปีออกมาเป็นคดีต่างหาก เพื่อเตรียมส่งสำนวนไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งการส่งสำนวนไปยังอัยการนั้นมีความสำคัญ เพราะจะทำให้เราสามารถเริ่มต้นการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ แต่ตราบใดที่ทางอัยการยังไม่มีคำสั่งฟ้องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ก็จะดำเนินการอย่างเป็นทางการไม่ได้ และทำได้เพียงประสานงานอย่างที่ผ่านมา ซึ่งในต่างประเทศเราถือว่าการประสานความร่วมมือเป็นระดับต่ำที่สุด แต่ระดับที่ถือว่าเป็นระดับที่สูงที่สุดและได้ผลอย่างยิ่งก็คือการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่ก็ต้องมีการสั่งฟื้นคดีเสียก่อน ดังนั้นดีเอสไอจึงได้แยกเลขคดีล่วงละเมิด กระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า15ปีออกมาต่างหาก
นายธาริต กล่าวต่อว่า ดีเอสไอได้ออกหมายเรียกนายสุริ สุขผล น้องชายอดีตพระเณรคำ โดยจะให้เวลา7วัน ซึ่งการออกหมายเรียกครั้งนี้เป็นครั้งที่3 และถือเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อที่จะนำตัวนายสุริมาสอบสวนรวมถึงตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ทั้งนี้แม้ว่ากฏหมายจะไม่ให้เราบังคับในการตรวจดีเอ็นเอ แต่กฏหมายสามารถบังคับให้เรียกมาสอบได้ อย่างไรก็ตามถ้าน้องชายอดีตพระเณรคำไม่มาตามที่นัดหมาย ทางดีเอสไอจะดำเนินคดีฐานขัดขืนหมายเรียกเจ้าพนักงาน หรือถ้ามาแต่ไม่ยอมตรวจดีเอ็นเอ เราก็จะบันทึกเข้าสำนวนไว้แล้วส่งต่อไปยังอัยการ เพราะฉะนั้นเมื่อรวมความแล้วเราให้เวลาน้องชายอดีตพระเณรคำถึงวันจันทร์ที่26ส.ค.นี้ และหลังจากนั้นเราจะส่งสำนวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้องไปให้อัยการเฉพาะคดีความผิดล่วงละเมิดทางเพศ กระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน15ปี เป็นคดีแรก พร้อมกับจะมีคำร้องขอให้ทางอัยการสั่งคดีโดยเร็วและขอให้มีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนตามแบบพิธีและแบบกฏหมายระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้คือก่อนส่งสำนวนไปยังอัยการ ถ้าอดีตพระเณรคำจะเข้ามอบตัว ทางดีเอสไอก็ยินดีที่จะรับมอบตัวอยู่ แต่เงื่อนไขในการให้ประกันตัวหรือไม่นั้นจะต้องคุยกันใหม่ เพราะถือว่าการที่เคยร้องขอเราและเรามีความเห็นเบื้องต้นว่าจะให้มีการประกันตัวเป็นหลักทรัพย์ประมาณ2ล้านบาท และมีเงื่อนไขบางอย่างก็ต้องยกเลิกไป แต่ในระหว่างนี้ก่อนที่จะมีการส่งสำนวนไปยังอัยการในสัปดาห์หน้าแล้ว มีการเข้ามอบตัวเราก็จะคุยในเรื่องของเงื่อนไขใหม่ว่าจะมีความเหมาะสมอย่างไร เพราะที่ผ่านมาไม่มีความชัดเจน ไม่รักษาคำพูด และมีลักษณะประวิงคดี
วานนี้ (19 ส.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายวิรพล สุขผล อดีตพระเณรคำ ว่ามีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งได้ติดตามข้อมูลเพิ่มทั้งในส่วนของคนใกล้ชิด และคนรู้จักที่อยู่ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา และเท่าที่ได้มีการตรวจสอบพบว่าในขณะนี้มีทรัพย์สินอีกมูลค่าประมาณ 10-20 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย ทั้งนี้ไม่รวมในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)และทางตำรวจที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้แล้ว จากการตรวจสอบเส้นทางทางการเงินของอดีตพระเณรคำและบุคลที่เกี่ยวข้องพบว่ายังคงมีกระแสเงินเคลื่อนไหวอยู่แต่ไม่ใช่จำนวนมากมาย
เมื่อถามว่าจะมีการประสานงานกับต่างประเทศเพื่อดำเนินการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินของอดีตพระเณรคำ รวมทั้งประเทศลาวด้วยหรือไม่นั้น เลขาธิการ ปปง.กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการประสานกับสหรัฐฯ และดำเนินไปบ้างพอสมควร รวมทั้งประเทศอื่นๆ ที่เป็นสมาชิก 1 ใน 138 ประเทศที่เป็นสมาชิกขององค์กรปราบปรามการฟอกเงินสากลจะมีส่วนร่วมดำเนินการตรวจสอบโดยอัตโนมัติ แต่ในส่วนของประเทศลาวนั้นเนื่องจากเขายังไม่ได้เข้าสมาชิกองค์กรปราบปรามการฟอกเงินสากล ดังนั้น ปปง.ของไทยจึงต้องทำเรื่องประสานให้ช่วยตรวจสอบเป็นทางการต่อไป
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า เวลาที่ทางผู้ประสานงานได้เคยขอไว้นั้นได้หมดไปแล้วคือวันอาทิตย์ และตนได้หารือกับพนักงานสอบสวนเมื่อเช้าของวันนี้ถึงสิ่งที่เราจะดำเนินการต่อทันทีคือจะมีการแยกเลขคดี ซึ่งคดีของอดีตพระเณรคำนั้น มีความผิดหลายฐานและเราได้แยกคดีล่วงละเมิดทางเพศ คือคดีกระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า15ปีออกมาเป็นคดีต่างหาก เพื่อเตรียมส่งสำนวนไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งการส่งสำนวนไปยังอัยการนั้นมีความสำคัญ เพราะจะทำให้เราสามารถเริ่มต้นการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ แต่ตราบใดที่ทางอัยการยังไม่มีคำสั่งฟ้องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ก็จะดำเนินการอย่างเป็นทางการไม่ได้ และทำได้เพียงประสานงานอย่างที่ผ่านมา ซึ่งในต่างประเทศเราถือว่าการประสานความร่วมมือเป็นระดับต่ำที่สุด แต่ระดับที่ถือว่าเป็นระดับที่สูงที่สุดและได้ผลอย่างยิ่งก็คือการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่ก็ต้องมีการสั่งฟื้นคดีเสียก่อน ดังนั้นดีเอสไอจึงได้แยกเลขคดีล่วงละเมิด กระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า15ปีออกมาต่างหาก
นายธาริต กล่าวต่อว่า ดีเอสไอได้ออกหมายเรียกนายสุริ สุขผล น้องชายอดีตพระเณรคำ โดยจะให้เวลา7วัน ซึ่งการออกหมายเรียกครั้งนี้เป็นครั้งที่3 และถือเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อที่จะนำตัวนายสุริมาสอบสวนรวมถึงตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ทั้งนี้แม้ว่ากฏหมายจะไม่ให้เราบังคับในการตรวจดีเอ็นเอ แต่กฏหมายสามารถบังคับให้เรียกมาสอบได้ อย่างไรก็ตามถ้าน้องชายอดีตพระเณรคำไม่มาตามที่นัดหมาย ทางดีเอสไอจะดำเนินคดีฐานขัดขืนหมายเรียกเจ้าพนักงาน หรือถ้ามาแต่ไม่ยอมตรวจดีเอ็นเอ เราก็จะบันทึกเข้าสำนวนไว้แล้วส่งต่อไปยังอัยการ เพราะฉะนั้นเมื่อรวมความแล้วเราให้เวลาน้องชายอดีตพระเณรคำถึงวันจันทร์ที่26ส.ค.นี้ และหลังจากนั้นเราจะส่งสำนวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้องไปให้อัยการเฉพาะคดีความผิดล่วงละเมิดทางเพศ กระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน15ปี เป็นคดีแรก พร้อมกับจะมีคำร้องขอให้ทางอัยการสั่งคดีโดยเร็วและขอให้มีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนตามแบบพิธีและแบบกฏหมายระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้คือก่อนส่งสำนวนไปยังอัยการ ถ้าอดีตพระเณรคำจะเข้ามอบตัว ทางดีเอสไอก็ยินดีที่จะรับมอบตัวอยู่ แต่เงื่อนไขในการให้ประกันตัวหรือไม่นั้นจะต้องคุยกันใหม่ เพราะถือว่าการที่เคยร้องขอเราและเรามีความเห็นเบื้องต้นว่าจะให้มีการประกันตัวเป็นหลักทรัพย์ประมาณ2ล้านบาท และมีเงื่อนไขบางอย่างก็ต้องยกเลิกไป แต่ในระหว่างนี้ก่อนที่จะมีการส่งสำนวนไปยังอัยการในสัปดาห์หน้าแล้ว มีการเข้ามอบตัวเราก็จะคุยในเรื่องของเงื่อนไขใหม่ว่าจะมีความเหมาะสมอย่างไร เพราะที่ผ่านมาไม่มีความชัดเจน ไม่รักษาคำพูด และมีลักษณะประวิงคดี