xs
xsm
sm
md
lg

พรรคประชาธิปัตย์ต้องไปให้ไกลกว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

เผยแพร่:   โดย: บรรจง นะแส


ภาพของพลพรรคประชาธิปัตย์ที่ประกอบด้วยนายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและกรรมการบริหารพรรคตลอดจน ส.ส.ของพรรค ออกมาเดินนำหน้ามวลชนบนท้องถนนเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นการส่งสัญญาณที่ทำเอาฝ่ายรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยหวั่นไหวมิใช่น้อย แต่การแก้เกมด้วยการเร่งตัดหน้าด้วยการเสนอสภาปฏิรูปของรัฐบาล เป็นการตัดเกมได้อย่างทันท่วงที และก็ได้ผลเกินคาด แม้จะรูปแบบของการนำเสนอโดยการให้รัฐมนตรีของพรรคออกไปตระเวนเชื้อเชิญนักการเมืองรุ่นเก่า จนทำให้มีเสียงยี้ดังขรมไปทั่วในหมู่ปัญญาชนอยู่บ้าง แต่ก็กลบประเด็นร้อนที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาดับเครื่องชนในประเด็นการยืนกระต่ายขาเดียวในการคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมลงได้ในระดับหนึ่ง ตามด้วยการเปิดตัวละครที่รัฐบาลจะเชิญบุคคลที่มีชื่อเสียงในระดับโลกอย่างนายโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร นายมาร์ตติ อะห์ติซาริ อดีตประธานาธิบดีฟินแลนด์ ฯลฯ มาให้ข้อคิด ให้คำแนะนำต่อกรณีปรองดองสร้างสมานฉันท์ ก็ทำให้พรรคประชาธิปัตย์แทบจะก้าวต่อในประเด็นแหลมคมลดลงในทันที ก็ได้แต่หันมาตอดเล็กตอดน้อยในเรื่องตัวบุคคล ค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลจะต้องจ่ายเพื่องานนี้ แรงเหวี่ยงของกระแสจึงลดลง งานนี้ต้องนับถือฝ่ายยุทธวิธีของทีมงานของรัฐบาลว่าเก๋าจริงๆ

ในความเป็นจริงต้นทุนของพรรคประชาธิปัตย์ที่ทำเอาไว้ในสมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกัฐมนตรีก็มีอยู่พอสมควร คือในครั้งนั้นเขาได้ทำการแต่งตั้งคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป ตามระเบียบสำนักนายกฯ ที่ 10 (3) โดยได้กำหนดให้มีคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป จัดสมัชชาปฏิรูปเฉพาะพื้นที่และเฉพาะประเด็นเพื่อเป็นเครื่องมือในการเชื่อมประสานทุกภาคส่วนของสังคม เพื่อให้เรียนรู้ร่วมกันบนฐานของปัญญา และพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายสำหรับการปฏิรูปประเทศไทย โดยมีเป้าหมายในการสร้างความเป็นธรรมลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยเริ่มครั้งแรกในปี 2554 ประเทศ การประชุมสมัชชาปฏิรูประดับชาติในครั้งนั้นได้ข้อสรุปว่าสังคมไทยจะต้องทำการปฏิรูปใน 7-8 ประเด็นเช่น

- การปฏิรูปการจัดสรรทรัพยากรที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน

- การปฏิรูปโครงสร้างการจัดการทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง

- การคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชนกรณีที่ดิน ทรัพยากร

- การปฏิรูประบบประกันสังคมเพื่อความเป็นธรรม

- การสร้างระบบหลักประกันในการดำรงชีพเพื่อการชราภาพและระบบสังคมที่สร้างเสริมสุขภาวะแก่ผู้สูงอายุ

- การสร้างสังคมที่คนไทยอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน

- การปฏิรูปการกระจายอำนาจเพื่อเสริมเสร้างและพัฒนาศักยภาพการจัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่น สร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

- การใช้ศิลปวัฒนธรรม เยียวยาและพัฒนาสังคม

หลังจากนั้นก็มีการขับเคลื่อนภาคประชาชนก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องขยายผลเป็นวงกว้าง มีการสรุปเป็นมติเพื่อเสนอเป็นประเด็นสำคัญๆ ที่เป็นนโยบายสาธารณะเสนอต่อรัฐบาล และสังคมก็ได้ตระหนักและขับเคลื่อนร่วมกันในหลายพื้นที่ ในการจัดสมัชชาปฏิรูประดับชาติ ครั้งที่ 2 มีการนำเสนอในหัวข้อ “เพิ่มพลังพลเมือง สร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ” ซึ่งเป็นหัวใจหลักของปัญหาในสังคมไทย ในครั้งนั้นมีข้อเสนอว่ารัฐจะต้องปฏิรูปใน 6 ประเด็นหลักๆ คือ

1. การปฏิรูประบบแรงงานและสวัสดิการ ด้วยการเพิ่มอำนาจต่อรองแรงงาน และปรับโครงสร้างค่าจ้าง

2. การปฏิรูประบบเกษตรกรรม ด้วยการเพื่อความเป็นธรรมด้านราคาเกษตร

3. การปฏิรูปโครงสร้างอำนาจสู่การปรับดุลอำนาจที่เหมาะสม ระหว่างรัฐบาลกับชุมชนท้องถิ่น มุ่งเน้นโครงสร้างชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีบทบาทต่อองค์กรรัฐ

4. การปฏิรูประบบการเมือง ด้วยการพัฒนาความเข้มแข็งพลเมืองเป็นพื้นฐาน

5. การปฏิรูปโครงสร้างและกฎหมายด้านที่ดิน

6. การปฏิรูปการศึกษา ด้วยการปรับทิศทางการศึกษาให้เท่าเทียมทุกสถาบัน

การเปิดหน้าชกของพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ ถ้าหากไม่ใช่แค่เกมเพื่อเอาชนะกันในทางการเมือง และคาดหวังการกลับเข้ามามีอำนาจบนซากปรักหักพังของสังคม พรรคประชาธิปัตย์จึงต้องก้าวไปให้ไกลกว่าการชูประเด็นการคัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรม แน่นอนว่ากฎหมายนิรโทษกรรมเป็นไม้ตายทางการเมืองที่สามารถนำมาขยายผลได้มากโดยเฉพาะในประเด็นที่กฎหมายฉบับดังกล่าว ไปก้าวล่วงอำนาจตุลาการในประเด็นคดีความอาญาและคดีหมิ่นพระบรมราชานุภาพ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์สามารถนำมาขยายผลได้ง่าย เป็นรูปธรรมและสอดรับกับอารมณ์ความรู้สึกของคนชั้นกลางจำนวนมากที่รับไม่ได้ในประเด็นดังกล่าว แต่ก็ไม่ควรจะลืมว่าปัญหาความเลื่อมล้ำในสังคม ปัญหาเชิงโครงสร้างและความเป็นธรรมในด้านต่างๆ ไม่ว่าการจัดสรรทรัพยากร เครื่องมือหรือกลไกที่จะสร้างความชอบธรรมของสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจะไม่มี ปัญหาการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ เพื่อคืนอำนาจหรือกระจายอำนาจ จากส่วนกลางไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชนท้องถิ่นให้ชุมชนท้องถิ่นฯลฯ

ข้อเสนอในการสร้างความเป็นธรรมในระบบงบประมาณ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ข้อเสนอตามมติสมัชชาปฏิรูป เช่น ร่างกฎหมาย 4 ฉบับ คือร่าง พ.ร.บ.ธนาคารที่ดิน โฉนดชุมชน ภาษีที่ดิน และกองทุนยุติธรรม ล้วนเป็นข้อเสนอของการแก้ไขปัญหาที่สาเหตุและต้นตอทั้งสิ้น ถ้าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะเดินหน้าปฏิรูปประเทศ การประกาศหยิบยกปัญหาและทางออกของปัญหานั้นๆ มาเป็นพันธสัญญาต่อสังคม การเดินหน้าล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ก็จะมีมวลชนเข้าร่วมในทางเนื้อหามากขึ้น เวทีผ่าความจริงของพรรคประชาธิปัตย์ก็จะเต็มไปด้วยข้อมูลและสีสันมากกว่าคำพูดที่ว่า “นายกฯ ตะแล๊ดแต๊ดแต๋ หรืออีอ้อล้อตอแหล” ของนายสุเทพฯ เป็นไหนๆ.
กำลังโหลดความคิดเห็น