ASTVผู้จัดการรายวัน – เตรียมชงอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.กพ.) กรมสรรพากร เอาผิดข้าราชการกรมสรรพากรจำนวน 8 ราย พบมีเอี่ยวโกงคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) มูลค่า 4.2 พันล้าน คาดทั้ง 8 รายอาจถูกไล่ออก
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า การสอบสวนกรณีการทุจริตการคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ของกรมสรรพากร พบว่ามีข้าราชการระดับสูงของกรมสรรพากรจำนวน 8 รายเข้าข่ายว่ามีความทุจริตและเกี่ยวข้องกับคดีนี้จริง ซึ่งทางกรมสรรพากรเองต้องรอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สรุปมูลความผิดทั้งหมดมา ก่อนที่จะเสนอให้อนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.กพ.) กรมสรรพากรพิจารณาความผิดในลำดับต่อไป โดยคาดว่าข้าราชการทั้ง 8 รายอาจถูกไล่ออกจากราชการเนื่องจาดความผิดค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว เพียแต่รอผลสรุปจากดีเอสไอเท่านั้น
"ขณะนี้ได้ยื่นข้อมูลให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการสอบสวนในเชิงลึกเพื่อเอาผิดกับข้าราชการระดับสูงที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว เนื่องจากเป็นคดีที่ร้ายแรงมีมูลค่าการทุจริตสูงถึง 4.2 พันล้านบาท จึงต้องหาตัวผู้กระทำผิดมารับโทษให้ได้"
ด้านนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายได้ ได้รวบรวมข้อมูลหลักฐานของทั้ง 24 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวที่ได้ส่งไปให้ดีเอสไอ ซึ่งดีเอสไอได้ขอข้อมูลเกี่ยวกับคดรนี้เพิ่มเติมมา เนื่องจากข้อมูลที่ส่งไปในครั้งแรกนั้นระบุเพียงชื่อของตัวบุคคลและตำแหน่ง ไม่ได้ระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตอย่างไร ทำให้คณะกรรมการสอบสวนต้องมาทำเพิ่มในส่วนดังกล่าวแล้วส่งหนังสือกลับไปโดยเร็ว เพื่อให้คดีคืบหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
แหล่งข่าวเชื่อว่า ดีเอสไอก็น่าจะทราบดีอยู่แล้วว่าผู้กระทำความผิดมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร เพราะเป็นหน่วยงานที่ดำเนินการสอบสวน ซึ่งทำให้สามารถมองได้ 2 มุม ได้แก่ 1.เป็นการถ่วงเวลาหรือไม่ และ2.ไม่มีการทำงานอย่างจริงจังทั้งที่มีพนักงานสอบสวนกว่า 50-60 คน หากถามว่าอธิบดีกรมสรรพากรจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่นั้น หากมองจากหลักฐานทั้งหมดแล้วเชื่อว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็น แต่เราไม่สามารถเอาผิดได้ เพราะไม่มีหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชี
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุม อ.ก.พ. กรมสรรพากร ที่มีนายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร เป็นประธานฯ ได้มีมติไล่ข้าราชการกรมสรรพากรออกรวม 3 คน ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตรวจ สอบชำนาญการพิเศษ (ระดับ 8) 1 ราย นักตรวจสอบภาษีชำนาญการพิเศษ 1 ราย และ นักตรวจสอบภาษีชำนาญการอีก 1 ราย ทั้ง 3 คน ประจำพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ ข่าวทุจริตคืนแวตถูกปูดออกมาในช่วงก่อนการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงการคลัง โดยเฉพาะตั้งแต่นางเบญจา หลุยเจริญ อดีตอธิบดีกรมศุลกากร ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง.
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า การสอบสวนกรณีการทุจริตการคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ของกรมสรรพากร พบว่ามีข้าราชการระดับสูงของกรมสรรพากรจำนวน 8 รายเข้าข่ายว่ามีความทุจริตและเกี่ยวข้องกับคดีนี้จริง ซึ่งทางกรมสรรพากรเองต้องรอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สรุปมูลความผิดทั้งหมดมา ก่อนที่จะเสนอให้อนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.กพ.) กรมสรรพากรพิจารณาความผิดในลำดับต่อไป โดยคาดว่าข้าราชการทั้ง 8 รายอาจถูกไล่ออกจากราชการเนื่องจาดความผิดค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว เพียแต่รอผลสรุปจากดีเอสไอเท่านั้น
"ขณะนี้ได้ยื่นข้อมูลให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการสอบสวนในเชิงลึกเพื่อเอาผิดกับข้าราชการระดับสูงที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว เนื่องจากเป็นคดีที่ร้ายแรงมีมูลค่าการทุจริตสูงถึง 4.2 พันล้านบาท จึงต้องหาตัวผู้กระทำผิดมารับโทษให้ได้"
ด้านนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายได้ ได้รวบรวมข้อมูลหลักฐานของทั้ง 24 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวที่ได้ส่งไปให้ดีเอสไอ ซึ่งดีเอสไอได้ขอข้อมูลเกี่ยวกับคดรนี้เพิ่มเติมมา เนื่องจากข้อมูลที่ส่งไปในครั้งแรกนั้นระบุเพียงชื่อของตัวบุคคลและตำแหน่ง ไม่ได้ระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตอย่างไร ทำให้คณะกรรมการสอบสวนต้องมาทำเพิ่มในส่วนดังกล่าวแล้วส่งหนังสือกลับไปโดยเร็ว เพื่อให้คดีคืบหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
แหล่งข่าวเชื่อว่า ดีเอสไอก็น่าจะทราบดีอยู่แล้วว่าผู้กระทำความผิดมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร เพราะเป็นหน่วยงานที่ดำเนินการสอบสวน ซึ่งทำให้สามารถมองได้ 2 มุม ได้แก่ 1.เป็นการถ่วงเวลาหรือไม่ และ2.ไม่มีการทำงานอย่างจริงจังทั้งที่มีพนักงานสอบสวนกว่า 50-60 คน หากถามว่าอธิบดีกรมสรรพากรจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่นั้น หากมองจากหลักฐานทั้งหมดแล้วเชื่อว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็น แต่เราไม่สามารถเอาผิดได้ เพราะไม่มีหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชี
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุม อ.ก.พ. กรมสรรพากร ที่มีนายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร เป็นประธานฯ ได้มีมติไล่ข้าราชการกรมสรรพากรออกรวม 3 คน ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตรวจ สอบชำนาญการพิเศษ (ระดับ 8) 1 ราย นักตรวจสอบภาษีชำนาญการพิเศษ 1 ราย และ นักตรวจสอบภาษีชำนาญการอีก 1 ราย ทั้ง 3 คน ประจำพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ ข่าวทุจริตคืนแวตถูกปูดออกมาในช่วงก่อนการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงการคลัง โดยเฉพาะตั้งแต่นางเบญจา หลุยเจริญ อดีตอธิบดีกรมศุลกากร ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง.