“ซาตานยุคใหม่” มีองค์กรลับและเปิดเผยมากมาย ไว้ไล่ล่าเงินทองและทรัพยากรของชาวโลก!
กลุ่มทุนสามานย์ “ซาตานบูชาเงิน” จะต้องยึดครองพรรคการเมือง-รัฐบาล-รัฐสภา-องค์กรสำคัญๆ ในอเมริกาและชาติตะวันตกก่อน เพราะรัฐเหล่านี้มีกองทัพเข้มแข็งทันสมัยที่สุดในโลก
เพราะอเมริกาและชาติตะวันตก จะบงการ-บังคับชาติอื่นที่อ่อนแอกว่า ผ่านองค์การสหประชาชาติ และการประชุมระดับนานาชาติอีกมากมาย โดยกลุ่มนายทุนสามานย์ “ซาตานบูชาเงินเป็นพระเจ้า” จะแอบผลักดัน
นโยบายและกฎกติกาต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการปล้นสะดมเงินทองและทรัพยากรของชาวโลก ผ่านรัฐบาลอเมริกากับชาติตะวันตก
รัฐบาลอเมริกาที่ผลัดกันคุมอำนาจรัฐ ทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ล้วนมีกลุ่มนายทุนสามานย์ธุรกิจระดับยักษ์คอยบงการอยู่เบื้องหลังการครองโลก ด้วยการชูหลักการ “ค้าเสรี” หรือ “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก” นั่นเอง
ดังนั้น ขณะที่ชาติและคนอเมริกาส่วนใหญ่ยากจน แต่กลุ่มนายทุนสามานย์ที่เป็นคนส่วนน้อย กลับร่ำรวยที่สุดในโลก ใช้เงินเที่ยวลงทุนซื้อกิจการในโลก เพื่อโกยกำไรกันอย่างตะกละตะกลาม
หากชาติใดขัดขวางไม่ให้นายทุนสามานย์เหล่านี้ ปล้นสะดมผลประโยชน์จากชาติตน ก็จะต้องเผชิญกับกองทัพอเมริกันอันเกรียงไกร เปิดศึกสงครามทุกมิติเข้าบดขยี้ในทันที
บริษัทอเมริกันและตะวันตกมีองค์กรลับและเปิดเผย คอยสร้างเครือข่ายแสวงหาผลประโยชน์ในโลกใบนี้ เช่น “ฟรีเมสัน” ที่เป็นหนึ่งในองค์กรลับสำคัญ ซึ่งจะต้องพูดกันในโอกาสหน้า แต่คราวนี้ขอพูดถึงองค์กรเปิดเผยแห่งหนึ่งก่อนครับ
“คาร์ไลล์ กรุ๊ป” องค์กรลงทุนระดับยักษ์ของโลก ได้ขอให้อดีตประธานาธิบดี “บุชผู้พ่อ” เจ้าของธุรกิจน้ำมันระดับโลก มาเป็นประธานที่ปรึกษาฝ่ายเอเชียในปี 2542 รวมทั้งอดีตผู้นำรัฐบาลในเอเชียอีกจำนวนหนึ่ง มาช่วยหานักลงทุนและบริษัทที่มีศักยภาพ ให้ “กองทุนเอเชีย ฟันด์” ของคาร์ไลล์เข้าไปลงทุนหรือซื้อ ในฐานะที่ปรึกษาด้านการลงทุนประจำภูมิภาคเอเชีย
คาร์ไลล์ยังให้ตระกูล “บุช” ตั้ง “คลับ” รวบรวมผู้นำต่างชาติทั้งอดีต-ปัจจุบันเข้าเป็นสมาชิก เพื่อสมคบกันวางแผนล่าเงินทองและทรัพยากรในเอเชีย คลับนี้มีสมาชิกอดีตผู้นำชาติที่สนิทกับ “บุชพ่อลูก” ทั้งประธานาธิบดีอเมริกาหลายคน อดีตนายกฯจอห์น เมเจอร์ และ โทนี แบลร์ แห่งอังกฤษ เลขาฯ ยูเอ็น โคฟี อันนัน ประธานาธิบดี ฟิเดล รามอส ฟิลิปปินส์ รวมทั้งอดีตนายกฯ ไทย อานันท์ ปันยารชุน และ ทักษิณ ชินวัตร รายหลังได้ลาออกก่อนจะเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ในปี 2544
ในช่วงทักษิณเป็นนายกฯ นั้น ทักษิณได้ว่าจ้างบริษัท “เบเกอร์ บอต์ช” สัญญาบังคับใช้ในวันที่ 19 กันยายน 2549 ก่อนจะโดนรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549 โดยให้เป็นล็อบบี้ยิตส์คอยชี้ช่องและให้คำแนะนำทางการเมืองกับทักษิณในสหรัฐฯและทั่วโลก โดยในอเมริกาให้ทำงานเฉพาะในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐสภาและทำเนียบขาวเท่านั้น
บริษัทล็อบบี้ยิตส์ที่ทักษิณจ้างนี้ เป็นของ “นายเจมส์ เบเกอร์” ซึ่งเป็นทั้งผู้ก่อตั้ง-หุ้นส่วน-บอร์ดของ “คาร์ไลล์ กรุ๊ป” ที่สำคัญนายเจมส์คนนี้เป็นอดีตรมต.ต่างประเทศของ “บุชผู้พ่อ” และเป็นคนล็อบบี้ผู้นำโลกให้เข้าเป็นสมาชิก “คาร์ไลล์คลับ” อีกด้วย
ทักษิณจึงสนิทสนมกับอดีตประธานาธิบดี “บุชผู้พ่อ" และยังเป็น “ลูกที่ดี” ของรัฐบาลอเมริกันมาตลอด!
โดย “ทักษิณ” เคยบอกกับผู้สื่อข่าวอย่างภาคภูมิใจว่า
“ผมไม่สนิทกับบุชลูก แต่ซี้ปึ้กกับบุชพ่อ เพราะเขาเคยมานอนที่บ้านจันทร์ส่องหล้าแล้ว”
ทักษิณไม่ได้โม้หรอก เพราะช่วง “บุชผู้พ่อ” เป็นประธานาธิบดีอเมริกา พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกฯ ประเทศไทย “ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย” หนึ่งในคณะที่ปรึกษา “น้าชาติ” คือ เพื่อนซี้กับ “จอห์น เอลลิค เจบบุช” ผู้ว่าฯ รัฐฟลอริดา ที่จะลงสมัครเป็นประธานาธิบดีอเมริกาสมัยหน้า “เจบ บุช” เป็นน้องชายแท้ๆ ของอดีตประธานาธิบดี “บุชผู้ลูก”
ดร.สุรเกียรติ์ที่เคยทำงานกับทักษิณช่วงหนึ่ง จึงเป็นผู้ชักนำให้ “ทักษิณ” กับตระกูล “บุช” รู้จักกัน จนทำให้ทักษิณได้เข้าไปอยู่ในกลุ่ม “นักล่าอาณานิคมยุคใหม่” ที่กำลัง “จัดระเบียบโลกใหม่” ให้ทุกชาติบนโลก จะต้องจำนนอยู่ภายใต้คำสั่งของรัฐบาล “อเมริกา” และชาติตะวันตก ตามแนวทาง “โลก(ต้อง)เสรี” กับการกอบโกยผลประโยชน์ของกลุ่มนายทุนสามานย์ “ซาตานบูชาเงินเป็นพระเจ้า” ไงล่ะครับ
รัฐบาลอเมริกาและนายทุนสามานย์ “ซาตานยุคใหม่” ถือหลักโลกนี้ไม่มีความเป็นกลางเด็ดขาด มีให้เลือกเพียงหนทางเดียวเท่านั้น คือ ชาติใดยืนข้างอเมริกา-ก็เป็นมิตร ชาติใดไม่ยืนอยู่ข้างอเมริกา-ก็คือศัตรู
แปลตรงๆ คือ ผู้นำชาติใดในโลกนี้ยอมร่วมมือ-ยอมสมคบ-ยอมสยบ ยอมให้อเมริกาและชาติตะวันตกปล้นสะดมชาติของตน ผู้นำชาตินั้นคือ “มิตรแท้” ของอเมริกาและชาติตะวันตก
นั่นทำให้..ผู้นำประเทศไทยหลายคน รวมทั้งทักษิณยอมตนเป็น “ขี้ข้า” อเมริกาไงครับ!
กลุ่มทุนสามานย์ “ซาตานบูชาเงิน” จะต้องยึดครองพรรคการเมือง-รัฐบาล-รัฐสภา-องค์กรสำคัญๆ ในอเมริกาและชาติตะวันตกก่อน เพราะรัฐเหล่านี้มีกองทัพเข้มแข็งทันสมัยที่สุดในโลก
เพราะอเมริกาและชาติตะวันตก จะบงการ-บังคับชาติอื่นที่อ่อนแอกว่า ผ่านองค์การสหประชาชาติ และการประชุมระดับนานาชาติอีกมากมาย โดยกลุ่มนายทุนสามานย์ “ซาตานบูชาเงินเป็นพระเจ้า” จะแอบผลักดัน
นโยบายและกฎกติกาต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการปล้นสะดมเงินทองและทรัพยากรของชาวโลก ผ่านรัฐบาลอเมริกากับชาติตะวันตก
รัฐบาลอเมริกาที่ผลัดกันคุมอำนาจรัฐ ทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ล้วนมีกลุ่มนายทุนสามานย์ธุรกิจระดับยักษ์คอยบงการอยู่เบื้องหลังการครองโลก ด้วยการชูหลักการ “ค้าเสรี” หรือ “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก” นั่นเอง
ดังนั้น ขณะที่ชาติและคนอเมริกาส่วนใหญ่ยากจน แต่กลุ่มนายทุนสามานย์ที่เป็นคนส่วนน้อย กลับร่ำรวยที่สุดในโลก ใช้เงินเที่ยวลงทุนซื้อกิจการในโลก เพื่อโกยกำไรกันอย่างตะกละตะกลาม
หากชาติใดขัดขวางไม่ให้นายทุนสามานย์เหล่านี้ ปล้นสะดมผลประโยชน์จากชาติตน ก็จะต้องเผชิญกับกองทัพอเมริกันอันเกรียงไกร เปิดศึกสงครามทุกมิติเข้าบดขยี้ในทันที
บริษัทอเมริกันและตะวันตกมีองค์กรลับและเปิดเผย คอยสร้างเครือข่ายแสวงหาผลประโยชน์ในโลกใบนี้ เช่น “ฟรีเมสัน” ที่เป็นหนึ่งในองค์กรลับสำคัญ ซึ่งจะต้องพูดกันในโอกาสหน้า แต่คราวนี้ขอพูดถึงองค์กรเปิดเผยแห่งหนึ่งก่อนครับ
“คาร์ไลล์ กรุ๊ป” องค์กรลงทุนระดับยักษ์ของโลก ได้ขอให้อดีตประธานาธิบดี “บุชผู้พ่อ” เจ้าของธุรกิจน้ำมันระดับโลก มาเป็นประธานที่ปรึกษาฝ่ายเอเชียในปี 2542 รวมทั้งอดีตผู้นำรัฐบาลในเอเชียอีกจำนวนหนึ่ง มาช่วยหานักลงทุนและบริษัทที่มีศักยภาพ ให้ “กองทุนเอเชีย ฟันด์” ของคาร์ไลล์เข้าไปลงทุนหรือซื้อ ในฐานะที่ปรึกษาด้านการลงทุนประจำภูมิภาคเอเชีย
คาร์ไลล์ยังให้ตระกูล “บุช” ตั้ง “คลับ” รวบรวมผู้นำต่างชาติทั้งอดีต-ปัจจุบันเข้าเป็นสมาชิก เพื่อสมคบกันวางแผนล่าเงินทองและทรัพยากรในเอเชีย คลับนี้มีสมาชิกอดีตผู้นำชาติที่สนิทกับ “บุชพ่อลูก” ทั้งประธานาธิบดีอเมริกาหลายคน อดีตนายกฯจอห์น เมเจอร์ และ โทนี แบลร์ แห่งอังกฤษ เลขาฯ ยูเอ็น โคฟี อันนัน ประธานาธิบดี ฟิเดล รามอส ฟิลิปปินส์ รวมทั้งอดีตนายกฯ ไทย อานันท์ ปันยารชุน และ ทักษิณ ชินวัตร รายหลังได้ลาออกก่อนจะเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ในปี 2544
ในช่วงทักษิณเป็นนายกฯ นั้น ทักษิณได้ว่าจ้างบริษัท “เบเกอร์ บอต์ช” สัญญาบังคับใช้ในวันที่ 19 กันยายน 2549 ก่อนจะโดนรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549 โดยให้เป็นล็อบบี้ยิตส์คอยชี้ช่องและให้คำแนะนำทางการเมืองกับทักษิณในสหรัฐฯและทั่วโลก โดยในอเมริกาให้ทำงานเฉพาะในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐสภาและทำเนียบขาวเท่านั้น
บริษัทล็อบบี้ยิตส์ที่ทักษิณจ้างนี้ เป็นของ “นายเจมส์ เบเกอร์” ซึ่งเป็นทั้งผู้ก่อตั้ง-หุ้นส่วน-บอร์ดของ “คาร์ไลล์ กรุ๊ป” ที่สำคัญนายเจมส์คนนี้เป็นอดีตรมต.ต่างประเทศของ “บุชผู้พ่อ” และเป็นคนล็อบบี้ผู้นำโลกให้เข้าเป็นสมาชิก “คาร์ไลล์คลับ” อีกด้วย
ทักษิณจึงสนิทสนมกับอดีตประธานาธิบดี “บุชผู้พ่อ" และยังเป็น “ลูกที่ดี” ของรัฐบาลอเมริกันมาตลอด!
โดย “ทักษิณ” เคยบอกกับผู้สื่อข่าวอย่างภาคภูมิใจว่า
“ผมไม่สนิทกับบุชลูก แต่ซี้ปึ้กกับบุชพ่อ เพราะเขาเคยมานอนที่บ้านจันทร์ส่องหล้าแล้ว”
ทักษิณไม่ได้โม้หรอก เพราะช่วง “บุชผู้พ่อ” เป็นประธานาธิบดีอเมริกา พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกฯ ประเทศไทย “ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย” หนึ่งในคณะที่ปรึกษา “น้าชาติ” คือ เพื่อนซี้กับ “จอห์น เอลลิค เจบบุช” ผู้ว่าฯ รัฐฟลอริดา ที่จะลงสมัครเป็นประธานาธิบดีอเมริกาสมัยหน้า “เจบ บุช” เป็นน้องชายแท้ๆ ของอดีตประธานาธิบดี “บุชผู้ลูก”
ดร.สุรเกียรติ์ที่เคยทำงานกับทักษิณช่วงหนึ่ง จึงเป็นผู้ชักนำให้ “ทักษิณ” กับตระกูล “บุช” รู้จักกัน จนทำให้ทักษิณได้เข้าไปอยู่ในกลุ่ม “นักล่าอาณานิคมยุคใหม่” ที่กำลัง “จัดระเบียบโลกใหม่” ให้ทุกชาติบนโลก จะต้องจำนนอยู่ภายใต้คำสั่งของรัฐบาล “อเมริกา” และชาติตะวันตก ตามแนวทาง “โลก(ต้อง)เสรี” กับการกอบโกยผลประโยชน์ของกลุ่มนายทุนสามานย์ “ซาตานบูชาเงินเป็นพระเจ้า” ไงล่ะครับ
รัฐบาลอเมริกาและนายทุนสามานย์ “ซาตานยุคใหม่” ถือหลักโลกนี้ไม่มีความเป็นกลางเด็ดขาด มีให้เลือกเพียงหนทางเดียวเท่านั้น คือ ชาติใดยืนข้างอเมริกา-ก็เป็นมิตร ชาติใดไม่ยืนอยู่ข้างอเมริกา-ก็คือศัตรู
แปลตรงๆ คือ ผู้นำชาติใดในโลกนี้ยอมร่วมมือ-ยอมสมคบ-ยอมสยบ ยอมให้อเมริกาและชาติตะวันตกปล้นสะดมชาติของตน ผู้นำชาตินั้นคือ “มิตรแท้” ของอเมริกาและชาติตะวันตก
นั่นทำให้..ผู้นำประเทศไทยหลายคน รวมทั้งทักษิณยอมตนเป็น “ขี้ข้า” อเมริกาไงครับ!