วานนี้ ( 31 ก.ค.) สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้เผยแพร่เอกสารการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณากรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนรษฎรจำนวน 134 คน ได้ยื่นคำร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพความเป็นส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 106 (5) ประกอบมาตรา 102 (6) หรือไม่ ภายหลังกระทรวงกลาโหม มีคำสั่งปลด ร.ต.อภิสิทธิ์ ออกจากราชการเป็นนายทหารกองหนุน เนื่องจากยื่นเอกสารเท็จ โดยศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้เรียกเอกสารที่เกี่ยวข้องจากกระทรวงกลาโหม เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาต่อไป
นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้รวมคำร้องที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับคณะรวม 6 คน และคำร้องที่ของนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยว่า การที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ กับสมาชิกรัฐสภารวม 312 คน เข้าชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ด้วยการตัดสิทธิประชาชนในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญเข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ เข้าไว้เป็นสำนวนพิจารณาเดียวกัน 4 คำร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้รับเป็นคำร้องไว้ก่อนหน้านี้ ประกอบด้วยคำร้องของ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา นายบวร ยสินทร แกนนำกลุ่มราษฎรอาสาปกป้องสถาบันฯ นายวรินทร์ เทียมจรัส อดีตส.ว.สรรหา และแกนนำกลุ่มสยามสามัคคี และ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม
รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีคำร้องเกี่ยวสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ ทางผู้ถูกร้อง ได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเรียกเอกสารเพิ่มเติมจากกระทรวงกลาโหม เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ ก็ได้พิจารณาถึงประเด็นดังกล่าว และมีความเห็นให้มีการเรียกเอกสารเพิ่มเติมจากกระทรวงกลาโหม ประกอบด้วยคำสั่งของ รมว.กลาโหม ที่ปลด ร.ต.อภิสิทธิ์ ออกจากราชการเป็นนายทหารกองหนุน เอกสารสำนวนการสืบสวนสอบสวน รวมไปถึงเอกสาร และคำสั่งที่เกี่ยวข้อง โดยหลังจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีหนังสือแจ้งไปยังกระทรวงกลาโหมเ พื่อให้ส่งเอกสารดังกล่าวกลับมายังศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ
ทั้งนี้การประชุมคณะตุลาการฯเมื่อวานนี้ ( 31 ก.ค.) คณะตุลาการได้นัดประชุมที่ศาลรัฐธรรมนูญ (เดิม) อาคารเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ โดยมีตุลาการเข้าประชุม 7 คน ยกเว้น นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ และนายจรูญ อินทจาร ที่แจ้งขอลาการประชุมไว้ล่วงหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการคาดการณ์ว่า นายจรูญ จะทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมแทนนายวสันต์ ที่ได้ยื่นขอลาออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากนายจรูญ มีความอาวุโสสูงสุด ดังนั้นผู้ที่ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมเมื่อวานนี้ คือ นายเฉลิมพล เอกอุรุ เพราะเป็นผู้ที่มีความอาวุโสรองลงมา
นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้รวมคำร้องที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับคณะรวม 6 คน และคำร้องที่ของนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยว่า การที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ กับสมาชิกรัฐสภารวม 312 คน เข้าชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ด้วยการตัดสิทธิประชาชนในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญเข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ เข้าไว้เป็นสำนวนพิจารณาเดียวกัน 4 คำร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้รับเป็นคำร้องไว้ก่อนหน้านี้ ประกอบด้วยคำร้องของ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา นายบวร ยสินทร แกนนำกลุ่มราษฎรอาสาปกป้องสถาบันฯ นายวรินทร์ เทียมจรัส อดีตส.ว.สรรหา และแกนนำกลุ่มสยามสามัคคี และ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม
รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีคำร้องเกี่ยวสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ ทางผู้ถูกร้อง ได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเรียกเอกสารเพิ่มเติมจากกระทรวงกลาโหม เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ ก็ได้พิจารณาถึงประเด็นดังกล่าว และมีความเห็นให้มีการเรียกเอกสารเพิ่มเติมจากกระทรวงกลาโหม ประกอบด้วยคำสั่งของ รมว.กลาโหม ที่ปลด ร.ต.อภิสิทธิ์ ออกจากราชการเป็นนายทหารกองหนุน เอกสารสำนวนการสืบสวนสอบสวน รวมไปถึงเอกสาร และคำสั่งที่เกี่ยวข้อง โดยหลังจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีหนังสือแจ้งไปยังกระทรวงกลาโหมเ พื่อให้ส่งเอกสารดังกล่าวกลับมายังศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ
ทั้งนี้การประชุมคณะตุลาการฯเมื่อวานนี้ ( 31 ก.ค.) คณะตุลาการได้นัดประชุมที่ศาลรัฐธรรมนูญ (เดิม) อาคารเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ โดยมีตุลาการเข้าประชุม 7 คน ยกเว้น นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ และนายจรูญ อินทจาร ที่แจ้งขอลาการประชุมไว้ล่วงหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการคาดการณ์ว่า นายจรูญ จะทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมแทนนายวสันต์ ที่ได้ยื่นขอลาออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากนายจรูญ มีความอาวุโสสูงสุด ดังนั้นผู้ที่ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมเมื่อวานนี้ คือ นายเฉลิมพล เอกอุรุ เพราะเป็นผู้ที่มีความอาวุโสรองลงมา
