xs
xsm
sm
md
lg

ยิงปล้นเผาแล้วเอานิรโทษกรรม

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

ในฐานะที่เป็นผู้ต้องหาในคดีก่อการร้ายยึดสนามบินบอกตรงๆ ว่า ผมลำบากใจที่จะพูดเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม เพราะถ้าพูดไปในทางที่เห็นด้วยก็อาจถูกกล่าวหาว่า อยากให้ตัวเองพ้นผิด ไม่กล้าที่จะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม

แต่ผมอดแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไม ส.ส.เสื้อแดงที่เสนอร่างและร่วมกันลงชื่อเพื่อให้นิรโทษกรรมตัวเองนั้น จะไม่มีความกระดากใจแม้แต่น้อยเลยหรือ

หรือว่าคนเสื้อแดงรู้ตัวดีว่า การชุมนุมของตนนั้นไม่ได้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจและทั้งอยู่บนหลักเกณฑ์ของกฎหมาย การที่พูดว่าเป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยหรือความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นนั้นเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้นเอง ด้วยเหตุนี้จึงไม่กล้าที่จะต่อสู้ไปตามกระบวนการกฎหมายของบ้านเมือง หวังจะใช้เสียงข้างมากลากไปเพื่อลบล้างความผิดให้ตัวเอง

จะเห็นได้ว่าข้อเสนอเรื่องการนิรโทษกรรมจึงเกิดขึ้นจากการเรียกร้องของฝ่ายเสื้อแดงเพียงฝ่ายเดียว แต่คนเสื้อเหลืองซึ่งถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกันไม่เคยเรียกร้องให้มีการนิรโทษกรรมเลย แต่กลับประกาศว่าพร้อมจะสู้ตามกระบวนการยุติธรรม แม้ว่าจะมีโทษสูงสุดประหารชีวิต แม้จะถูกพันธนาการด้วยเงื่อนไขต่างๆ ในระหว่างถูกดำเนินคดี

คนเสื้อแดงเรียกร้องให้นิรโทษกรรมเพื่อช่วยเหลือมวลชนที่ยังติดคุกจริงๆ หรือ หรือจริงๆ แล้วเป็นการเอามวลชนเป็นข้ออ้างเท่านั้นเอง แต่เนื้อแท้ก็คือต้องการช่วยตัวเองและทักษิณให้พ้นผิด ด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้เลยว่า กฎหมายนิรโทษกรรมจะเกิดขึ้นได้จริงและได้รับการสนับสนุนจากพรรครัฐบาลก็ต่อเมื่อมีการนิรโทษกรรมให้ทักษิณและแกนนำพ่วงอยู่ด้วย ถ้าไม่มีก็ไม่มีวันผ่าน และมวลชนที่ติดคุกอยู่ก็ต้องติดคุกกันต่อไป

เอาเข้าจริงๆ แล้วก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงนั้นเกินเลยขอบเขตของการใช้สิทธิในระบอบประชาธิปไตย เพราะเต็มไปด้วยความรุนแรงทั้งยิงปล้นเผาและทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า

ตั้งแต่การชุมนุมปี 2552 ที่มีการไล่ฆ่านายกฯ ยึดรถเมล์เพื่อจุดไฟเผา ยิงคนตายที่นางเลิ้ง ยึดรถแก๊สแล้วขู่จะจุดระเบิดเพื่อเผาเมือง แต่เจ้าหน้าที่ทหารสามารถระงับยับยั้งเหตุไว้ได้ และมาถึงการชุมนุมปี 2553 ก็มีการใช้อาวุธสงครามทั้งยิงและวางระเบิดในหลายพื้นที่ ก่อนจะมาเกิดเหตุยิงถล่มทหารที่สี่แยกคอกวัวในวันที่ 10 เมษาซึ่งเป็นวันประกาศสงครามเต็มรูปแบบของคนเสื้อแดง นี่ต่างหากที่เป็นต้นเหตุของความรุนแรงจนกระทั่งทหารต้องใช้อาวุธเข้าสลายการชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในเวลาต่อมา

เห็นได้ชัดว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงนั้นเกินกว่าที่จะเรียกว่าเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย

ส่วนการอ้างนิรโทษกรรมเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ เป็นเพียงการสร้างวาทกรรมเทียมเพื่อสร้างความชอบธรรมทางการเมืองเท่านั้นเอง เพราะความแตกแยกในบ้านเมืองจนแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายทุกวันนี้นั้น มันซับซ้อนเกินที่จะเลิกรากันไปในชั่วข้ามคืนเสียแล้ว

ในทางกลับกันตอนที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมนั้นเรามั่นใจครับว่าเราชุมนุมตามกรอบของกฎหมายใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเพื่อต่อต้านรัฐบาลนอมินีที่ใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรม และพยายามจะฟอกผิดให้กับนักโทษชายทักษิณ แต่เรากลับถูกรัฐบาลปล่อยให้มีคนใช้อำนาจเถื่อนเข้ามาทำร้ายทำลายการชุมนุมทั้งการยิงถล่มและขว้างระเบิดครั้งแล้วครั้งเล่า จนมีทั้งคนบาดเจ็บและเสียชีวิต

พันธมิตรฯ ยืนอยู่บนหลักการของกฎหมาย เราต่อสู้เพื่อปกป้องหลักนิติรัฐของบ้านเมือง ต่อสู้เพื่อให้นักการเมืองใช้อำนาจอย่างชอบธรรม เราเรียกร้องให้ผู้ชุมนุม ชุมนุมอย่างสันติอหิงสา ไม่ได้เรียกร้องให้ผู้ชุมนุมจุดไฟเผาบ้านเผาเมือง หรือจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจรัฐ

การยึดสถานที่ราชการเป็นที่ชุมนุมหรือการชุมนุมที่หน้าอาคารสนามบินก็เป็นเพียงเรื่อง “พื้นที่” ชุมนุมเท่านั้น ไม่ได้ทำให้เป้าหมายการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมของพันธมิตรฯ ด้อยคุณค่าลงแต่อย่างใด เพราะการต่อสู้เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลใช้อำนาจปกครองประเทศอย่างชอบธรรม และขับไล่รัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมนั้นย่อมมีคุณค่ากว่าเรื่อง “พื้นที่” แน่ๆ

แม้จะถูกทำร้ายบาดเจ็บและตาย พันธมิตรฯ ก็ไม่ได้มีความคิดที่จะจับอาวุธขึ้นต่อสู้ ไม่ได้คิดเผาบ้านเผาเมือง ไม่ได้เผาทำเนียบฯ หรือเผาสนามบิน แม้หลังจากออกจากทำเนียบฯ แล้ว มีการพบว่า มีบางส่วนได้รับความเสียหาย และแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร แต่พันธมิตรฯ ก็น้อมรับข้อกล่าวหาและพร้อมที่จะต่อสู้ในคดี ถ้าเป็นคนเสื้อแดงก็จะปฏิเสธทันทีว่า เป็นแดงเทียม

ความเชื่อมั่นในเจตนารมณ์หลักการของสิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตยและความชอบธรรมต่อการชุมนุมต่างหากที่ทำให้พันธมิตรฯ ไม่เคยหวั่นไหวต่อข้อกล่าวหาและความพยายามเอาผิดของรัฐต่อการชุมนุมที่ผ่านมา เราจึงไม่จำเป็นต้องร้องหาการนิรโทษกรรม

แต่ทำไมคนเสื้อแดงที่เรียกตัวเองว่า “ฝ่ายประชาธิปไตย” อ้างว่าต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยจึงต้องเรียกร้องการนิรโทษกรรม

หรือว่า นี่เป็นการยืนยันว่า การต่อสู้ของคนเสื้อแดงนั้นเลยขอบเขตความชอบธรรมทั้งกฎเกณฑ์บ้านเมือง ขอบเขตของเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย และจิตใต้สำนึกของความเป็นมนุษย์ไปมาก

ตอนนี้มีข่าวออกมาแล้วว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 7 สิงหาคม นี้จะมีการหยิบร่างนิรโทษกรรมฉบับ วรชัย เหมะขึ้นมาพิจารณาเพื่อให้ผ่านวาระที่ 1 ไปก่อน หลังจากนั้นเนื้อหาในร่างจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ค่อยไปว่ากันแต่เชื่อได้เลยว่าจะต้องเป็นไปตามความต้องการของทักษิณเท่านั้น คือตัวเองต้องได้ประโยชน์ด้วย และเป็นไปตามที่แย้มพรายกันในคลิปถั่งเช่านั่นแหละว่า จะออกแบบให้ออกมาแบบล้างผิดทุกฝ่ายไม่สนใจว่าฝ่ายไหนจะใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุหรือไม่

แน่นอนว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะต้องใช้เสียงข้างมากผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวให้ผ่านสภาจนได้ เพื่อให้ทักษิณได้กลับบ้านอย่างไม่มีความผิด โดยการนิรโทษกรรมทุกฝ่ายทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐและฝ่ายเสื้อแดง โดยการอ้างความปรองดองขึ้นมาบังหน้า ไม่สนใจอีกแล้วว่าใครฆ่าคนเสื้อแดงตามที่เคยเอามาปลุกปั่นมวลชน

คำถามว่า นี่คือ ความชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตยจริงๆ หรือ นี่หรือคือวิถีของคนเสื้อแดงที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย ขำนะครับถ้าไปเล่าให้ใครฟังว่าคนเสื้อแดงสู้เพื่อความเท่าเทียมกันในสังคมและต่อต้านความยุติธรรมแบบสองมาตรฐาน

ถ้าคิดว่าต่อสู้ตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย ไม่ได้กระทำอะไรเกินเลยขอบเขตของสิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย ทำไมต้องออกกฎหมายเพื่อลบล้างความผิดให้กับตัวเองด้วย

หรือที่แท้ประชาธิปไตยของเสื้อแดง ก็คือ ประชาธิปไตยที่ตัวกูคือความถูกต้อง ประชาธิปไตยแบบที่คนเสื้อแดงทำอะไรก็ไม่ผิด

และต่อไปถ้าใครใช้วิธีแบบคนเสื้อแดงที่อ้างคุณค่าอันสูงส่งว่า สู้เพื่อประชาธิปไตยแล้วใช้ความรุนแรงทั้งการต่อสู้ด้วยอาวุธ ปล้น เผาเพื่อต่อต้านรัฐบาล ก็จะได้รับการนิรโทษกรรมใช่หรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น