xs
xsm
sm
md
lg

โจรใต้ยิงถล่มดับ2ศพ พ่นสีบนถนนไล่"ทวี-ภราดร"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โจรใต้ยิง ชรบ.ดับคาสวนยาง และยิงถล่ม "กำนันแหนบทองตำบลหนองแรด"ดับคารถ รวม 2 ศพ พร้อมตระเวนพ่นสีบนพื้นถนน-แขวนป้ายผ้าไล่ "ทวี-ภราดร" เกลื่อนปัตตานี-นราฯ ขณะที่ทหารพรานปะทะเดือดกองกำลังติดอาวุธก่อนทลายฐาน RKK บนเทือกเขาตะเวที่ระแงะ ยึดของกลางอาวุธเพียบ ด้าน ทบ.ยันไม่ได้ใช้ความรุนแรงปราบโจรใต้ แจงเหตุยิงโจรดับเพราะต่อสู้เจ้าหน้าที่ "เลขาฯ สมช."ยัน จนท.รัฐไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุก่อน เร่งสอบกรณียิง 2 สามีภรรยาชาวระแงะดับ เป็นกลุ่ม BRN หรือไม่

เมื่อเวลา 06.15 น.วานนี้ (22 ก.ค.) ศูนย์วิทยุ 191 สภ.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีเหตุใช้อาวุธปืนภายในสวนยางพารา บ้านปูลาสะนอ ม.3 ต.จะกว๊ะ หลังได้รับแจ้ง พ.ต.ต.ประเทือง สุวรรณชาตรี สวป.สภ.จะกว๊ะ พร้อมกำลังตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ไปตรวจสอบที่เหตุเป็นสวนยางพาราภายในหมู่บ้านห่างจากถนนในหมู่บ้านประมาณ 500 เมตร ส่วนผู้เสียชีวิตชื่อนายมะไสปู มะตะฮะ อายุ 26 ปี ญาติได้นำกลับไปไว้ที่บ้านของผู้ตายแล้วที่บ้านเลขที่ 82 ม.1 บ้านจะกว๊ะ ต.จะกว๊ะ เพื่อเตรียมทำพิธีตามหลักศาสนาอิสลาม สภาพศพถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบชนิดและขนาดที่บริเวณลำตัว 3 นัด

สอบสวนทราบว่า ผู้ตายเป็นสมาชิกอาสาสมัครรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ) บ้านจะกว๊ะ ม.1 ก่อนเกิดเหตุได้เดินทางไปกรีดยางในสวนยางของตนเองตามปกติ ขณะเกิดเหตุไม่มีผู้ใดเห็นเหตุการณ์ เพียงได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด จึงแจ้งให้ญาติผู้ตายไปตรวจสอบดู พบว่าถูกยิงเสียชีวิตไปแล้ว

ต่อมาเวลา 16.00 น. พ.ต.อ.ต่วนเดร์ จุฑานันท์ ผกก.สภ.เมืองปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันบนถนนสาย 42 ปัตตานี-นราธิวาส ม.3 ต.บานา จึงนำกำลังไปที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ 4 ประตู รุ่นดีแมคซ์สีดำ ทะเบียน กง 3259 ปัตตานี ตกลงคูน้ำเกาะกลางถนน และชนต้นไม้จนด้านหน้าพังเสียหาย ส่วนบริเวณตัวรถมีรูกระสุนหลายแห่งพรุนทั้งคัน ตรวจสอบภายในรถพบผู้เสียชีวิตชื่อ นายมะดารี ลาแม็ง อายุ 49 ปี เป็นกำนันตำบลหนองแรต อยู่บ้านเลขที่ 10/2 ม.3 ต.หนองแรต อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงครามเข้าศีรษะและลำตัวหลายนัด ภายในรถพบอาวุธปืนขนาด 11 มม.และอาวุธปืนอาก้า 1 กระบอกของผู้ตาย ในที่เกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ตกเกลื่อนกว่า 30 ปลอกจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวนก่อนเกิดเหตุทราบว่าขณะที่ผู้ตายขับรถยนต์ตามลำพังมาจากตัวเมืองปัตตานี และกำลังเดินทางกลับบ้านพัก ปรากฏว่า เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุมีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 4 คนใช้รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ สีขาว ขับแซงด้านขวา คนร้ายซึ่งนั่งหลังกระบะถล่มยิงทันทีหลายสิบนัดจนเสียงดังสนั่น ทำให้รถประชาชนที่สัญจรไปมาบนถนนต้องเบรกกะทันหันด้วยความตกใจ คนร้ายยังลงมายิงซ้ำอีกหลายนัด โดยปฏิบัติการอุกอาจเพียง 3 นาที จึงเร่งเครื่องหลบหนีไป

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัมนชัย ผบก.ภ.จ.ปัตตานี สั่งระดมกำลังในพื้นที่ และเขตรอยต่อสกัดรถของคนร้ายทุกเส้นทาง พร้อมประสานพื้นที่รอยต่อ อ.ยะหริ่ง และ อ.หนองจิก ให้ออกไล่ล่าคนร้าย ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนว่าเป็นเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องการเมืองท้องถิ่น แต่ก็ยังไม่ตัดทิ้งประเด็นสร้างสถานการณ์

สำหรับผู้ตายเพิ่งจะได้รับเลือกให้ได้รับรางวัล “แหนบทองคำ” ประจำปี 2556 ซึ่งเตรียมที่จะเดินทางไปรับที่กรมการปกครอง โดยผู้ตายถือเป็นกำนันที่กว้างขวางเนื่องจากมีตำแหน่งเป็นกำนันหลายสมัย จนจังหวัดเลือกให้ตำบลหนองแรต เป็นตำบลโมเดลเรื่องปราบปรามยาเสพติด อย่างไรก็ตาม ผู้ตายเคยถูกลอบยิงมาหลาย 3 ครั้ง จนได้รับบาดเจ็บ จนล่าสุด ถูกตามยิงอีกจนกระทั่งเสียชีวิต

**พ่นข้อความไล่"ทวี-ภราดร"เกลื่อนใต้

และช่วงเวลา 07.00 น.วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจปัตตานีได้ร่วมกับผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้พ่นสีสเปรย์ทับข้อความขับไล่เจ้าหน้าที่ทหารที่กลุ่มผู้ไม่หวังดีลอบพ่นไว้บนถนนทางหลวงสาย 410 ปัตตานี3 ยะลา บริเวณหน้าโรงเรียนชุมชนบ้านปูยุด ตั้งอยู่ ม.7 ต.ปูยุด อ.เมืองปัตตานี ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบการพานข้อความในลักษณะเดียวกันในหลายจุดของถนนทางหลวงสาย 410 และบนถนนสายรอง โดยบางจุดใช้สีขาว และบางจุดพ้นเป็นสีแดง แต่เนื้อหาเดียวกัน

ส่วนใน จ.นราธิวาส ร.ต.อ.ประจวบ นิ่มเรือง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.นราธิวาส รวมทั้งกองพิสูจน์หลักฐาน ได้ร่วมกันตระเวนตรวจสอบและเก็บป้ายผ้า ที่คนร้ายลอบนำป้ายผ้าสีขาวเขียนข้อความเป็นภาษาไทยและภาษารูมี แขวนไว้ตามกิ่งไม้ริมถนน และสายไฟฟ้า รวมทั้งใช้สีสเปรย์พ่นข้อความไว้บนราวสะพานและกลางถนนในพื้นที่ 8 อำเภอ รวมทั้งสิ้น 38 จุด ซึ่งมีใจความว่า "ทหารตำรวจออกไป ถ้าจะเห็นความสงบที่แท้จริง กูเกลียดคนหลอกลวง ไอ้วี ไอ้ดอน กูกลับมาแล้ว ออกไปถ้าจะดูประชาชนอยู่สบาย" ในเบื้องต้นเชื่อว่าเป็นสมาชิกแนวร่วมในพื้นที่ต่อต้านเจ้าหน้าที่รัฐ

**ทหารทลายฐานRKKบนเทือกเขาตะเว

เช้าวันเดียวกัน พ.อ.เฉลิมชัย สุทธินวล ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 สั่งการให้ ร.ท.ธนัตถ์ พวงงาม ผู้ช่วยนายทหารฝ่ายยุทธการ กรมทหารพรานที่ 45 นำกำลังขึ้นเฮลิคอปเตอร์ แบบ ฮท.1 บินสำรวจทางอากาศบนเทือกเขาตะเว เขตรอยต่อ ต.บองอ อ.ระแงะ กับ ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ภายหลังช่วงคืนวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ทหารพราน ร้อย ทพ.ที่ 4502 ร้อย ทพ.ที่ 1111 และร้อย ทพ.เชิงรุก กรมทหารพรานที่ 41 ขึ้นพิสูจน์ทราบก่อนปะทะกับกองกำลังติดอาวุธกลุ่มนายอับดุลฮากิม ปูตะ นายต่วนแซะ ต่วนกือจิ และระดับปฏิบัติการอีกรวม 10 คน ขณะกบดานในขนำ 6 หลัง โดยทั้ง 10 คนฝ่าวงล้อมวิถีกระสุนหลบหนีไปได้อย่างหวุดหวิด และเจ้าหน้าที่ได้ทำลายลานฐานปฏิบัติการบนเทือกเขาตะเว ที่มีทั้งขนำ ลานฝึกการรบ ที่ละหมาดและโรงหุงต้ม ก่อนลำเลียงของกลางทั้งหมดที่ยึดได้ ได้แก่ กระสุนปืน M16 เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ชุดลายพราง อาหารแห้ง ถังแก๊ส อุปกรณ์สนาม มาทำการตรวจสอบหาลายนิ้วมือแฝงต่อไป

**ทบ.ยันไม่ได้ใช้ความรุนแรงต่อโจรใต้

พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าทหารใช้ความรุนแรงในการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงเดือนรอมฎอนว่า ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ได้เน้นอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้ทำบุญ พร้อมกับการลาดตระเวนเพื่อรักษาความปลอดภัยให้พื้นที่มีความเรียบร้อย

สำหรับกรณีเหตุปะทะที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เป็นเหตุการณ์ที่น่าเสียใจ เนื่องจากขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการลาดตระเวนระวังป้องกันและรักษาความปลอดภัยอยู่ภายในพื้นที่ บังเอิญเกิดเหตุเผชิญหน้ากันกับนายมะสุเพียน มามะ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดียิงครู และผู้ต้องสงสัยเหตุวางระเบิดในหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา โดยนายมะสุเพียน ได้ใช้อาวุธต่อสู้เจ้าหน้าที่ก่อน จึงทำให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องดำเนินตามขั้นตอนของการใช้กฎหมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงทำให้มีการสูญเสียเกิดขึ้น ไม่เหมือนกับอีกเหตุการณ์ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน กรณีนายอัมลี เจ๊ะโซ๊ะ เป็นผู้ต้องหา ซึ่งมีหลักฐานว่า เป็นผู้ประกอบระเบิด และผู้วางระเบิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนไปพบเหมือนกัน แต่นายอัมลี เจ๊ะโซ๊ะไม่ได้มีลักษณะที่จะต่อสู้ขัดขืน และมีท่าทีที่จะขอเข้าแสดงตัวกับจนท. ผ่านนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จนท.จึงได้อำนวยความสะดวกให้ตามขั้นตอน มีการให้ประกันตัวกลับไปอยู่บ้าน ซึ่งนายอัมลี เจ๊ะโซ๊ะ ยังคงสามารถไปประกอบศาสนกิจร่วมกับครอบครัวได้ปกติ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่ต้องการที่จะใช้ความรุนแรง และมีเจตนาที่จะสนับสนุนให้ประชาชนมีความสุขในเดือนแห่งการทำบุญ

ส่วนอีกเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมาที่เจ้าหน้าที่มีการปะทะกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ประมาณ 5-6 คน นอกเมืองบนเขา เขตรอยต่อ ต.กาลิซา อ.ระแงะ จ.นราธิวาส กับ ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส แม้กลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดจะหลบหนีไปได้ แต่เราสามารถยึดอาวุธ กระสุน และสิ่งอุปกรณ์ได้หลายรายการ เช่น กระสุนเอ็ม 16 ข้าวสาร อาหารแห้ง ถังแก๊ส และเสื้อผ้าชุดทหารพราน 5 ชุด ชุดลายพราง 2 ชุด ชุดชรบ. 2 ชุด แสดงให้เห็นว่า ผู้ก่อเหตุยังมีความพยายามที่จะก่อเหตุ ที่สำคัญคือมีเครื่องแบบเจ้าหน้าที่อยู่ด้วยจำนวนมาก ซึ่งสอดคล้องกับกระแสข่าวว่า ผู้ไม่หวังดีบางกลุ่มที่พยายามบิดเบือนด้วยการชี้นำสังคมว่า เหตุที่เกิดในช่วงนี้จะเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่นั้น ทาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.รมน.และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้แสดงความชื่นชมกำลังพลในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย

** "ภราดร" ยันไทยไม่ได้เริ่มก่อเหตุก่อน

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช. ) เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ภาคใต้ของพล.ต.อ.ประชา พหรมนอก รองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ยังยืนยันให้ใช้มาตรการดูแลอย่างเข้มข้น และไม่ประมาท ส่วนการแขวนป้ายผ้าขับไล่ทหารนั้น ส่วนตัวรับทราบแล้ว ถือว่ายังรับได้ ที่ออกมาแสดงออกโดยไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งขณะนี้กำลังสืบสภาพอยู่ว่า เป็นกลุ่มใด ส่วนเหตุการณ์ยิง 2 สามีภรรยา ที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ว่า เกี่ยวข้องกับ BRN หรือไม่ คาดว่าน่าจะทราบผลเร็ววันนี้

ส่วนกรณีที่ BRN กล่าวหาว่า ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้ก่อเหตุก่อนนั้น ส่วนตัวได้รับทราบเนื้อหาทางอีเมลล์แบบไม่เป็นทางการแล้ว ยืนยัน เจ้าหน้าที่ไม่ได้ริเริ่มก่อเหตุก่อน อีกทั้งเรื่องนี้ได้พูดคุยกับพล.ต.อ.ประชา แล้ว โดยยืนยันแนวทางของเราถูกต้อง เชื่อว่าไม่กระทบการพูดคุยครั้งหน้า

นอกจากนี้ พล.ท.ภราดร ยังกล่าวถึงกรณีที่ BRN รวม อ.สะเดา จ.สงขลา เป็นพื้นที่รุนแรงนั้นยืนยันไม่เกี่ยวข้อง เป็นเพียงข้อห่วงใยเท่านั้นซึ่งในเรื่องนี้ได้ให้ ศอ.บต. และผู้ว่าราชการจังหวัด ชี้แจงแล้วส่วนการดูแลพื้นที่ช่วงเดือนรอมฎอน ยังเน้นเชิงรับมากกว่าเชิงรุก
กำลังโหลดความคิดเห็น