หุ้นไทยพุ่ง 58 จุด หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นไม่จริง จากประธานเฟดออกมายอมรับ ต้องคงมาตรการQE3ต่อ ส่งผลเม็ดไหลเข้าทุกตลาด รวมถึงราคาทองคำ ที่ปรับเพิ่ม 350 บาท โบรกฯแนะจับตาค่าบาท หากแข็งค่ากว่า 31 บาท/เหรียญ หุ้นไทยวันนี้(12ก.ค.) ขึ้นต่อ ส่วนแนวโน้มต่อไปต้องติดตามผลประกอบการบจ.ไตรมาส2 ช่วยหนุน "จรัมพร"มั่นใจเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศไหลกลับ เพื่อหาแหล่งสร้างผลตอบแทนสูง เตรียมปรับเป้าวอลุ่มเทรด/วัน หลังครึ่งปีแรกพุ่งแตะ6หมื่นล้านบาท/วัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้(11 ก.ค.)เคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 58.63จุดหรือ3.18% ปิดที่ระดับ1,447.04จุด มูลค่าการซื้อขาย 55,079.26ล้านบาท ตอบรับถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ออกมาระบุว่าสหรัฐฯยังจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย(QE3)ต่อไปเนื่องจากตัวเลขอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับสูงและเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ซึ่งตรงกันข้ามกับที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า เฟดเตรียมจะลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรของQE3 เร็วๆนี้ ทั้งนี้ข่าวดังกล่าวมีผลบวกทางด้านจิตวิทยาลงทุนกับตลาดหุ้นทั่วโลกทำให้เกิดแรงซื้อกลับเข้ามาในทุกตลาด รวมถึงตลาดหุ้นไทย และตลาดทองคำ
ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคพบว่า ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 55.98จุด ปิดที่ระดับ 14,472.58 จุด ดัชนีเซี่ยงไฮ คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 64.86 จุด ปิดที่2,072.99 จุด ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น532.93จุด ปิดที่21,437.49จุด
ส่วนการซื้อขายสุทธิแยกตามประเภทนักลงทุน พบว่า บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 3,055.16 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,438.72 ล้านบาท และสถาบันซื้อสุทธิ 1,597.64 ล้านบาท โดยนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 7,091.52 ล้านบาท
โดยหลักทรัพย์5อันดับแรกที่มีมูลค่าการซื้อขายมากที่สุด ได้แก่ KTB 19.60บาท เพิ่มขึ้น1.50บาท(8.29%) มูลค่าการซื้อขาย 2,932ล้านบาท PTT 351.00บาท เพิ่มขึ้น8.00 บาท(2.33%) มูลค่าการซื้อขาย 2,582 ล้านบาท PTTEP 166.50บาท เพิ่มขึ้น 3.50บาท (2.15%)มูลค่าการซื้อขาย 2,531ล้านบาท KBANK 188.00บาท เพิ่มขึ้น9.00(7.43%) บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,455 ล้านบาท และ INTUCH 83.50บาท เพิ่มขึ้น3.50บาท(4.38%) มูลค่าการซื้อขาย 2932,ล้านบาท
นักวิเคราะห์ กล่าวว่า แนวโน้มวันนี้(12ก.ค.) หากเงินบาทแข็งค่าขึ้นเหนือกว่า 31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก็มีโอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะขึ้นต่อ และหลังจากนี้ต้องติดตามการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/56 ของบริษัทจดทะเบียนในประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อหุ้นเป็นรายตัว พร้อมให้แนวต้าน 1,460 จุด แนวรับ 1,434 จุด
ส่วนราคาทองคำวานนี้ (11ก.ค.) สมาคมค้าทองคำประการปรับขึ้นอีก 350 บาท โดยทองคำแท่งอยู่ที่ระดับ รับซื้อ 18,850 บาท ขายออก 18,950 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อ 18,525 บาท ขายออก 19,300 บาท
*** "จรัมพร" มั่นใจ "ต่างชาติ" กลับมาแน่
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า นักลงทุนต่างชาติจะยังกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แม้ว่าที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปี ต่างชาติจะขายสุทธิหุ้นไทยออกไป 80,975 ล้านบาท เนื่องจากกังวลต่อการถอนมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องของสหรัฐ แต่เชื่อว่า 12-18 เดือนจากนี้ นักลงทุนต่างชาติจะยังหาแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งเชื่อว่า ตลาดหุ้นเอเชียและไทยยังเป็นเป้าหมายการลงทุน ขณะเดียวกัน ตลท. เตรียมปรับมูลค่าการซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้น หลังจากที่ในช่วงครึ่งแรก มูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงถึงถึง 60,000 ล้านบาท จากเดิมมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 32,000 ล้านบาทต่อวัน
"แม้ตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวน แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่บริษัทจะเข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้นเพราะระดับดัชนีหุ้นไทยในปัจจุบัน เป็นระดับที่ดีที่สุดในรอบ 17-18 ปีที่ผ่านมา
ตลาดหุ้นไทยวานนี้(11 ก.ค.)เคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 58.63จุดหรือ3.18% ปิดที่ระดับ1,447.04จุด มูลค่าการซื้อขาย 55,079.26ล้านบาท ตอบรับถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ออกมาระบุว่าสหรัฐฯยังจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย(QE3)ต่อไปเนื่องจากตัวเลขอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับสูงและเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ซึ่งตรงกันข้ามกับที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า เฟดเตรียมจะลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรของQE3 เร็วๆนี้ ทั้งนี้ข่าวดังกล่าวมีผลบวกทางด้านจิตวิทยาลงทุนกับตลาดหุ้นทั่วโลกทำให้เกิดแรงซื้อกลับเข้ามาในทุกตลาด รวมถึงตลาดหุ้นไทย และตลาดทองคำ
ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคพบว่า ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 55.98จุด ปิดที่ระดับ 14,472.58 จุด ดัชนีเซี่ยงไฮ คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 64.86 จุด ปิดที่2,072.99 จุด ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น532.93จุด ปิดที่21,437.49จุด
ส่วนการซื้อขายสุทธิแยกตามประเภทนักลงทุน พบว่า บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 3,055.16 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,438.72 ล้านบาท และสถาบันซื้อสุทธิ 1,597.64 ล้านบาท โดยนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 7,091.52 ล้านบาท
โดยหลักทรัพย์5อันดับแรกที่มีมูลค่าการซื้อขายมากที่สุด ได้แก่ KTB 19.60บาท เพิ่มขึ้น1.50บาท(8.29%) มูลค่าการซื้อขาย 2,932ล้านบาท PTT 351.00บาท เพิ่มขึ้น8.00 บาท(2.33%) มูลค่าการซื้อขาย 2,582 ล้านบาท PTTEP 166.50บาท เพิ่มขึ้น 3.50บาท (2.15%)มูลค่าการซื้อขาย 2,531ล้านบาท KBANK 188.00บาท เพิ่มขึ้น9.00(7.43%) บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,455 ล้านบาท และ INTUCH 83.50บาท เพิ่มขึ้น3.50บาท(4.38%) มูลค่าการซื้อขาย 2932,ล้านบาท
นักวิเคราะห์ กล่าวว่า แนวโน้มวันนี้(12ก.ค.) หากเงินบาทแข็งค่าขึ้นเหนือกว่า 31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก็มีโอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะขึ้นต่อ และหลังจากนี้ต้องติดตามการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/56 ของบริษัทจดทะเบียนในประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อหุ้นเป็นรายตัว พร้อมให้แนวต้าน 1,460 จุด แนวรับ 1,434 จุด
ส่วนราคาทองคำวานนี้ (11ก.ค.) สมาคมค้าทองคำประการปรับขึ้นอีก 350 บาท โดยทองคำแท่งอยู่ที่ระดับ รับซื้อ 18,850 บาท ขายออก 18,950 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อ 18,525 บาท ขายออก 19,300 บาท
*** "จรัมพร" มั่นใจ "ต่างชาติ" กลับมาแน่
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า นักลงทุนต่างชาติจะยังกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แม้ว่าที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปี ต่างชาติจะขายสุทธิหุ้นไทยออกไป 80,975 ล้านบาท เนื่องจากกังวลต่อการถอนมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องของสหรัฐ แต่เชื่อว่า 12-18 เดือนจากนี้ นักลงทุนต่างชาติจะยังหาแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งเชื่อว่า ตลาดหุ้นเอเชียและไทยยังเป็นเป้าหมายการลงทุน ขณะเดียวกัน ตลท. เตรียมปรับมูลค่าการซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้น หลังจากที่ในช่วงครึ่งแรก มูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงถึงถึง 60,000 ล้านบาท จากเดิมมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 32,000 ล้านบาทต่อวัน
"แม้ตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวน แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่บริษัทจะเข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้นเพราะระดับดัชนีหุ้นไทยในปัจจุบัน เป็นระดับที่ดีที่สุดในรอบ 17-18 ปีที่ผ่านมา
