ASTVผู้จัดการรายวัน - ปู่หิ้วหลานวัย 6 ขวบ บุกร้องทุกข์ผู้การฯฉะเชิงเทรา ถูกปิคอัพชน คู่กรณีรับผิดชอบทุกอย่าง ผ่านไป 2 เดือนไปตามคดีแทบหงายหลัง ตำรวจชี้หลานชายผิดเพราะไม่มีใบขับขี่-ปั่นจักรยานตัดหน้า รองผบก.สั่งพนักงานสอบสวนทำสำนวนคดีใหม่ เตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องเจรจา หากตกลงไม่ได้ส่งฟ้องศาลพิจารณาตามรูปคดี
เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (8 ก.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา นายประทีป เทพพนม ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดฉะเชิงเทรา ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ(กก.ตร.)ภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา นำนายอุดร เสือภี อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 388 หมู่ 17 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา และด.ช.อดิศร เสือภี อายุ 6 ปี หลานชาย ขอพบพล.ต.ต.สมบัติ บัวเรือง ผบก.ภ.จว. แต่ไม่อยู่ พ.ต.อ.ชัยรัตน์ ศรีเอี่ยม รองผบก.จึงออกมาพบแทน
นายอุดร ร้องทุกข์ว่า เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม เวลา 16.00 น. หลานชายปั่นรถจักรยานอยู่บนถนนในหมู่บ้านท่าวัว แยกจากถนนสายรพช.บ้านท่าวัว-บ้านหินแร่ มีรถกระบะโตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ขก 1563 ชลบุรี ที่นายอนุรักษ์ ศรเพชร อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143 หมู่ 6 ต.ท่ากระดาน เป็นคนขับ พุ่งชนหลานชาย จนกระดูกชายโครงหัก กระดูกไหปลาร้าหัก มีบาดแผลฉกรรจ์ตามลำตัว
ซึ่งฝ่ายผู้ขับรถชนยอมรับผิดทุกอย่าง และจะให้ประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบให้ เพราะรถมีประกันชั้นหนึ่ง พร้อมกับนำหลานชายส่งโรงพยาบาล ซึ่งก็วางใจว่าไม่น่าจะมีปัญหา เแต่เวลาผ่านไปเกือบ 2 เดือนยังไม่มีใครรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล โดยเบื้องต้นต้องไปหากู้หยิบยืมเงินมารักษาอาการบาดเจ็บของหลานชายกว่า 1 หมื่นบาท แต่แพทย์ได้ให้นอนพัก 4 วันก็ให้กลับบ้าน เพราะเห็นว่าไม่มีเงินสดจ่ายเพิ่มอีกหากให้อยู่ต่อไป
จากนั้นได้ไปติดตามคดีกับร.ต.อ.เสรี ประเสริฐลาภ พนักงานสอบสวนสภ.สนามชัยเขต เจ้าของคดี กลับพบว่า ร้อยเวรชี้ว่าหลานชายเป็นฝ่ายผิด บริษัทประกันจึงไม่จ่ายค่ารักษาพยาบาล โดยตำรวจอ้างว่าหลานชายไม่มีใบขับขี่ และขับรถจักรยานตัดหน้า ทั้งที่วันเกิดเหตุตำรวจไม่ได้ออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และไม่เคยไปสอบถามพยานแวดล้อม ทั้งที่มีผู้เห็นเหตุการณ์ อีกทั้งจุดเกิดเหตุป็นถนนในหมู่บ้าน ผู้ขับขี่จากภายนอกที่เข้ามาต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าถนนใหญ่
ด้านพ.ต.อ.ชัยรัตน์ กล่าวว่า จะทำหนังสือสั่งการให้พนักงานสอบสวน ตรวจสอบความถูกต้อง และทำสำนวนคดีใหม่ โดยให้ผกก.กำกับดูแลอย่างใกล้ชิด และจะได้เรียกผู้เกี่ยวข้องมาเจรจากัน หากไม่สามารถตกลงกันได้ ก็จะส่งฟ้อง ให้ศาลตัดสินชี้ขาดตามรูปคดี
ขณะที่นายประทีป กล่าวว่า เคยโทรศัพท์ไปสอบถามร้อยเวรเจ้าของคดีแล้ว แต่กลับได้รับคำตอบด้วยคำพูดที่ไม่เหมาะสม หรือไม่น่ารับฟังกลับมาเช่นกัน
เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (8 ก.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา นายประทีป เทพพนม ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดฉะเชิงเทรา ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ(กก.ตร.)ภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา นำนายอุดร เสือภี อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 388 หมู่ 17 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา และด.ช.อดิศร เสือภี อายุ 6 ปี หลานชาย ขอพบพล.ต.ต.สมบัติ บัวเรือง ผบก.ภ.จว. แต่ไม่อยู่ พ.ต.อ.ชัยรัตน์ ศรีเอี่ยม รองผบก.จึงออกมาพบแทน
นายอุดร ร้องทุกข์ว่า เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม เวลา 16.00 น. หลานชายปั่นรถจักรยานอยู่บนถนนในหมู่บ้านท่าวัว แยกจากถนนสายรพช.บ้านท่าวัว-บ้านหินแร่ มีรถกระบะโตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ขก 1563 ชลบุรี ที่นายอนุรักษ์ ศรเพชร อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143 หมู่ 6 ต.ท่ากระดาน เป็นคนขับ พุ่งชนหลานชาย จนกระดูกชายโครงหัก กระดูกไหปลาร้าหัก มีบาดแผลฉกรรจ์ตามลำตัว
ซึ่งฝ่ายผู้ขับรถชนยอมรับผิดทุกอย่าง และจะให้ประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบให้ เพราะรถมีประกันชั้นหนึ่ง พร้อมกับนำหลานชายส่งโรงพยาบาล ซึ่งก็วางใจว่าไม่น่าจะมีปัญหา เแต่เวลาผ่านไปเกือบ 2 เดือนยังไม่มีใครรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล โดยเบื้องต้นต้องไปหากู้หยิบยืมเงินมารักษาอาการบาดเจ็บของหลานชายกว่า 1 หมื่นบาท แต่แพทย์ได้ให้นอนพัก 4 วันก็ให้กลับบ้าน เพราะเห็นว่าไม่มีเงินสดจ่ายเพิ่มอีกหากให้อยู่ต่อไป
จากนั้นได้ไปติดตามคดีกับร.ต.อ.เสรี ประเสริฐลาภ พนักงานสอบสวนสภ.สนามชัยเขต เจ้าของคดี กลับพบว่า ร้อยเวรชี้ว่าหลานชายเป็นฝ่ายผิด บริษัทประกันจึงไม่จ่ายค่ารักษาพยาบาล โดยตำรวจอ้างว่าหลานชายไม่มีใบขับขี่ และขับรถจักรยานตัดหน้า ทั้งที่วันเกิดเหตุตำรวจไม่ได้ออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และไม่เคยไปสอบถามพยานแวดล้อม ทั้งที่มีผู้เห็นเหตุการณ์ อีกทั้งจุดเกิดเหตุป็นถนนในหมู่บ้าน ผู้ขับขี่จากภายนอกที่เข้ามาต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าถนนใหญ่
ด้านพ.ต.อ.ชัยรัตน์ กล่าวว่า จะทำหนังสือสั่งการให้พนักงานสอบสวน ตรวจสอบความถูกต้อง และทำสำนวนคดีใหม่ โดยให้ผกก.กำกับดูแลอย่างใกล้ชิด และจะได้เรียกผู้เกี่ยวข้องมาเจรจากัน หากไม่สามารถตกลงกันได้ ก็จะส่งฟ้อง ให้ศาลตัดสินชี้ขาดตามรูปคดี
ขณะที่นายประทีป กล่าวว่า เคยโทรศัพท์ไปสอบถามร้อยเวรเจ้าของคดีแล้ว แต่กลับได้รับคำตอบด้วยคำพูดที่ไม่เหมาะสม หรือไม่น่ารับฟังกลับมาเช่นกัน
