ASTVผู้จัดการรายวัน-กมธ.ตำรวจ จี้ทีมสอบคดี "เอกยุทธ" อย่าเร่งปิดคดี แนะนำหลักฐานใหม่ของนิติเวชมาช่วยคลี่คลาย ส่วนญาติสามารถขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวนได้ หากไม่มั่นใจ "ทนายสุวัตร" ชี้เป้า การฆ่าด้วยวิธีพิเศษ จะมีก็แต่ทหาร ตำรวจเท่านั้นที่ทำได้
นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ปิยพงษ์ สาครเย็น แพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพ นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) ว่า การชันสูตรพลิกศพของนายเอกยุทธพบว่าสาเหตุการตายไม่ตรงกับคำสารภาพของผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ว่า กมธ.ตำรวจจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะผลชันสูตรของนิติเวชยังตรงกับข้อสันนิษฐาน 1 ใน 13 ข้อ ที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความนายเอกยุทธ เคยตั้งข้อสังเกตไว้
ทั้งนี้ กมธ.ตำรวจ ขอเรียกร้องไปยัง พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีการชีวิตของ นายเอกยุทธ อย่าปิดคดีโดยเร็ว ขอให้นำหลักฐานใหม่ที่พบมาใส่ในสำนวนการสอบสวน เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม และขอให้มีการตรวจลายนิ้วมือในรถตู้อีกครั้ง เพราะทางนิติเวชระบุว่ามีบุคคลปริศนา และขอให้ตรวจกล้องวงจรปิดในหลายๆ จุดที่ยังหาหลักฐานไม่ครบ
"หากญาติของนายเอกยุทธ ไม่ไว้ใจคณะทีมงานสอบสวนชุดนี้ เพราะ พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. ที่ให้เหตุผลค้านเป็นปรปักษ์กับพยานหลักฐาน และมุ่งแต่จะปิดคดีว่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ ญาติก็สามารถร้องไปยัง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อเปลี่ยนพนักงานสอบสวนได้ โดยให้กองบังคับการปราบปราม หรือกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเข้ามาทำหน้าที่แทนได้ ส่วน กมธ.ตำรวจ จะมีการปรึกษาหารือกันว่าจะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง แต่จะรอให้กระบวนการทำงานของ กสม. เสร็จสิ้นก่อน"
ด้านนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความนายเอกยุทธ กล่าวว่า ได้ตั้งข้อสังเกตสาเหตุการเสียชีวิต และให้ข้อมูลแก่ตำรวจไปแล้วว่า บุคคลที่ฆ่าคนในท่าพิเศษนี้ ต้องเป็นการฆ่าด้วยมือเปล่า และถูกฝึกฝนมาดี หากไม่เป็นทหารก็ต้องเป็นตำรวจ ดังนั้นตำรวจต้องพุ่งเป้าไปที่หน่วยซีลของกองทัพเรือ ทหารรบพิเศษ ตำรวจพลร่ม หรือหน่วยอื่นๆ แต่ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนยังไม่ทำอะไร ส่วนอนาคตยังไม่รู้ว่าจะฟ้องคดีนี้เองหรือไม่ เพราะต้องรวบรวมพยานหลักฐานทั้งพยานวัตถุ พยานบุคคล พยานเอกสารมากมาย ซึ่งตนเองไม่มีความสามารถขนาดนั้น และหากอัยการฟ้องไปตามรูปคดีที่มีอยู่ และจำเลยอาจปฏิเสธในชั้นศาล ศาลอาจยกฟ้อง ดังนั้น การที่ตนเร่งรัด และเสนอข้อมูลเข้าไป ทำให้ความจริงค่อยๆ ปรากฏออกมา
นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ปิยพงษ์ สาครเย็น แพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพ นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) ว่า การชันสูตรพลิกศพของนายเอกยุทธพบว่าสาเหตุการตายไม่ตรงกับคำสารภาพของผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ว่า กมธ.ตำรวจจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะผลชันสูตรของนิติเวชยังตรงกับข้อสันนิษฐาน 1 ใน 13 ข้อ ที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความนายเอกยุทธ เคยตั้งข้อสังเกตไว้
ทั้งนี้ กมธ.ตำรวจ ขอเรียกร้องไปยัง พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีการชีวิตของ นายเอกยุทธ อย่าปิดคดีโดยเร็ว ขอให้นำหลักฐานใหม่ที่พบมาใส่ในสำนวนการสอบสวน เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม และขอให้มีการตรวจลายนิ้วมือในรถตู้อีกครั้ง เพราะทางนิติเวชระบุว่ามีบุคคลปริศนา และขอให้ตรวจกล้องวงจรปิดในหลายๆ จุดที่ยังหาหลักฐานไม่ครบ
"หากญาติของนายเอกยุทธ ไม่ไว้ใจคณะทีมงานสอบสวนชุดนี้ เพราะ พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. ที่ให้เหตุผลค้านเป็นปรปักษ์กับพยานหลักฐาน และมุ่งแต่จะปิดคดีว่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ ญาติก็สามารถร้องไปยัง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อเปลี่ยนพนักงานสอบสวนได้ โดยให้กองบังคับการปราบปราม หรือกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเข้ามาทำหน้าที่แทนได้ ส่วน กมธ.ตำรวจ จะมีการปรึกษาหารือกันว่าจะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง แต่จะรอให้กระบวนการทำงานของ กสม. เสร็จสิ้นก่อน"
ด้านนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความนายเอกยุทธ กล่าวว่า ได้ตั้งข้อสังเกตสาเหตุการเสียชีวิต และให้ข้อมูลแก่ตำรวจไปแล้วว่า บุคคลที่ฆ่าคนในท่าพิเศษนี้ ต้องเป็นการฆ่าด้วยมือเปล่า และถูกฝึกฝนมาดี หากไม่เป็นทหารก็ต้องเป็นตำรวจ ดังนั้นตำรวจต้องพุ่งเป้าไปที่หน่วยซีลของกองทัพเรือ ทหารรบพิเศษ ตำรวจพลร่ม หรือหน่วยอื่นๆ แต่ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนยังไม่ทำอะไร ส่วนอนาคตยังไม่รู้ว่าจะฟ้องคดีนี้เองหรือไม่ เพราะต้องรวบรวมพยานหลักฐานทั้งพยานวัตถุ พยานบุคคล พยานเอกสารมากมาย ซึ่งตนเองไม่มีความสามารถขนาดนั้น และหากอัยการฟ้องไปตามรูปคดีที่มีอยู่ และจำเลยอาจปฏิเสธในชั้นศาล ศาลอาจยกฟ้อง ดังนั้น การที่ตนเร่งรัด และเสนอข้อมูลเข้าไป ทำให้ความจริงค่อยๆ ปรากฏออกมา