xs
xsm
sm
md
lg

เสนอรัฐ 3 ข้อลดเงื่อนไขชุมนุม จวกให้ท้ายแดงทุบหน้ากากขาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (1 ก.ค.56) กลุ่มหน้ากากขาวเชียงใหม่ เดินทางมายื่นหนังสือต่อ น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชน และประธานอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง เพื่อขอให้หามาตราการคุ้มครองความปลอดภัยในการใช้สิทธิเสรีภาพแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 พร้อมขอให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เนื่องจากมีกลุ่มคนเสื้อแดงในนาม กลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 ได้เข้ามาข่มขู่ คุกคาม และใช้ความรุนแรง ต่อการชุมนุมของกลุ่มหน้ากากขาว จ.เชียงใหม่ ที่บริเวณสวนสุขภาพ ม.เชียงใหม่ และ ถนนนิมมานเหมินทร์ เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ จนทำให้สมาชิกกลุ่มหน้ากากขาวได้รับบาดเจ็บ รวมถึงตรวจสอบสื่อวิทยุชุมชนของคนเสื้อแดง รักเชียงใหม่ 51 ที่ปลุกระดม และการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่สามารถระงับเหตุการณ์และไม่ดำเนินการกับกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ดำเนินการกับผู้ชุมนุมกับกลุ่มหน้ากากขาว
น.พ.นิรันดร์ กล่าวกับกลุ่มหน้ากากขาวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือกับคณะอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ที่จะมีการประชุม รวมทั้งจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือ เพราะเห็นว่าขณะนี้ได้มีการเผชิญหน้าระหว่างมวลชน จึงต้องมีมาตรการในการดูแลความปลอดภัย และในปัจจุบันวิทยุชุมชนได้ทำหน้าที่แตกต่างไปจากเดิม ที่มีจุดประสงค์เป็นวิทยุของชุมชน แต่กลับใช้เป็นเครื่องมือเพื่อปลุกระดมทางการเมือง จึงเห็นว่าเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทางสถานีโทรทัศน์บลูสกายแชแนล ว่า ตนได้รวบรวมข้อสังเกตจากบทความในต่างประเทศ ทั้งยุโรป และอเมริกา ซึ่งบังเอิญสอดคล้องกับการชุมนุมของกลุ่มหน้ากากขาว กับการประท้วงในประเทศตุรกี อียิปต์ บราซิล และประเทศแถบยุโรป อันเป็นผลต่อเนื่องมาจากวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งตนคิดว่า ควรเก็บเกี่ยวมาเป็นบทเรียน ว่าอย่าทำให้เกิดเงื่อนไขเหล่านี้ขึ้น คือ 1.ถ้าเกิดไม่มีความพยายามในการปิดกั้นสื่อ ปิดกั้นการตรวจสอบให้สภาทำงาน ให้สื่อทำงานได้ ให้มีการแสดงออกได้ตามความเหมาะสมแล้วการประท้วง การชุมนุม ก็จะไม่บานปลาย 2. การบริหารประเทศที่โปร่งใส ต้องตระหนักว่า เงินทุกบาท ทุกสตางค์ เป็นของประชาชน ไม่ใช่ใช้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง 3. เร่งทำความเข้าใจกับเงื่อนไขต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับข่าวสาร ทั้งนี้ ตนคงไม่สามารถบอกได้ว่า ถ้าทำอย่างนี้แล้วจะไม่มีการชุมนุม แต่น่าจะช่วยลดเงื่อนไขที่จะไม่ให้การชุมนุมลุกลาม บานปลายได้
“ผมมองว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมไทยขณะนี้ คือปัญหาการทุจริต คอร์รัปชั่น แต่สิ่งสำคัญก็คือ ตัวการฉ้อฉลอำนาจ คือตัวหลักที่อยู่ในใจคน ถ้ารัฐบาลสลัดให้พ้นจากตรงนี้ เรื่องนิรโทษกรรม จะช่วยพรรคพวกตัวเอง หรืออะไรนั้น ก็ควรประกาศเลิก แล้วเปิดเผยข้อมูล อย่างโครงการต่างๆ ของรัฐบาล ผมว่ามันก็จะลดความรู้สึกที่จะทำให้คนออกสู่ท้องถนน แต่ยิ่งทิ้งไว้ ยิ่งสะสม ก็จะเป็นความคลางแคลงใจ ไม่ไว้วางใจ แล้วก็จะยากที่จะทำให้ยุติลงได้ง่ายๆ และรัฐบาลนี้ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ไม่เข้าใจกับเรื่องแบบนี้ แต่คิดอย่างเดียวว่า คนนั้น คนนี้อยู่เบื้องหลัง จะล้มกัน”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า หากเปิดสภา กฎหมายล้างผิด การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะกลายเป็นเงื่อนไข ที่เป็นฟางเส้นสุดท้ายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะมีหลายเรื่องที่ซ้อนกัน ฉะนั้นควรจะเคารพเจตนารมณ์ของระบอบประชาธิปไตย ตรงนี้จะเป็นจุดหลักที่สุด ซึ่งการนิรโทษกรรม การแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลับการเลี่ยงเรื่องกฎหมายเรื่องเงินกู้ และอื่นๆ มันเป็นรูปธรรมของสิ่งคนกำลังประท้วง.
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คนเหล่านี้คงดำเนินการเช่นนี้ไม่ได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เพราะมีการทำร้ายร่างกายและข่มขู่ผู้อื่นตลอดเวลา หากรัฐบาลไม่ปรับปรุงพฤติกรรมก็เชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศจะลุกฮือขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลที่ทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และยังใช้อำนาจรัฐข่มขู่ประชาชนของตัวเอง โดยเห็นว่าเราเข้าสู่รัฐบาลเผด็จการที่แย่กว่าในอดีต นางสาวยิ่งลักษณ์ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงทางแยกที่ต้องตัดสินใจ หากจะนำรัฐบาลเดินหน้าต่อด้วยการใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรม ดูแลประชาชนแบบสองมาตรฐาน
นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่ว่าคนกลุ่มไหนก็สามารถแสดงออกทางการเมืองได้ แต่หากทำผิดกฎหมายก็จะต้องถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินการ จึงอยากขอเตือนพี่น้องเสื้อแดงทั่วประเทศว่า ควรหลีกเลี่ยงที่จะเข้าใกล้กลุ่มคนหน้ากากขาว เพราะเรามีจุดยืนที่ต่างกัน อาจมีความเสี่ยงที่จะเผชิญหน้ากันได้
พล.ต.ต.พรชัย พักตร์ผ่องศรี ผบก.ภ.จว.ลำปาง กล่าวว่า ขณะนี้ได้ทำการสอบสวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เบื้องต้น โดยทางชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง ได้ให้ผู้ชายที่ก่อเหตุทั้งสองคนจากกลุ่มคนเสื้อแดง และกลุ่มหน้ากากขาว เดินทางมายัง สภ.เมืองลำปาง เพื่อสอบสวนเหตุการณที่เกิดขึ้น ซึ่งตามภาพ พบว่า ายกลุ่มคนหน้ากากขาว ได้เดินเข้าไปล็อคคอชายกลุ่มคนเสื้อแดง ในขณะที่กำลังเดินข้ามถนน จนเกิดการทะเลาะชกต่อยกันขึ้นกลางถนน จากนั้นทั้งสองกลุ่มก็กรูเข้าหากัน แต่เจ้าหน้าที่สามารถระงับเหตุได้
จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าผู้ชายกลุ่มหน้ากากขาวนั้น มีสติไม่ค่อยสมประกอบ โดยเดินเข้าไปล็อคคอผู้ชายกลุ่มคนเสื้อแดง กลางถนน ทำให้ชายกลุ่มเสื้อแดงที่ถูกล็อคคอ ดิ้นและสะบัดออก จากนั้นจึงเกิดการชกต่อยกันขึ้น ซึ่งทั้งสองคนก็ไม่ติดใจเอาเรื่อง ถึงขั้นกับแจ้งความ เพราะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่ทางตำรวจจะได้ให้กลับบ้านไป และแจ้งให้นายณัฐชัย อินทราย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงลำปาง เดินทางมาพบ เพื่อทำความเข้าใจในการชุนนุม รวมทั้งดูแลกลุ่มสมาชิก อย่าให้เกิดความวุ่นวายใดขึ้นอีก เพราะจะส่งผลต่อสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของ จ.ลำปาง
ที่รัฐสภา นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1 กล่าวถึงร่างพ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ฉบับของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ที่เสนอเข้าสภาฯ ในช่วงเป็นรองนายกฯว่า การที่ร.ต.อ.เฉลิม ถูกโยกย้ายไปดำรงตำแหน่งรมว.แรงงาน ก็ไม่ทำให้กฎหมายฉบับดังกล่าวมีปัญหาหรือตกไป เพราะเป็นการเสนอในฐานะส.ส. ส่วนจะนำขึ้นมาพิจารณาในการประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไป ในวันที่ 1 ส.ค.นี้หรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) และเบื้องต้นเมื่อเปิดประชุมสภาฯ แล้วก็ต้องพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ2557 ก่อนจะพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมและร่างพ.ร.บ.ปรองดองฯ
เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าหากรัฐบาลเดินหน้าพิจารณาร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับก็จะออกไปชุมนุมกับประชาชนนอกสภาฯ นายเจริญ กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ควรเคารพกฎเกณฑ์ หากสมาชิกส่วนใหญ่ร่วมกันเสนอให้พิจารณากฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ก็ต้องดำเนินการตามกระบวนการ ซึ่งจะตามใจทุกฝ่ายไม่ได้และการออกกฎหมายไม่สามารถถูกใจทุกคน โดยขณะนี้ปัญหาก็ยังไม่เกิดขึ้น และที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้นำฝ่ายค้านฯ ก็เคยออกมาระบุว่าเห็นด้วยกับการปรองดองเช่นกัน.

**อัด“แม้ว”ไม่แตกแยกสั่งสมุนเคารพกม.
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกฯ และทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยากเห็นคนไทยสามัคคี เพื่อทำให้ประเทศน่าอยู่ แต่คงไม่ง่ายหากมีกระบวนการปล่อยข่าวลือ หวังทำลายฝ่ายตรงข้าม โดยไม่เคารพกติกาประชาธิปไตย ว่า ไม่มีการทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้ตัวเองได้อำนาจ และการไม่เคารพกติกาประชาธิปไตยล้วนมาจากกลุ่มคนในระบอบทักษิณทั้งสิ้น ส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุคนรักษากติกาไม่มีใจเป็นธรรมนั้น หากผู้รักษากติกาความถูกต้อง หมายถึงสถาบันตุลาการและองค์กรอิสระ ตนเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงหมายถึง การตัดสินใจอย่างตรงไปตรงมา แทรกแซงวิ่งเต้นไม่ได้ และเมื่อแทรกแซงไม่ได้ ก็จะเกิดกระบวนการทำลายล้าง จนบางครั้งผู้รักษากติกาต้องถูกไล่ชกอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย
“ประเทศไทยถ้าจะไม่ให้มีความแตกแยก พ.ต.ท.ทักษิณ ควรสั่งคนของตัวเอง รัฐบาล พรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดง ให้เคารพกฎหมาย ไม่ต้องออกกฎหมายล้างผิด และทุกคนเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย แค่นี้ประเทศก็จะสงบ” นายราเมศ กล่าว
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าคนที่รัก พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคเพื่อไทย ยังไม่พร้อมที่จะรับคำสอนเรื่องประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมจากพรรคประชาธิปัตย์เพราะยังต่ำกว่ามาตรฐานสากล ตนขอเรียกร้องว่าแทนที่จะมาพร่ำสอนเรื่องนี้ ขอให้ไปทำนโยบายมาต่อสู้กันทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งต่อไปดีกว่าไหม เพราะประชาชนจะได้มีข้อเปรียบเทียบและ พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่สามารถไปสั่งการให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยหรือคนเสื้อแดงให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ได้ เพราะทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และตามอำนาจหน้าที่ของตน ซึ่งสิ่งที่ท่านเรียกร้องมาโดยตลอดก็คือขอเพียงให้มีประชาธิปไตยและหลักยุติธรรมที่แท้จริงเกิดขึ้นในประเทศไทยประเทศจะสงบ
กำลังโหลดความคิดเห็น