xs
xsm
sm
md
lg

ล้วนแล้วแต่ขี้ข้าทักษิณทั้งนั้น

เผยแพร่:   โดย: ราวี เวียงพยัคฆ์

หลังจากล้มเหลวจากโครงการรับจำนำข้าวที่ทำให้ประเทศย่อยยับไปนับแสนล้านล้านบาท และหน้าแหกด้วยคำพิพากษาของศาลปกครองกลางที่บอกว่า รัฐบาลหุ่นนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ละเลยต่อการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญในโครงการจัดการเรื่องน้ำ ไล่ให้ไปทำตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเสียก่อนที่จะเริ่มโครงการ แทนที่รัฐบาลจะรู้สึกละอายแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์กลับแก้ปัญหาด้วยการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรี และหาทางกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาทมากองเอาไว้ก่อน พร้อมๆ กับหาช่องทางที่จะอุทธรณ์คำสั่งศาล

โฉมหน้าของคณะรัฐมนตรีที่ปรับเข้ามาใหม่ไม่ได้แตกต่างไปจากรัฐมนตรีที่ถูกปรับเปลี่ยนออกไป แต่ละคนแม้จะไม่ได้เอ่ยปากออกมาเต็มปากเต็มคำอย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เคยเอ่ยปากมาแล้วว่า ตัวเป็นขี้ข้าทักษิณ แต่พิจารณาจากพฤติกรรมแล้วก็ไม่แตกต่างกันเลย

แต่ละคนล้วนขี้ข้าทักษิณทั้งสิ้น

ทั้งที่เป็นอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทั้งนักกฎหมายระดับครูบาอาจารย์ ทั้งนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ อดีตนักเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น (แต่ในที่สุดก็เลือกที่จะเป็นขี้ข้าทักษิณ เพราะเห็นว่าหนทางนี้เท่านั้นที่จะทำให้ได้เป็นรัฐมนตรี มีความมั่งคั่งมั่นคงในชีวิต)

เป้าหมายของรัฐบาลหุ่นยิ่งลักษณ์ก็คือ ช่วยให้ทักษิณกลับประเทศได้อย่างเท่ๆยังคงจะเดินหน้าต่อไปโดยคณะรัฐมนตรีชุดใหม่นี้อย่างไม่ต้องสงสัย ความเสี่ยงที่ประชาชนสองฝ่ายที่เป็นขี้ข้าทักษิณกับฝ่ายที่ไม่เอาทักษิณจะต้องเผชิญหน้ากัน ปะทะกันนับวันจะรุนแรงยิ่งขึ้น รัฐบาลจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญและจะเข็นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หรือร่าง พ.ร.บ.ปรองดองออกมาให้ได้

นี่จะเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ประชาชนสองฝ่ายออกมานอกถนนและเผชิญหน้ากัน ซึ่งทุกวันนี้ก็เริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว เช่นที่เชียงใหม่ ลำปาง และอุดรธานีเป็นอีกจังหวัดที่จะเกิดแน่นอน

ขณะเดียวกับที่จ้องจะช่วยเหลือพี่ชาย รัฐบาลหุ่นยิ่งลักษณ์ก็มองหาผลประโยชน์จากโครงการต่างๆ ที่เห็นชัดเจนมาแล้วก็จากโครงการรับจำนำข้าวที่มีตัวเลขว่าขาดทุน 1.3 แสนล้านบาท (ขณะที่ตัวเลขจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่รัฐบาลขาดทุนไม่ต่ำกว่า 2.6 แสนล้านบาท) รัฐบาลไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขต่างๆ ให้ประชาชนทราบได้ว่า ขณะนี้ข้าวที่อยู่ในโกดังของรัฐบาลมีอยู่เท่าใด ที่ขายไปแล้วเท่าใด ขายให้ใครบ้าง ในราคาเท่าใด ข้าวที่อยู่ในโกดังทุกวันนี้เสื่อมสภาพไปแล้วเท่าไร เน่าเสียไปแล้วเท่าใด

เช่นเดียวกับโครงการกู้เงินมา 3.5 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลบอกว่าเป็นโครงการเร่งด่วนนั้นเอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้เร่งด่วน ทุกวันนี้ยังบอกไม่ได้เลยว่าจะสร้างเขื่อนที่ไหน ทางน้ำที่ไหน แก้มลิงรับน้ำที่ไหน แต่ทะลึ่งไปหาผู้ประมูลโดยที่ไม่ถามประชาชนที่อาจจะกระทบกับโครงการต่างๆ เหล่านี้ว่า เขาเห็นด้วยหรือไม่ แถมบริษัทต่างชาติที่ประมูลได้ ทักษิณมันดอดไปพบมาก่อนหน้านี้แล้ว

มันจะให้ประชาชนเข้าใจว่าอย่างไร?

โครงการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทมาสร้างรถไฟความเร็วสูงนี่ก็อีก แรกก็บอกว่าเพื่อเชื่อมต่อกับอาเซียน แต่ทะลึ่งจะทำแค่กรุงเทพฯ-นครราชสีมา กรุงเทพฯ-ประจวบคีรีขันธ์ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ นี่มันเชื่อมต่อกับอาเซียนตรงไหนแถมจะทำเป็น พ.ร.บ.เงินกู้ไม่อยู่ใน พ.ร.บ.งบประมาณ มันจะมาออกกฎหมายให้เหนือกว่ารัฐธรรมนูญไปได้อย่างไร?

แต่มันก็ทำ และพยายามจะเข็นออกมาเป็นกฎหมายให้ได้

พวกมันก็รู้ว่ายากที่จะผ่านศาลรัฐธรรมนูญ เพราะอย่างไรเสียก็ต้องมีสมาชิกวุฒิสภาหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแน่ในขั้นตอนที่ผ่านวาระที่ 3 มันจึงให้ขี้ข้าทั้งหลายออกมาเคลื่อนไหวดิสเครดิตศาลรัฐธรรมนูญ เรียกร้องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญลาออกบ้าง หยุดปฏิบัติหน้าที่บ้าง เป็นการประสานเสียงกับขี้ข้าที่เป็นนักกฎหมายที่เคยเสนอการปฏิรูปศาลรัฐธรรมนูญมาก่อนหน้านี้ แต่ก็ก่อกระแสไม่ติดเพราะประชาชนส่วนใหญ่ไม่เล่นด้วย รู้ทันพวกมัน

แม้จะมีเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้นในสภาฯ แม้จะมีมวลชนส่วนหนึ่งสนับสนุน แม้จะมีทุนมากมายมหาศาลสนับสนุน รัฐบาลหุ่นยิ่งลักษณ์ก็ไม่อาจจะบริหารประเทศให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขได้ ชาติบ้านเมืองมีแต่จะย่อยยับอับจน

เพราะคนเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำประเทศโง่เขลาบริหารประเทศอยู่ได้ด้วยความหน้าด้านหน้าทน เป็นคนที่รู้จักกับคำว่าละอายอยู่บ้าง เขาจะไม่ยอมมาเป็นหุ่นให้ผู้คนเขาหัวเราะเยาะอย่างนี้

เพราะนโยบายที่ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของประชาชนอย่างเช่น โครงการรับจำนำข้าว โครงการโชวห่วย โชว์โง่ โครงการกู้มาผลาญทั้งหลาย

เพราะคณะรัฐมนตรีที่เวียนหน้ากันมาล้วนแต่ผ่านการเลือกสรรจากทักษิณ เป็นการตอบแทนบุญคุณบ้าง เป็นการให้รางวัลแก่ขี้ข้าที่เด่นในสายตาของทักษิณบ้าง

ประโยชน์จึงไม่ได้อยู่ที่ประเทศชาติบ้านเมือง หากแต่จะอยู่ที่ประโยชน์ของทักษิณเป็นสำคัญ
กำลังโหลดความคิดเห็น