เอ็มดีแบงก์อิสลามถอดใจ ลาออกแล้ว หลังถูกกดดันทั้งจากพนักงานและบอร์ด จี้ให้ตอบ 9 ประเด็นฉาว แฉจุดอ่อนแม้การเมืองหนุน แต่ด้อยประสบการณ์ห่างชั้นเอ็มดีคนก่อนจึงถูกต้านหนัก บอร์ดเด้งรับตั้ง "ธงรบ" รักษาการฯ ด้านปลัดคลังปลอบใจ "ธานินท์" มีความตั้งใจแก้หนี้เสียตามที่มอบหมาย
วานนี้ (27 มิ.ย.) คณะกรรมการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) อนุมัติให้นายธานินท์ อังสุวรังสี กรรมการผู้จัดการธนาคาร ลาออกจากตำแหน่ง ตามที่ยื่นหนังสือมาถึงบอร์ด ต่อกรณีดังกล่าว นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้รับรายงานแล้ว โดยอ้างว่ามีปัญหาสุขภาพ และบอร์ดได้มีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ให้มีผลในวันที่ 30 มิ.ย.
ทั้งนี้ บอร์ดธนาคารได้แต่งตั้งให้นายธงรบ ด่านอำไพ รักษาการกรรมการผู้จัดการ ระหว่างรอสรรหากรรมการผู้จัดการคนใหม่ เชื่อว่าการลาออกจะไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงาน เพราะทางบอร์ดก็ต้องหากลไกกำกับให้เป็นไปตามแผน "คุณธานินท์เองก็มีการดำเนินการตามนโยบายที่ได้รับจากกระทรวงการคลัง คือการแก้ปัญหาหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) และการเพิ่มสัดส่วนปล่อยกู้แก่ผู้นับถือศาสนาอิสลามให้มากขึ้น" นายอารีพงศ์กล่าว
รายงานข่าวระบุว่า การลาออกครั้งนี้เนื่องจากมีแรงกดดันจากความขัดแย้งในองค์กรจนนายธานินท์ทนไม่ไหว หลังเข้ามารับตำแหน่งเมื่อเดือน พ.ย.55 แม้พยายามจะบริหารองค์กรตามมาตรฐานสถาบันการเงินทั่วไป ทว่ากลายเป็นการปรับเปลี่ยนที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ของธนาคาร ถูกโจมตีว่าเป็นคนของฝ่ายการเมือง ด้วยประสบการณ์ที่ยังน้อยและมีความเหลื่อมล้ำกับเอ็มดีคนก่อนอย่างนายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ จึงควบคุมพนักงานและผู้บริหารไม่ได้ กระทั่งกลางเดือนที่ผ่านมา นอกจากมีการแต่งดำประท้วงแล้วได้มีพนักงานกว่า 1.4 พันคน ร่วมลงชื่อร้องเรียนต่อบอร์ดว่านายธานินท์เข้าข่ายการทำผิด 9 ข้อ ประกอบด้วย 1. การสั่งการให้ผู้บริหารที่เกี่ยวข้องยกเลิกกระบวนการอนุมัติและเบิกจ่ายสินเชื่อที่ไม่เป็นไปตามข้อบังคับธนาคาร ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของลูกค้า จนไม่สามารถชำระหนี้ให้กับธนาคารได้ ดังปรากฏจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารได้เพิ่มขึ้นจาก 2.4 หมื่นล้านบาท เป็น 3.8 หมื่นล้านบาท 2. สั่งการให้ยกเลิกการรวบอำนาจการอนุมัติตามลำดับชั้นโดยกรรมการผู้จัดการธนาคาร ซึ่งการสั่งการของกรรมการผู้จัดการธนาคาร ส่งผลให้การอนุมัติดำเนินการต่างๆ ได้เกิดความล่าช้าและไม่มีประสิทธิภาพ 3. สั่งการให้ยกเลิกการว่าจ้างคณะที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการ ทุกราย
4.สั่งการให้สอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีการสั่งกันสำรองเป็นเงินจำนวน 7,000 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้ธนาคารขาดทุนจนทุนติดลบโดยไม่มีความจำเป็น 5. สั่งการให้ตั้งคณะทำงานสอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีการออกข่าวในทางเสียหายต่อธนาคาร 6.สั่งการให้ตั้งคณะทำงานสอบข้อเท็จจริงกรณีมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการแก้ไขชั้นหนี้ลูกค้าเบิกเกินวงเงิน หลายรายเพื่อปกปิดหนี้เสียกว่า 3,000 ล้านบาท 7.สั่งการให้ตั้งคณะทำงานสอบข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหาว่ามีการเรียกรับสินบน
8.สั่งการให้ตั้งคณะทำงานสอบข้อเท็จจริงกรณีมีการร้องเรียนเรื่องบริษัทที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการเรียกรับผลประโยชน์จากการขายทรัพย์สินของลูกค้าเพื่อนำมาชำระหนี้ และ 9.สั่งการให้ตั้งคณะทำงานสอบข้อเท็จจริงในกรณีที่มีการปิดรับสมัครพนักงานในตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจรายย่อย จำนวน 3 ตำแหน่ง เป็นการภายในก่อนเวลาที่กำหนดไว้
สำหรับนายธานินท์ เคยเป็นผู้บริหาร แคปิตอล โอเคและกรรมการ ทอท.ถูกข้อครหาใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจทางการเมือง และถูกโจมตีว่าผ่านการสรรหาโดยขาดคุณสมบัติ เช่น ต้องเป็นผู้บริหารไม่ต่ำกว่าระดับรอง หรือหน่วยงานที่บริหารอยู่ต้องมีสินทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ดังนั้นคณะกรรมการสรรหาจึงมีหมายเหตุแนบท้ายผลการคัดเลือกให้กระทระทรวงการคลังว่า กรณีที่มีการฟ้องเรื่องคุณสมบัติของผู้สมัครไม่ครบในอนาคต เป็นเรื่องของผู้สมัครจะต้องรับผิดชอบเอง กรรมการสรรหาไม่รับผิดชอบ เพราะถือว่าดูข้อมูลตามที่ผู้สมัครยื่นสมัครมา.
วานนี้ (27 มิ.ย.) คณะกรรมการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) อนุมัติให้นายธานินท์ อังสุวรังสี กรรมการผู้จัดการธนาคาร ลาออกจากตำแหน่ง ตามที่ยื่นหนังสือมาถึงบอร์ด ต่อกรณีดังกล่าว นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้รับรายงานแล้ว โดยอ้างว่ามีปัญหาสุขภาพ และบอร์ดได้มีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ให้มีผลในวันที่ 30 มิ.ย.
ทั้งนี้ บอร์ดธนาคารได้แต่งตั้งให้นายธงรบ ด่านอำไพ รักษาการกรรมการผู้จัดการ ระหว่างรอสรรหากรรมการผู้จัดการคนใหม่ เชื่อว่าการลาออกจะไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงาน เพราะทางบอร์ดก็ต้องหากลไกกำกับให้เป็นไปตามแผน "คุณธานินท์เองก็มีการดำเนินการตามนโยบายที่ได้รับจากกระทรวงการคลัง คือการแก้ปัญหาหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) และการเพิ่มสัดส่วนปล่อยกู้แก่ผู้นับถือศาสนาอิสลามให้มากขึ้น" นายอารีพงศ์กล่าว
รายงานข่าวระบุว่า การลาออกครั้งนี้เนื่องจากมีแรงกดดันจากความขัดแย้งในองค์กรจนนายธานินท์ทนไม่ไหว หลังเข้ามารับตำแหน่งเมื่อเดือน พ.ย.55 แม้พยายามจะบริหารองค์กรตามมาตรฐานสถาบันการเงินทั่วไป ทว่ากลายเป็นการปรับเปลี่ยนที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ของธนาคาร ถูกโจมตีว่าเป็นคนของฝ่ายการเมือง ด้วยประสบการณ์ที่ยังน้อยและมีความเหลื่อมล้ำกับเอ็มดีคนก่อนอย่างนายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ จึงควบคุมพนักงานและผู้บริหารไม่ได้ กระทั่งกลางเดือนที่ผ่านมา นอกจากมีการแต่งดำประท้วงแล้วได้มีพนักงานกว่า 1.4 พันคน ร่วมลงชื่อร้องเรียนต่อบอร์ดว่านายธานินท์เข้าข่ายการทำผิด 9 ข้อ ประกอบด้วย 1. การสั่งการให้ผู้บริหารที่เกี่ยวข้องยกเลิกกระบวนการอนุมัติและเบิกจ่ายสินเชื่อที่ไม่เป็นไปตามข้อบังคับธนาคาร ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของลูกค้า จนไม่สามารถชำระหนี้ให้กับธนาคารได้ ดังปรากฏจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารได้เพิ่มขึ้นจาก 2.4 หมื่นล้านบาท เป็น 3.8 หมื่นล้านบาท 2. สั่งการให้ยกเลิกการรวบอำนาจการอนุมัติตามลำดับชั้นโดยกรรมการผู้จัดการธนาคาร ซึ่งการสั่งการของกรรมการผู้จัดการธนาคาร ส่งผลให้การอนุมัติดำเนินการต่างๆ ได้เกิดความล่าช้าและไม่มีประสิทธิภาพ 3. สั่งการให้ยกเลิกการว่าจ้างคณะที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการ ทุกราย
4.สั่งการให้สอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีการสั่งกันสำรองเป็นเงินจำนวน 7,000 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้ธนาคารขาดทุนจนทุนติดลบโดยไม่มีความจำเป็น 5. สั่งการให้ตั้งคณะทำงานสอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีการออกข่าวในทางเสียหายต่อธนาคาร 6.สั่งการให้ตั้งคณะทำงานสอบข้อเท็จจริงกรณีมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการแก้ไขชั้นหนี้ลูกค้าเบิกเกินวงเงิน หลายรายเพื่อปกปิดหนี้เสียกว่า 3,000 ล้านบาท 7.สั่งการให้ตั้งคณะทำงานสอบข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหาว่ามีการเรียกรับสินบน
8.สั่งการให้ตั้งคณะทำงานสอบข้อเท็จจริงกรณีมีการร้องเรียนเรื่องบริษัทที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการเรียกรับผลประโยชน์จากการขายทรัพย์สินของลูกค้าเพื่อนำมาชำระหนี้ และ 9.สั่งการให้ตั้งคณะทำงานสอบข้อเท็จจริงในกรณีที่มีการปิดรับสมัครพนักงานในตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจรายย่อย จำนวน 3 ตำแหน่ง เป็นการภายในก่อนเวลาที่กำหนดไว้
สำหรับนายธานินท์ เคยเป็นผู้บริหาร แคปิตอล โอเคและกรรมการ ทอท.ถูกข้อครหาใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจทางการเมือง และถูกโจมตีว่าผ่านการสรรหาโดยขาดคุณสมบัติ เช่น ต้องเป็นผู้บริหารไม่ต่ำกว่าระดับรอง หรือหน่วยงานที่บริหารอยู่ต้องมีสินทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ดังนั้นคณะกรรมการสรรหาจึงมีหมายเหตุแนบท้ายผลการคัดเลือกให้กระทระทรวงการคลังว่า กรณีที่มีการฟ้องเรื่องคุณสมบัติของผู้สมัครไม่ครบในอนาคต เป็นเรื่องของผู้สมัครจะต้องรับผิดชอบเอง กรรมการสรรหาไม่รับผิดชอบ เพราะถือว่าดูข้อมูลตามที่ผู้สมัครยื่นสมัครมา.