“ประธานบอร์ดอสมท” ลุยซื้อสิทธิ์พรีเมียร์ลีก 480 ล้านบาท อ้างทำความเข้าใจสหภาพเรียบร้อย เตรียมยื่นขอมติจากที่ประชุมบอร์ดอสมท 25 มิ.ย.นี้ มั่นใจทำรายได้ร่วม1,000 ล้านตลอด3ปี ฟากสหภาพแรงงานยันไม่เห็นด้วยพร้อมชู3ข้อสังเกตให้พิจารณา ด้านซีทีเอชเดินหน้าขายลิขสิทธิ์ต่อเนื่องในลาวและเขมร ส่วนในไทยแย้มผุดโปรโมชั่นเอาใจลูกค้าใหม่
นายสุธรรม แสงประทุม ประธานกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีที่ อสมท เตรียมใช้งบประมาณกว่า 480 ล้านบาท ซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจากบริษัท ซีทีเอช จำกัด จำนวน 17 แมทซ์ต่อปี ปีละ 160 ล้านบาทติดต่อกัน 3 ปี รวม 480 ล้านบาท โดยมีกระแสข่าวออกมาว่าทางพนักงานหรือสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกกิจ บมจ.อสมท ไม่เห็นด้วยนั้น ว่า ล่าสุดได้ชี้แจงรายละเอียดและข้อเท็จจริงและความเป็นได้หลังการลงทุนครั้งนี้ว่าจะเป็นผลดีต่อ อสมท มากเพียงใด ทำให้ขณะนี้พนักงานเข้าใจและยอมรับกับการที่ อสมท ได้ลงทุนซื้อพรีเมียร์ลีกครั้งนี้แล้ว
***ดิ้นหาคอนเท้นต์ใหม่สู้ฟรีทีวี
แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวเพิ่มเติมว่า อสมท ต้องเร่งปรับตัวรับกับสถานการณ์การแข่งขันในฟรีทีวีที่เกิดขึ้น เพราะผลประกอบการของสถานีโมเดิร์นไนน์ ช่วงไตรมาส 1-2 ที่ผ่านมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงต้องมองหาคอนเท้นท์ทแข่งขันกับช่องฟรีทีวีอื่นๆ เช่น กีฬาที่จะนำมาแข่งกับละครในช่วงไพร์มไทม์
โดยการซื้อลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก 17 แมทช์ของ อสมท ครั้งนี้ จะนำเสนอในที่ประชุมบอร์ดวันที่ 25 มิ.ย.นี้ก่อนการเซ็นสัญญาการซื้อลิขสิทธิ์
เบื้องต้นทาง อสมท มองว่าการลงทุนครั้งนี้จะคุ้มทุน โดยสิทธิ์ที่ทาง อสมท จะได้ในครั้งนี้ ประกอบด้วย การร่วมถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก 17 แมทช์ และได้เอ็กซ์คลูซีฟจัดกิจกรรมออนกราวด์ทั่วประเทศ รวมถึงสื่อวิทยุที่จะนำเสนอการแข่งขันทั้ง 380 แมทช์ต่อปี ผ่านทางคลื่น F.M.99 Active Radio อีกทั้ง อสมท ยังสามารถหาสปอนเซอร์โฆษณาได้ด้วย
ขณะนี้ได้เริ่มพรีเซลล์ขายสปอนเซอร์แล้วหลายแพกเกจ ขณะที่แพกเกจใหญ่ราคา 50 ล้านบาท ได้รับการตอบรับที่ดีจากเอเจนซี่และเจ้าของสินค้าต่างๆไม่ต่ำกว่า 10 ราย ในปีแรกสามารถขายโฆษณาได้ไม่ต่ำกว่า 150-200 ล้านบาท มีทั้งสปอนเซอร์เดิมที่ซื้อกับทางซีทีเอชและลูกค้าใหม่อย่างกลุ่มมือถือ และรถยนต์ เป็นต้น ส่วนในปีที่ 2-3 คาดว่าจะทำรายได้ต่อปีได้สูงกว่านั้นมาก หรือตลอด 3 ปีนี้ อสมท จะสร้างรายได้จากลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
ด้านนายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับเรื่องดังกล่าวตนไม่ขอออกความคิดเห็น ขอรอรายละเอียดในดูอาทิตย์หน้าที่ทางฝ่ายขายและฝ่ายตลาดจะนำเสนอเรื่องดังกล่าวขึ้นมาก่อน ทั้งนี้หากทางสหภาพแรงงานฯยังมีข้อไม่เห็นด้วย ก็จะต้องทำประชาพิจารณ์ตามมาเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน
***สหภาพฯค้านไม่เห็นด้วย 3 ข้อ
นายสุวิทย์ มิ่งมล รักษาการ ประธาน สหภาพแรงงาน รัฐวิสาหกิจ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่วงวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางประธานบอร์ดอสมท คือ นายสุธรรม แสงประทุม และรองกรรมการบอร์ด อสมท คือ นายจักรพันธุ์ ยมจินดา ได้เรียกพบตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ อสมท เพื่อชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับ เม็ดเงิน 480 ล้านบาท ในการซื้อพรีเมียร์ลีก 17 แมทช์
ทั้งนี้ทางสหภาพแรงงานยืนยันว่า ไม่ได้ยอมรับการตัดสินใจของ อสมท ในครั้งนี้ แต่ท้ายที่สุดขึ้นอยู่กับอำนาจของฝ่ายบริหารที่เราไม่สามารถก้าวก่ายได้
ทางสหภาพแรงงานฯเองก็ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้กับประธานบอร์ด อสมท รับทราบและพิจารณาต่อไปด้วย ใน 3 ข้อ คือ 1.ก่อนหน้านี้ทางซีทีเอชได้นำเสนอการขาย 17 แมทช์ไปยังฟรีทีวีช่องอื่นๆมาก่อนหน้าแล้ว แต่ไม่มีใครสนใจ พอมาถึง อสมท ทำไมจึงรีบตัดสินใจซื้อในราคา 480 ล้านบาท ทำไมไม่ต่อรองให้ได้ในราคาที่ต่ำกว่านี้
2.สัญญาครั้งนี้มีระยะเวลา 3 ปี ถึงแม้ว่าทางประธานบอร์ดจะมั่นใจว่าสามารถขายโฆษณาในปีแรกซึ่งน่าจะคุ้มทุนและมีกำไรแล้ว แต่ในปีที่ 2-3 จะเป็นอย่างไร ในสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่ควบคุมไม่ได้ เช่น ประธาน คณะกรรมการบอร์ด อสมท หรือแม้แต่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ต้องสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ลงก่อนหมดวาระ แล้วพันธะ 480 ล้านบาทที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร หากเกิดปัญหาขึ้นตามมา ข้อสังเกตดังกล่าวนี้ทางประธานบอร์ด อสมท และรองประธานบอร์ด อสมท ทั้ง2ท่านจะให้คำมั่นสัญญาว่า พร้อมรับผิดชอบหากเกิดปัญหาขึ้น
3.ในส่วนของการขายโฆษณาที่กล่าวว่า ขายได้แล้วในปีแรก ซึ่งมีทั้งจากลูกค้าเก่าและใหม่ โดยในส่วนของลูกค้าเก่านั้น เป็นเม็ดเงินก้อนใหม่เลยหรือไม่ ถ้าใช่ยอมรับว่า อสมท จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจริง และถ้าเป็นเม็ดเงินก้อนเดิมที่เตรียมใช้กับทาง อสมท ก่อนหน้าอยู่แล้ว แต่ถูกโยกมาในส่วนของพรีเมียร์ลีก ก็ถือว่า อสมท ไม่ได้มีรายได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างไร
***ซีทีเอชหวัง 30ล.ยูเอส ขายลาวและเขมร
นายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การขายลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกกับทางประเทศลาวและเขมรนั้น ขณะนี้ยังอยู่ในเรื่องการเจรจาข้อตกลงกันอยู่ จะมีหลายแนวทางทั้งร่วมทุน และขายสิทธิ์ให้ไปบริหารจัดการเอง ขณะที่การลงทุนของซีทีเอชตั้งแต่เริ่มจนถึงปัจจุบันใช้เงินไปแล้วกว่า 16,000 ล้านบาท จาก 30,000 ล้านบาทที่กู้มา ทั้งนี้ทางซีทีเอชยังสนใจเข้าร่วมประมูลดิจิตอลทีวีด้วย โดยกำลังศึกษาความเป็นไปได้อยู่ ส่วนโมเดลการเข้าประมูลยังไม่ได้สรุปอาจจะเป็นการร่วมทุนก็เป็นได้ และจะต้องมีชื่อซีทีเอชเป็นหนึ่งในการร่วมทุนประมูลด้วย
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การขายลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกให้ลาวและเขมรนั้น แต่ละประเทศมีบริษัทเอกชนที่สนใจราว 3 ราย ส่วนการเจรจายังสรุปไม่ได้ เนื่องจากเม็ดเงินที่ซีทีเอชเสนอขายไปนั้นค่อนข้างสูงอยู่ที่ 20-30 ล้านเหรียญสหรัฐ/3ปี แต่ผู้ที่สนใจต้องการราคาที่ต่ำกว่านี้ เนื่องจากประชากรในประเทศน้อยกว่าไทยมาก
ดังนั้นขณะนี้จึงกำลังศึกษาความเป็นไปได้ใหม่กันอยู่ มั่นใจว่าจะสรุปออกมาก่อนถึงช่วงการแข่งขัน โดยในส่วนของประเทศลาวนั้น ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า ผู้ที่ซื้อลิขสิทธิ์ไป คือ ลาวสตาร์
นายวันชัย ศรีสุชน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับโปรโมชั่นแพกเกจการขายในราคา 599 บาท/เดือนของซีทีเอชที่จะมีถึงวันที่ 31 ส.ค.นี้นั้น หลังจากนั้นยังจะมีโปรโมชั่นแพกเกจใหม่ๆออกมาตอบโจทย์กลุ่มสมาชิกใหม่เพิ่มเติมด้วย แต่โปรโมชั่นใหม่ๆนั้นจะไม่มีโปรโมชั่นใดที่จะให้ประโยชน์แก่สมาชิกได้เท่า 599 บาท/เดือน แน่นอน
นายสุธรรม แสงประทุม ประธานกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีที่ อสมท เตรียมใช้งบประมาณกว่า 480 ล้านบาท ซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจากบริษัท ซีทีเอช จำกัด จำนวน 17 แมทซ์ต่อปี ปีละ 160 ล้านบาทติดต่อกัน 3 ปี รวม 480 ล้านบาท โดยมีกระแสข่าวออกมาว่าทางพนักงานหรือสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกกิจ บมจ.อสมท ไม่เห็นด้วยนั้น ว่า ล่าสุดได้ชี้แจงรายละเอียดและข้อเท็จจริงและความเป็นได้หลังการลงทุนครั้งนี้ว่าจะเป็นผลดีต่อ อสมท มากเพียงใด ทำให้ขณะนี้พนักงานเข้าใจและยอมรับกับการที่ อสมท ได้ลงทุนซื้อพรีเมียร์ลีกครั้งนี้แล้ว
***ดิ้นหาคอนเท้นต์ใหม่สู้ฟรีทีวี
แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวเพิ่มเติมว่า อสมท ต้องเร่งปรับตัวรับกับสถานการณ์การแข่งขันในฟรีทีวีที่เกิดขึ้น เพราะผลประกอบการของสถานีโมเดิร์นไนน์ ช่วงไตรมาส 1-2 ที่ผ่านมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงต้องมองหาคอนเท้นท์ทแข่งขันกับช่องฟรีทีวีอื่นๆ เช่น กีฬาที่จะนำมาแข่งกับละครในช่วงไพร์มไทม์
โดยการซื้อลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก 17 แมทช์ของ อสมท ครั้งนี้ จะนำเสนอในที่ประชุมบอร์ดวันที่ 25 มิ.ย.นี้ก่อนการเซ็นสัญญาการซื้อลิขสิทธิ์
เบื้องต้นทาง อสมท มองว่าการลงทุนครั้งนี้จะคุ้มทุน โดยสิทธิ์ที่ทาง อสมท จะได้ในครั้งนี้ ประกอบด้วย การร่วมถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก 17 แมทช์ และได้เอ็กซ์คลูซีฟจัดกิจกรรมออนกราวด์ทั่วประเทศ รวมถึงสื่อวิทยุที่จะนำเสนอการแข่งขันทั้ง 380 แมทช์ต่อปี ผ่านทางคลื่น F.M.99 Active Radio อีกทั้ง อสมท ยังสามารถหาสปอนเซอร์โฆษณาได้ด้วย
ขณะนี้ได้เริ่มพรีเซลล์ขายสปอนเซอร์แล้วหลายแพกเกจ ขณะที่แพกเกจใหญ่ราคา 50 ล้านบาท ได้รับการตอบรับที่ดีจากเอเจนซี่และเจ้าของสินค้าต่างๆไม่ต่ำกว่า 10 ราย ในปีแรกสามารถขายโฆษณาได้ไม่ต่ำกว่า 150-200 ล้านบาท มีทั้งสปอนเซอร์เดิมที่ซื้อกับทางซีทีเอชและลูกค้าใหม่อย่างกลุ่มมือถือ และรถยนต์ เป็นต้น ส่วนในปีที่ 2-3 คาดว่าจะทำรายได้ต่อปีได้สูงกว่านั้นมาก หรือตลอด 3 ปีนี้ อสมท จะสร้างรายได้จากลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
ด้านนายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับเรื่องดังกล่าวตนไม่ขอออกความคิดเห็น ขอรอรายละเอียดในดูอาทิตย์หน้าที่ทางฝ่ายขายและฝ่ายตลาดจะนำเสนอเรื่องดังกล่าวขึ้นมาก่อน ทั้งนี้หากทางสหภาพแรงงานฯยังมีข้อไม่เห็นด้วย ก็จะต้องทำประชาพิจารณ์ตามมาเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน
***สหภาพฯค้านไม่เห็นด้วย 3 ข้อ
นายสุวิทย์ มิ่งมล รักษาการ ประธาน สหภาพแรงงาน รัฐวิสาหกิจ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่วงวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางประธานบอร์ดอสมท คือ นายสุธรรม แสงประทุม และรองกรรมการบอร์ด อสมท คือ นายจักรพันธุ์ ยมจินดา ได้เรียกพบตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ อสมท เพื่อชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับ เม็ดเงิน 480 ล้านบาท ในการซื้อพรีเมียร์ลีก 17 แมทช์
ทั้งนี้ทางสหภาพแรงงานยืนยันว่า ไม่ได้ยอมรับการตัดสินใจของ อสมท ในครั้งนี้ แต่ท้ายที่สุดขึ้นอยู่กับอำนาจของฝ่ายบริหารที่เราไม่สามารถก้าวก่ายได้
ทางสหภาพแรงงานฯเองก็ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้กับประธานบอร์ด อสมท รับทราบและพิจารณาต่อไปด้วย ใน 3 ข้อ คือ 1.ก่อนหน้านี้ทางซีทีเอชได้นำเสนอการขาย 17 แมทช์ไปยังฟรีทีวีช่องอื่นๆมาก่อนหน้าแล้ว แต่ไม่มีใครสนใจ พอมาถึง อสมท ทำไมจึงรีบตัดสินใจซื้อในราคา 480 ล้านบาท ทำไมไม่ต่อรองให้ได้ในราคาที่ต่ำกว่านี้
2.สัญญาครั้งนี้มีระยะเวลา 3 ปี ถึงแม้ว่าทางประธานบอร์ดจะมั่นใจว่าสามารถขายโฆษณาในปีแรกซึ่งน่าจะคุ้มทุนและมีกำไรแล้ว แต่ในปีที่ 2-3 จะเป็นอย่างไร ในสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่ควบคุมไม่ได้ เช่น ประธาน คณะกรรมการบอร์ด อสมท หรือแม้แต่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ต้องสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ลงก่อนหมดวาระ แล้วพันธะ 480 ล้านบาทที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร หากเกิดปัญหาขึ้นตามมา ข้อสังเกตดังกล่าวนี้ทางประธานบอร์ด อสมท และรองประธานบอร์ด อสมท ทั้ง2ท่านจะให้คำมั่นสัญญาว่า พร้อมรับผิดชอบหากเกิดปัญหาขึ้น
3.ในส่วนของการขายโฆษณาที่กล่าวว่า ขายได้แล้วในปีแรก ซึ่งมีทั้งจากลูกค้าเก่าและใหม่ โดยในส่วนของลูกค้าเก่านั้น เป็นเม็ดเงินก้อนใหม่เลยหรือไม่ ถ้าใช่ยอมรับว่า อสมท จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจริง และถ้าเป็นเม็ดเงินก้อนเดิมที่เตรียมใช้กับทาง อสมท ก่อนหน้าอยู่แล้ว แต่ถูกโยกมาในส่วนของพรีเมียร์ลีก ก็ถือว่า อสมท ไม่ได้มีรายได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างไร
***ซีทีเอชหวัง 30ล.ยูเอส ขายลาวและเขมร
นายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การขายลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกกับทางประเทศลาวและเขมรนั้น ขณะนี้ยังอยู่ในเรื่องการเจรจาข้อตกลงกันอยู่ จะมีหลายแนวทางทั้งร่วมทุน และขายสิทธิ์ให้ไปบริหารจัดการเอง ขณะที่การลงทุนของซีทีเอชตั้งแต่เริ่มจนถึงปัจจุบันใช้เงินไปแล้วกว่า 16,000 ล้านบาท จาก 30,000 ล้านบาทที่กู้มา ทั้งนี้ทางซีทีเอชยังสนใจเข้าร่วมประมูลดิจิตอลทีวีด้วย โดยกำลังศึกษาความเป็นไปได้อยู่ ส่วนโมเดลการเข้าประมูลยังไม่ได้สรุปอาจจะเป็นการร่วมทุนก็เป็นได้ และจะต้องมีชื่อซีทีเอชเป็นหนึ่งในการร่วมทุนประมูลด้วย
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การขายลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกให้ลาวและเขมรนั้น แต่ละประเทศมีบริษัทเอกชนที่สนใจราว 3 ราย ส่วนการเจรจายังสรุปไม่ได้ เนื่องจากเม็ดเงินที่ซีทีเอชเสนอขายไปนั้นค่อนข้างสูงอยู่ที่ 20-30 ล้านเหรียญสหรัฐ/3ปี แต่ผู้ที่สนใจต้องการราคาที่ต่ำกว่านี้ เนื่องจากประชากรในประเทศน้อยกว่าไทยมาก
ดังนั้นขณะนี้จึงกำลังศึกษาความเป็นไปได้ใหม่กันอยู่ มั่นใจว่าจะสรุปออกมาก่อนถึงช่วงการแข่งขัน โดยในส่วนของประเทศลาวนั้น ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า ผู้ที่ซื้อลิขสิทธิ์ไป คือ ลาวสตาร์
นายวันชัย ศรีสุชน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับโปรโมชั่นแพกเกจการขายในราคา 599 บาท/เดือนของซีทีเอชที่จะมีถึงวันที่ 31 ส.ค.นี้นั้น หลังจากนั้นยังจะมีโปรโมชั่นแพกเกจใหม่ๆออกมาตอบโจทย์กลุ่มสมาชิกใหม่เพิ่มเติมด้วย แต่โปรโมชั่นใหม่ๆนั้นจะไม่มีโปรโมชั่นใดที่จะให้ประโยชน์แก่สมาชิกได้เท่า 599 บาท/เดือน แน่นอน