คุณหมอมาดูสระน้ำแห่งนี้ซิ เห็นไหมปลาสองฝูงกำลังกัดใหญ่เลย ยกพวกตีกัน ขัดแย้งกัน โดยไม่รู้สาเหตุ ฝ่ายหนึ่งก็ว่าอีกฝ่ายหนึ่งสารพัด อีกฝ่ายก็ว่าทำเพื่อคนคนเดียว อีกฝ่ายก็ไม่ยอม ต่างก็ระดมพวกของตนออกมาต่อต้าน โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าเหตุที่แท้จริงคือน้ำเน่า ดังคำกล่าวที่ว่า “นกไม่รู้จักฟ้า ปลาไม่รู้จักน้ำ” นกบินไปๆ เข้าสู่เขตมลพิษก็ต้องร่วงผล็อยลงมา ปลาไม่รู้จักน้ำ เมื่อน้ำเน่าก็ย่อมได้รับพิษร้ายจากน้ำเน่า โดยเฉพาะปลาเล็กปลาน้อย ไม่อาจจะต้านทานพิษร้ายจากน้ำเน่าได้ พากันล้มตายพิกลพิการ ลงเป็นอันมาก ฉันใด
คนไทยไม่รู้จักการเมือง คนไทยก็ย่อมได้รับพิษร้ายจากการเมืองเผด็จการ ฉันนั้น
หมอ:ใช่เลยค่ะ ท่าน ดร. ปัญหาสังคมไทยทุกวันนี้มันกำลังมุ่งหน้าไปสู่นรกจริงๆ นะค่ะ เมื่อการเมือง การปกครองเลว นักการเมืองที่อยู่ระบอบเผด็จการมันก็เลว มันก็เลยทำให้สังคม คนไทย ไม่รู้จุดมุ่งหมายของตน ก็กี่รัฐบาลๆ ยังไม่รู้จุดมุ่งหมายของชาติและประชาชนเลยก็ถูกหลอกให้งมงายกับคำว่าประชาธิปไตย เมื่อนักการเมืองทำเห็นผิด คิดผิด ทำผิด ปกครองผิดประชาชนยากจนลงๆ ก็ไปกล่าวโทษสถาบัน รุมกันทำร้ายสถาบัน ซึ่งแท้จริงแล้ว สถาบันท่านมีแต่ให้กับให้กับประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม ปัญญาชนคนไทยแท้ก็รู้กันอย่างนี้กันทั้งนั้น เพราะพรรคการเมืองครอบงำไม่ได้
หมอก็เข้าใจนะค่ะ ปัญหารัฐบาลบริหารผิดพลาด ทำผิดต่อประชาชน แต่นักการเมืองเขาถือว่าเขาทำไม่ผิดเพราะได้ประโยชน์เต็มจากการคอร์รัปชัน สารพัดโกงกิน ปัญหายาเสพติดล้นเมือง ปัญหาอาชญากรรมล้นประเทศ ความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน ปัญหาซ่องโสเภณี ฯลฯ คุกไม่มีที่จะคุมขังกันแล้ว
เราต้องเพิ่มตำรวจ เพิ่มอัยการ เพิ่มผู้พิพากษา เพิ่มเจ้าหน้าราชทัณฑ์ และต้องสร้างคุกเพิ่มขึ้นๆ เปลื้องงบประมาณมากมายมหาศาล แล้วก็แก้ปัญหาไม่ได้ ปัญหายิ่งทับถมๆ มากขึ้น ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุทั้งสิ้นเลยค่ะ
ครับหมอ ผมยกกระดาษให้คุณหมอดู แล้วถามคุณหมอว่า เห็นอะไรไหมครับ
หมอ:เห็นสีขาว เห็นสี่เหลี่ยม ค่ะ เห็นอะไรอีกไหมครับ
หมอ:เห็นรอยยับ แล้วเห็นอะไรอีกไหมครับ ...
คุณหมอครับ หากเรามองแบบกฎอิทัปปัจจยตา คือมองอย่างมีเหตุปัจจัย อย่างเป็นเหตุเป็นผล “เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี” “เมื่อเหตุเลวเกิดขึ้น ผลเลวก็เกิดขึ้น” “เมื่อเหตุดีเกิดขึ้น ผลดีก็เกิดขึ้น” “เมื่อเหตุเลวดับ ผลเลวก็ดับ
เราจะเห็นได้ว่า กระดาษแผ่นนี้ มองไปอนาคต อาจจะเก็บไว้ได้เป็นร้อยปีหากว่ากระดาษนี้บันทึกสิ่งสำคัญไว้ หรือหากไม่มีคุณค่ามันก็อาจจะลงไปอยู่ในตะกร้า
กระดาษแผ่นนี้ ขณะนี้อยู่ในมือเรา หากว่าจะสืบสาวไปหาเหตุของมัน ก่อนนี้อยู่ที่ร้านค้าย่อย ที่ร้านค้าใหญ่ สโตร์เก็บกระดาษ เห็นกระบวนการผลิต เห็นรถสิบล้อบรรทุกต้นไผ่ เห็นคนตัดต้นไผ่ เห็นดิน เห็นน้ำ เห็นลม เห็นไฟ
ทำให้เราเห็นทั้งกระบวนการ ในทางการเมืองก็เช่นเดียวกันนะครับ หากว่าเราร่วมกันตั้งใจที่จะสืบสาวไปหาเหตุ เหตุแห่งความเลวร้ายทั้งปวงของชาติและประชาชน เราก็จะรู้ว่ามันคืออะไร จอมมารที่แท้จริงคืออะไร คือใคร เหตุแห่งวิกฤตชาติอย่างร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับประเทศของเราและประชาชนไทย
ปัญหาทุกอย่างล้วนมีเหตุ มีที่มาที่ไป แต่เพราะผู้ปกครองรุ่นแล้วรุ่นเล่าเห็นผิดว่า รัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย นักวิชาการ (ขาดเกิน) สื่อต่างๆ ก็เห็นตาม เพราะเขาเอาคำพูดของนักการเมืองโง่ ไปเขียน ไปพิมพ์ มันจึงเป็นความเห็นผิดอย่างร้ายแรงต่อชาติที่ครอบงำประชาชน
แล้วเราจะร่วมมือกันแก้ไขอย่างไรกันดี บางฝ่ายบอกว่า ปัญหามันอยู่ที่ ทักษิณเพียงคนเดียว พอประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ต่างก็บอกว่ามันอยู่ที่อภิสิทธิ์คนเดียว ซึ่งแท้จริงแล้วแม้ทักษิณ และอภิสิทธิ์ จะป่วยล้มตายไปเอง ก็ไม่ได้หมายความว่าเหตุวิกฤตมันจะหมดไป จริงไหมครับคุณหมอ
หมอ: ใช่ค่ะ หมอว่านะค่ะ การแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะความเห็นผิด แม้จะลงทุนลงแรงมากมายและยาวนานเพียงใด นอกจากจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว มันจะส่งผลร้ายย้อนกลับมาอย่างมากมายมหาศาล
ใช่เลยครับคุณหมอ ประชาชนจะเป็นผู้รับเคราะห์แต่ฝ่ายเดียว น่ากังวลใจยิ่งนัก ประเทศไทยเราตกอยู่ภาวะระส่ำระสายในทุกด้าน ทั้งนี้เพราะเราเข้าใจผิดเรื่องการเมืองเพียงเรื่องเดียว เรื่องอื่นก็ผิดหมดอย่างเป็นไปเองและกลายเป็นพลังทำลายล้างชาติของเรา
หากเราเข้าใจเรื่องการเมืองถูกต้องและทำถูกเพียงเรื่องเดียว เรื่องอื่นก็จะพลอยถูกต้องตามไปด้วยอย่างเป็นไปเองและกลายเป็นพลังแห่งการสร้างสรรค์ชาติอย่างยิ่งใหญ่
ความเลวร้ายต่างๆ ของชาติ นับแต่การเห็นผิดเรื่องระบอบ การปกครองไร้ประสิทธิภาพ คอร์รัปชันของนักการเมืองและข้าราชการทั่วทุกหย่อมหญ้า ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความไม่เป็นธรรมในทุกองค์กร ความไม่เป็นธรรมในสังคม สังคมเสื่อม ยาเสพติด ประชาชนและเยาวชนไร้คุณภาพ ตกเป็นเบี้ยล่างประเทศเพื่อนบ้าน สงครามก่อการร้ายแยกดินแดนใต้ ฯลฯ ปัญหาเหล่านี้ย่อมเกิดจากเหตุทั้งสิ้น เหตุแห่งความเลวร้ายของชาติในทุกด้าน ในทุกเรื่อง ย่อมมาจากเหตุหลัก เหตุใหญ่เพียงเหตุเดียวเท่านั้น
หากรัฐบาล มองไม่เห็นว่าอะไรคือเหตุวิกฤตชาติ มันก็แก้ปัญหาของชาติไม่ได้ ก็ได้แต่จ้อไปวันๆ ทั้งๆ ที่รัฐบาลคิดว่า “แก้ปัญหาอย่างเต็มที่แล้ว” แต่ผลของมันย่อมสูญเปล่า เหตุแห่งความเลวร้ายของชาติ ปมเงื่อนสำคัญที่ผูกปมไว้ของปัญหาทั้งหมดอยู่ที่การจัดความสัมพันธ์ทางการเมืองที่ผิดไปจากธรรม
แต่มันตรงกับกิเลสอันเป็นความเห็นผิดของผู้ปกครองรุ่นแล้วรุ่นเล่ายาวนานกว่า80 ปี อธิบายอย่างไร พวกเขาก็ไม่เข้าใจ ยังหลงผิดอยู่เช่นเดิมว่าเป็นประชาธิปไตยแล้วๆ แต่ความเป็นจริงมันบอกอยู่ว่าไม่มีหลักการปกครองหรือไม่มีระบอบ ดังนั้นหลักการปกครองมันจึงกลายเป็นหลักกูของผู้ปกครองคณะนั้นๆ เพียงหยิบมือ เช่น พวกทักษิณบ้าง พวกอภิสิทธิ์บ้าง เป็นต้น
พวกรัฐบาลใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือในการปกครองแล้วก็หลอกว่าเป็นประชาธิปไตย ใครที่ไม่ได้คิดอย่างลึกซึ้งมันก็เชื่อตามหรือไม่ก็ต่อต้านและไปยึดเอาลัทธิอื่นเช่นลัทธิคอมมิวนิสต์ ที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มการเมือง นปช.แดงทักษิณ เป็นต้น
นี่คือสัมพันธภาพที่ผิดอย่างร้ายแรงและดำรงอยู่ยาวนานกว่า 80 ปี ของการเมืองที่ครอบงำปวงชนไทยให้ล้าหลังหายนะ ไร้ประสิทธิภาพ เพราะเห็นผิดอย่างร้ายแรงว่ารัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตยไม่มีการเห็นผิดใดที่ยาวนานที่สุดในโลก และไม่มีกระบวนการโกหกใดๆ ที่ยาวนานที่สุดของโลก ที่โกหกว่า “รัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย” ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า พรรคการเมืองทุกพรรค ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างก็มีความเห็นดังกล่าว แล้วต่างก็โจมตีกัน ขัดแย้งกัน ทำลายล้างกันประชาชนแตกแยกออกเป็นสองฝ่าย ทั้งๆ ที่พวกเขาแกนนำทั้งสองฝ่ายต่างก็ถือลัทธิเดียวกันคือถือลัทธิรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นลัทธิเผด็จการอย่างแยบคายอย่างร้ายกาจที่สุด เพราะมันทำให้ผู้ปกครองไทยเห็นผิด ทรยศต่อชาติมารุ่นแล้วรุ่นเล่า
อีกอย่างหนึ่งที่ ดร.จะเปิดเผยคือความจริงคือกฎหมายรัฐธรรมนูญคือ วิธีการปกครอง (Methods of Government) ใช่ระบอบ ไม่ใช่หลักการปกครอง ไม่ใช่จุดหมายร่วมของปวงชน คือพวกเขายึดวิธีการเป็นจุดหมาย อย่างเช่น ฝ่ายหนึ่งจะไปรถไฟ อีกฝ่ายจะไปรถยนต์หรู แต่มันเป็นความผิดร้ายแรงซ้ำซากก็ตรงที่ทั้งสองฝ่ายไม่มีจุดหมายของปวงชน (หลักการปกครองหรือระบอบโดยธรรม) จุดหมายของการปกครองมันจึงกลายเป็นของผู้ปกครองเพียงหยิบมือเดียว เมื่อไม่มีจุดหมายร่วม มันก็ไม่มีเอกภาพ ตามหลักที่ว่า ประชาชนแตกต่างหลากหลายต่างก็มุ่งหน้าไปสู่จุดหมายเดียวกัน แต่ที่มันเป็นอยู่ แตกต่างหลากหลาย ต่างก็ไปสู่จุดหมายแตกต่างหลากหลาย ประเทศไทยจึงสูญเสียพลังของชาติ ชาติของเราจึงอ่อนแอ คนในชาติจึงมีลักษณะตัวใครตัวมัน รัฐบาลก็อ่อนแอ เพราะในความเป็นจริงกลายเป็นรัฐบาลขอคนเพียงหยิบมือเดียว เมื่อมีข้อพิพาทกับเพื่อนบ้านก็ต้องแพ้และสูญเสียทุกครั้งไป
หมอ: หมอเห็นด้วยอย่างยิ่งนะค่ะ ลองคิดดูว่าคน 50 คนไปกันคนละทิศละทาง ขณะที่อีก 50 คน แตกต่างหลากหลายแต่มุ่งหน้าไปสู่จุดหมายเดียวกัน พลังมันก็มีมากมาย แม้ว่าบางคนจะเดิน วิ่ง รถยนต์ แต่ต่างก็ไปสู่จุดหมายร่วมเดียวกัน อย่างนี้ซิจึงจะเกิดพลังในการสร้างสรรค์ชาติ
ใช่แล้วครับ คุณหมอ จะอธิบายอย่างไรๆ ก็เป็นกระบวนที่ผิด หาความถูกต้องไม่ได้ทุกครั้งไป เพราะยังไงๆ จุดหมายร่วมของปวงชนมันจะต้องมาก่อน นั่นก็หมายความว่า หลักการปกครองหรือระบอบโดยธรรมมันจะต้องเกิดขึ้นก่อน ถูกสถาปนาขึ้นมาก่อน ดุจดัง วัดพระแก้ว ถูกสร้างขึ้นก่อน เราจึงไปได้ โรงพยาบาลถูกสร้างขึ้นมาก่อน เราจึงไปได้หรือคนรุ่นหลังจะไปได้ คุณหมอ เห็นไหมว่า ความโง่เขลาของนักการเมือง ของผู้ปกครองที่ติดยึดในลัทธิรัฐธรรมนูญในนามพรรคการเมืองต่างๆ กลุ่มพลังมวลชนต่างๆ
ฝ่ายที่ไม่พอใจฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ก็จะต้องตั้งยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี “ไล่รัฐบาลสู่การสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9”
ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลก็จะต้องตั้งยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี “หนุนรัฐบาลให้ทำการเสนอหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9”
หากทั้งสองเข้าใจกันได้อย่างนี้ ก็จะไปบรรจบการที่ได้ร่วมมือกันผลักดันการสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9
แกนนำ มวลชน ฝูงชน ทั้งสองฝ่ายก็จะหลุดพ้นจากการเป็นทาสทางการเมืองของนักการเมืองและพรรคการเมืองต่างๆ นั่นเอง
หากเราจะคิดแก้ปัญญาเหตุวิกฤตของชาติ เราก็จะต้องร่วมมือร่วมใจกันทำความถูกต้องให้เกิดขึ้นด้วยการเรียกร้องให้มีการสถาปนาระบอบโดยธรรมหรือหลักการปกครองโดยธรรม โดยร่วมมือกับรัฐบาล แต่รัฐบาลไม่ทำ ไม่เอาด้วย เพราะมีความเห็นผิดอย่างร้ายแรงว่าเป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว “กูจะแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเดียว บางทีพวกกูอาจจะยกร่างใหม่ก็ได้ แต่ตอนนี้กูจะต้องเอาทักษิณพ่อกูกลับบ้านให้ได้ก่อน พวกรัฐบาลเขาคิด พูดกันอย่างนี้จริงๆ
เพื่อนปัญญาชน เพื่อนคุณหมอทั้งหลายแนวทางที่ถูกต้องควรจะเป็นอย่างนี้ นำไปพิจารณาดูกันเถิด ทำครั้งเดียวถูกต้องทั้งแผ่นดินชั่วกัลปาวสาน
จึงมีทางเดียวที่จะได้มีการร่วมมือกันทุกฝ่าย ช่วยกันเปล่งวาจาเพื่อชาติของเรา “ทรงพระเจริญ ขอพระราชทานหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 เพื่อสถาปนาเหตุแห่งความถูกต้องทั้งปวงที่เกี่ยวพันสัมพันธ์กันทั้งหมด หลักการ (ระบอบ) ปกครองธรรมาธิปไตย 9 ย่อมเป็นศูนย์กลางทางการเมืองยิ่งใหญ่ของปวงชนในชาติ อธิบายอย่างไรก็ถูกต้องเสมอไป เห็นด้วยยกมือขึ้น
หมอ: ค่ะ เพื่อนๆ ทั้งหลายค่ะ น่ารับฟัง น่าศึกษา ควรนำไปพิจารณานะค่ะ อ่านแล้วได้ประโยชน์ก็ส่งต่อให้เพื่อนๆ นะค่ะ แพต ฝากด้วยนะค่ะ แท้จริงจอมมารร้ายก็คือความเห็นผิดว่ากฎหมายรัฐเป็นระบอบประชาธิปไตยนี่เอง และการไปยึดเอาวิธีการปกครอง (กฎหมายรัฐธรรมนูญ) มาเป็นจุดหมาย ประชาชนจึงถูกหลอกมานานเกินไปแล้วนะค่ะ ขอบคุณค่ะ ดร.ป. ที่เมตตาให้ปัญญาและนำมาเปิดเผยค่ะ
คนไทยไม่รู้จักการเมือง คนไทยก็ย่อมได้รับพิษร้ายจากการเมืองเผด็จการ ฉันนั้น
หมอ:ใช่เลยค่ะ ท่าน ดร. ปัญหาสังคมไทยทุกวันนี้มันกำลังมุ่งหน้าไปสู่นรกจริงๆ นะค่ะ เมื่อการเมือง การปกครองเลว นักการเมืองที่อยู่ระบอบเผด็จการมันก็เลว มันก็เลยทำให้สังคม คนไทย ไม่รู้จุดมุ่งหมายของตน ก็กี่รัฐบาลๆ ยังไม่รู้จุดมุ่งหมายของชาติและประชาชนเลยก็ถูกหลอกให้งมงายกับคำว่าประชาธิปไตย เมื่อนักการเมืองทำเห็นผิด คิดผิด ทำผิด ปกครองผิดประชาชนยากจนลงๆ ก็ไปกล่าวโทษสถาบัน รุมกันทำร้ายสถาบัน ซึ่งแท้จริงแล้ว สถาบันท่านมีแต่ให้กับให้กับประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม ปัญญาชนคนไทยแท้ก็รู้กันอย่างนี้กันทั้งนั้น เพราะพรรคการเมืองครอบงำไม่ได้
หมอก็เข้าใจนะค่ะ ปัญหารัฐบาลบริหารผิดพลาด ทำผิดต่อประชาชน แต่นักการเมืองเขาถือว่าเขาทำไม่ผิดเพราะได้ประโยชน์เต็มจากการคอร์รัปชัน สารพัดโกงกิน ปัญหายาเสพติดล้นเมือง ปัญหาอาชญากรรมล้นประเทศ ความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน ปัญหาซ่องโสเภณี ฯลฯ คุกไม่มีที่จะคุมขังกันแล้ว
เราต้องเพิ่มตำรวจ เพิ่มอัยการ เพิ่มผู้พิพากษา เพิ่มเจ้าหน้าราชทัณฑ์ และต้องสร้างคุกเพิ่มขึ้นๆ เปลื้องงบประมาณมากมายมหาศาล แล้วก็แก้ปัญหาไม่ได้ ปัญหายิ่งทับถมๆ มากขึ้น ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุทั้งสิ้นเลยค่ะ
ครับหมอ ผมยกกระดาษให้คุณหมอดู แล้วถามคุณหมอว่า เห็นอะไรไหมครับ
หมอ:เห็นสีขาว เห็นสี่เหลี่ยม ค่ะ เห็นอะไรอีกไหมครับ
หมอ:เห็นรอยยับ แล้วเห็นอะไรอีกไหมครับ ...
คุณหมอครับ หากเรามองแบบกฎอิทัปปัจจยตา คือมองอย่างมีเหตุปัจจัย อย่างเป็นเหตุเป็นผล “เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี” “เมื่อเหตุเลวเกิดขึ้น ผลเลวก็เกิดขึ้น” “เมื่อเหตุดีเกิดขึ้น ผลดีก็เกิดขึ้น” “เมื่อเหตุเลวดับ ผลเลวก็ดับ
เราจะเห็นได้ว่า กระดาษแผ่นนี้ มองไปอนาคต อาจจะเก็บไว้ได้เป็นร้อยปีหากว่ากระดาษนี้บันทึกสิ่งสำคัญไว้ หรือหากไม่มีคุณค่ามันก็อาจจะลงไปอยู่ในตะกร้า
กระดาษแผ่นนี้ ขณะนี้อยู่ในมือเรา หากว่าจะสืบสาวไปหาเหตุของมัน ก่อนนี้อยู่ที่ร้านค้าย่อย ที่ร้านค้าใหญ่ สโตร์เก็บกระดาษ เห็นกระบวนการผลิต เห็นรถสิบล้อบรรทุกต้นไผ่ เห็นคนตัดต้นไผ่ เห็นดิน เห็นน้ำ เห็นลม เห็นไฟ
ทำให้เราเห็นทั้งกระบวนการ ในทางการเมืองก็เช่นเดียวกันนะครับ หากว่าเราร่วมกันตั้งใจที่จะสืบสาวไปหาเหตุ เหตุแห่งความเลวร้ายทั้งปวงของชาติและประชาชน เราก็จะรู้ว่ามันคืออะไร จอมมารที่แท้จริงคืออะไร คือใคร เหตุแห่งวิกฤตชาติอย่างร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับประเทศของเราและประชาชนไทย
ปัญหาทุกอย่างล้วนมีเหตุ มีที่มาที่ไป แต่เพราะผู้ปกครองรุ่นแล้วรุ่นเล่าเห็นผิดว่า รัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย นักวิชาการ (ขาดเกิน) สื่อต่างๆ ก็เห็นตาม เพราะเขาเอาคำพูดของนักการเมืองโง่ ไปเขียน ไปพิมพ์ มันจึงเป็นความเห็นผิดอย่างร้ายแรงต่อชาติที่ครอบงำประชาชน
แล้วเราจะร่วมมือกันแก้ไขอย่างไรกันดี บางฝ่ายบอกว่า ปัญหามันอยู่ที่ ทักษิณเพียงคนเดียว พอประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ต่างก็บอกว่ามันอยู่ที่อภิสิทธิ์คนเดียว ซึ่งแท้จริงแล้วแม้ทักษิณ และอภิสิทธิ์ จะป่วยล้มตายไปเอง ก็ไม่ได้หมายความว่าเหตุวิกฤตมันจะหมดไป จริงไหมครับคุณหมอ
หมอ: ใช่ค่ะ หมอว่านะค่ะ การแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะความเห็นผิด แม้จะลงทุนลงแรงมากมายและยาวนานเพียงใด นอกจากจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว มันจะส่งผลร้ายย้อนกลับมาอย่างมากมายมหาศาล
ใช่เลยครับคุณหมอ ประชาชนจะเป็นผู้รับเคราะห์แต่ฝ่ายเดียว น่ากังวลใจยิ่งนัก ประเทศไทยเราตกอยู่ภาวะระส่ำระสายในทุกด้าน ทั้งนี้เพราะเราเข้าใจผิดเรื่องการเมืองเพียงเรื่องเดียว เรื่องอื่นก็ผิดหมดอย่างเป็นไปเองและกลายเป็นพลังทำลายล้างชาติของเรา
หากเราเข้าใจเรื่องการเมืองถูกต้องและทำถูกเพียงเรื่องเดียว เรื่องอื่นก็จะพลอยถูกต้องตามไปด้วยอย่างเป็นไปเองและกลายเป็นพลังแห่งการสร้างสรรค์ชาติอย่างยิ่งใหญ่
ความเลวร้ายต่างๆ ของชาติ นับแต่การเห็นผิดเรื่องระบอบ การปกครองไร้ประสิทธิภาพ คอร์รัปชันของนักการเมืองและข้าราชการทั่วทุกหย่อมหญ้า ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความไม่เป็นธรรมในทุกองค์กร ความไม่เป็นธรรมในสังคม สังคมเสื่อม ยาเสพติด ประชาชนและเยาวชนไร้คุณภาพ ตกเป็นเบี้ยล่างประเทศเพื่อนบ้าน สงครามก่อการร้ายแยกดินแดนใต้ ฯลฯ ปัญหาเหล่านี้ย่อมเกิดจากเหตุทั้งสิ้น เหตุแห่งความเลวร้ายของชาติในทุกด้าน ในทุกเรื่อง ย่อมมาจากเหตุหลัก เหตุใหญ่เพียงเหตุเดียวเท่านั้น
หากรัฐบาล มองไม่เห็นว่าอะไรคือเหตุวิกฤตชาติ มันก็แก้ปัญหาของชาติไม่ได้ ก็ได้แต่จ้อไปวันๆ ทั้งๆ ที่รัฐบาลคิดว่า “แก้ปัญหาอย่างเต็มที่แล้ว” แต่ผลของมันย่อมสูญเปล่า เหตุแห่งความเลวร้ายของชาติ ปมเงื่อนสำคัญที่ผูกปมไว้ของปัญหาทั้งหมดอยู่ที่การจัดความสัมพันธ์ทางการเมืองที่ผิดไปจากธรรม
แต่มันตรงกับกิเลสอันเป็นความเห็นผิดของผู้ปกครองรุ่นแล้วรุ่นเล่ายาวนานกว่า80 ปี อธิบายอย่างไร พวกเขาก็ไม่เข้าใจ ยังหลงผิดอยู่เช่นเดิมว่าเป็นประชาธิปไตยแล้วๆ แต่ความเป็นจริงมันบอกอยู่ว่าไม่มีหลักการปกครองหรือไม่มีระบอบ ดังนั้นหลักการปกครองมันจึงกลายเป็นหลักกูของผู้ปกครองคณะนั้นๆ เพียงหยิบมือ เช่น พวกทักษิณบ้าง พวกอภิสิทธิ์บ้าง เป็นต้น
พวกรัฐบาลใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือในการปกครองแล้วก็หลอกว่าเป็นประชาธิปไตย ใครที่ไม่ได้คิดอย่างลึกซึ้งมันก็เชื่อตามหรือไม่ก็ต่อต้านและไปยึดเอาลัทธิอื่นเช่นลัทธิคอมมิวนิสต์ ที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มการเมือง นปช.แดงทักษิณ เป็นต้น
นี่คือสัมพันธภาพที่ผิดอย่างร้ายแรงและดำรงอยู่ยาวนานกว่า 80 ปี ของการเมืองที่ครอบงำปวงชนไทยให้ล้าหลังหายนะ ไร้ประสิทธิภาพ เพราะเห็นผิดอย่างร้ายแรงว่ารัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตยไม่มีการเห็นผิดใดที่ยาวนานที่สุดในโลก และไม่มีกระบวนการโกหกใดๆ ที่ยาวนานที่สุดของโลก ที่โกหกว่า “รัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย” ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า พรรคการเมืองทุกพรรค ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างก็มีความเห็นดังกล่าว แล้วต่างก็โจมตีกัน ขัดแย้งกัน ทำลายล้างกันประชาชนแตกแยกออกเป็นสองฝ่าย ทั้งๆ ที่พวกเขาแกนนำทั้งสองฝ่ายต่างก็ถือลัทธิเดียวกันคือถือลัทธิรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นลัทธิเผด็จการอย่างแยบคายอย่างร้ายกาจที่สุด เพราะมันทำให้ผู้ปกครองไทยเห็นผิด ทรยศต่อชาติมารุ่นแล้วรุ่นเล่า
อีกอย่างหนึ่งที่ ดร.จะเปิดเผยคือความจริงคือกฎหมายรัฐธรรมนูญคือ วิธีการปกครอง (Methods of Government) ใช่ระบอบ ไม่ใช่หลักการปกครอง ไม่ใช่จุดหมายร่วมของปวงชน คือพวกเขายึดวิธีการเป็นจุดหมาย อย่างเช่น ฝ่ายหนึ่งจะไปรถไฟ อีกฝ่ายจะไปรถยนต์หรู แต่มันเป็นความผิดร้ายแรงซ้ำซากก็ตรงที่ทั้งสองฝ่ายไม่มีจุดหมายของปวงชน (หลักการปกครองหรือระบอบโดยธรรม) จุดหมายของการปกครองมันจึงกลายเป็นของผู้ปกครองเพียงหยิบมือเดียว เมื่อไม่มีจุดหมายร่วม มันก็ไม่มีเอกภาพ ตามหลักที่ว่า ประชาชนแตกต่างหลากหลายต่างก็มุ่งหน้าไปสู่จุดหมายเดียวกัน แต่ที่มันเป็นอยู่ แตกต่างหลากหลาย ต่างก็ไปสู่จุดหมายแตกต่างหลากหลาย ประเทศไทยจึงสูญเสียพลังของชาติ ชาติของเราจึงอ่อนแอ คนในชาติจึงมีลักษณะตัวใครตัวมัน รัฐบาลก็อ่อนแอ เพราะในความเป็นจริงกลายเป็นรัฐบาลขอคนเพียงหยิบมือเดียว เมื่อมีข้อพิพาทกับเพื่อนบ้านก็ต้องแพ้และสูญเสียทุกครั้งไป
หมอ: หมอเห็นด้วยอย่างยิ่งนะค่ะ ลองคิดดูว่าคน 50 คนไปกันคนละทิศละทาง ขณะที่อีก 50 คน แตกต่างหลากหลายแต่มุ่งหน้าไปสู่จุดหมายเดียวกัน พลังมันก็มีมากมาย แม้ว่าบางคนจะเดิน วิ่ง รถยนต์ แต่ต่างก็ไปสู่จุดหมายร่วมเดียวกัน อย่างนี้ซิจึงจะเกิดพลังในการสร้างสรรค์ชาติ
ใช่แล้วครับ คุณหมอ จะอธิบายอย่างไรๆ ก็เป็นกระบวนที่ผิด หาความถูกต้องไม่ได้ทุกครั้งไป เพราะยังไงๆ จุดหมายร่วมของปวงชนมันจะต้องมาก่อน นั่นก็หมายความว่า หลักการปกครองหรือระบอบโดยธรรมมันจะต้องเกิดขึ้นก่อน ถูกสถาปนาขึ้นมาก่อน ดุจดัง วัดพระแก้ว ถูกสร้างขึ้นก่อน เราจึงไปได้ โรงพยาบาลถูกสร้างขึ้นมาก่อน เราจึงไปได้หรือคนรุ่นหลังจะไปได้ คุณหมอ เห็นไหมว่า ความโง่เขลาของนักการเมือง ของผู้ปกครองที่ติดยึดในลัทธิรัฐธรรมนูญในนามพรรคการเมืองต่างๆ กลุ่มพลังมวลชนต่างๆ
ฝ่ายที่ไม่พอใจฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ก็จะต้องตั้งยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี “ไล่รัฐบาลสู่การสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9”
ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลก็จะต้องตั้งยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี “หนุนรัฐบาลให้ทำการเสนอหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9”
หากทั้งสองเข้าใจกันได้อย่างนี้ ก็จะไปบรรจบการที่ได้ร่วมมือกันผลักดันการสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9
แกนนำ มวลชน ฝูงชน ทั้งสองฝ่ายก็จะหลุดพ้นจากการเป็นทาสทางการเมืองของนักการเมืองและพรรคการเมืองต่างๆ นั่นเอง
หากเราจะคิดแก้ปัญญาเหตุวิกฤตของชาติ เราก็จะต้องร่วมมือร่วมใจกันทำความถูกต้องให้เกิดขึ้นด้วยการเรียกร้องให้มีการสถาปนาระบอบโดยธรรมหรือหลักการปกครองโดยธรรม โดยร่วมมือกับรัฐบาล แต่รัฐบาลไม่ทำ ไม่เอาด้วย เพราะมีความเห็นผิดอย่างร้ายแรงว่าเป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว “กูจะแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเดียว บางทีพวกกูอาจจะยกร่างใหม่ก็ได้ แต่ตอนนี้กูจะต้องเอาทักษิณพ่อกูกลับบ้านให้ได้ก่อน พวกรัฐบาลเขาคิด พูดกันอย่างนี้จริงๆ
เพื่อนปัญญาชน เพื่อนคุณหมอทั้งหลายแนวทางที่ถูกต้องควรจะเป็นอย่างนี้ นำไปพิจารณาดูกันเถิด ทำครั้งเดียวถูกต้องทั้งแผ่นดินชั่วกัลปาวสาน
จึงมีทางเดียวที่จะได้มีการร่วมมือกันทุกฝ่าย ช่วยกันเปล่งวาจาเพื่อชาติของเรา “ทรงพระเจริญ ขอพระราชทานหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 เพื่อสถาปนาเหตุแห่งความถูกต้องทั้งปวงที่เกี่ยวพันสัมพันธ์กันทั้งหมด หลักการ (ระบอบ) ปกครองธรรมาธิปไตย 9 ย่อมเป็นศูนย์กลางทางการเมืองยิ่งใหญ่ของปวงชนในชาติ อธิบายอย่างไรก็ถูกต้องเสมอไป เห็นด้วยยกมือขึ้น
หมอ: ค่ะ เพื่อนๆ ทั้งหลายค่ะ น่ารับฟัง น่าศึกษา ควรนำไปพิจารณานะค่ะ อ่านแล้วได้ประโยชน์ก็ส่งต่อให้เพื่อนๆ นะค่ะ แพต ฝากด้วยนะค่ะ แท้จริงจอมมารร้ายก็คือความเห็นผิดว่ากฎหมายรัฐเป็นระบอบประชาธิปไตยนี่เอง และการไปยึดเอาวิธีการปกครอง (กฎหมายรัฐธรรมนูญ) มาเป็นจุดหมาย ประชาชนจึงถูกหลอกมานานเกินไปแล้วนะค่ะ ขอบคุณค่ะ ดร.ป. ที่เมตตาให้ปัญญาและนำมาเปิดเผยค่ะ