**ปฏิเสธตอนเที่ยงก่อนสารภาพตอนเย็น "สันติภาพ เพ็งด้วง" หรือ “ไอ้บอล” คนขับรถที่มาทำงานอยู่กับ เอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง เจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ ราว 8 เดือน เปิดปากรับว่าเป็นหนึ่งในทีม“อุ้มฆ่าสังหาร”เอกยุทธ
งานนี้หลายคนไม่ปักใจเชื่อตั้งแต่ตอนแรกที่ออกปฏิเสธแบบมีเงื่อนงำ หรือมันจะเป็นเกมโยนหินถามทาง ครั้นเมื่อพบว่ากระแสสังคมมองว่าเป็นเรื่องเหลวไหลโกหก ก็เปลี่ยนมาเป็นผู้ต้องหาให้การสารภาพ !!
ไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชี้แจงแบบรวบรัดตัดความ เรื่องนี้ต้องกระตุกสังคมให้ค้นปม แกะรอยไปเรื่อยๆ อาจเห็นร่องรอยความผิดปกติ บทละครตบตาที่เขียนไว้อาจจะแตกออกมาประจานสังคม
การนำตัวมาแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน จะสังเกตเห็นว่า “ไอ้บอล”ไม่ได้มีทีท่าสะทกสะท้านหวาดกลัวเท่าใดนัก และการปฏิบัติตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กับผู้ต้องหาดูนิ่มนวล ละมุนละม่อม เหมือนรู้กันมาก่อน
แผนการฆ่าก็ถูกเปิดเผยมาหลายส่วน ซึ่งก็แกะรอยได้ไม่ยาก เพราะ “อาชญากรต้องทิ้งร่องรอย”เพียงแต่ว่ามันยังมีบางอย่างที่ปกปิดอยู่ หลายคนสันนิษฐานว่า ไม่ใช่แค่เพียงการฆ่าชิงทรัพย์อย่างแน่นอน เพราะมีการเตรียมแผนการอย่างดีเหมือนมีผู้บงการประสงค์มุ่งหมายเอาชีวิต โดยมีการชี้เป้าไปที่ เสธ.คนหนึ่ง ซึ่งกว้างขวางในย่านรัชดา
ร่องรอยของความอำมหิตปลิดชีพ “เอกยุทธ”เห็นชัดเจนเมื่อตอนค่ำของ วันที่ 6 มิ.ย. เอกยุทธ ได้ไปกินข้าว ที่ร้านอาหารกระแต ย่านสะพานควาย แล้วนายสันติภาพ ได้ขับรถออกไปนอกร้าน โดยอ้างว่าจะไปหาอาหารรับประทาน เนื่องอาหารในร้านไม่ถูกปากนั้น จุดนี้เป็นการขับรถไปรับทีมสังหารมาหลบซ่อนตัวในรถรอท่า เอกยุทธ เมื่อนายเอกยุทธขึ้นรถมา “ไอ้บอล”ก็ปิดประตูรถทันที จากนั้นทีมสังหารพร้อมอาวุธครบมือ 2-3 คน ก็เข้าล็อกตัวนายเอกยุทธ ต่อให้แข็งแรงอย่างไร คนเดียวมีหรือจะสู้หลายคนพร้อมอาวุธครบมือได้ ก่อนจะขับรถออกจากร้านอาหารกระแต มุ่งหน้าไปที่บ้านพักย่านทาวน์อินทาวน์ เพื่อไปเก็บหลักฐานข้อมูลเครื่องบันทึกกล้องวงจรปิดทั้งหมด จากนั้นพานายเอกยุทธไปกักตัวไว้ที่บ้านพี่สาวย่านลาดกระบัง
“ไอ้บอล”ให้การกับตำรวจว่า ได้กักตัวนายเอกยุทธไว้จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น. วันที่ 7 มิ.ย. ขณะขับรถแล่นผ่านมาบนถนนลาดพร้าว ขณะที่รถติดอยู่ นายเอกยุทธได้หนีลงมาจากรถ ทั้งๆที่ถูกจับใส่กุญแจมืออยู่ ทีมสังหารได้ตามลงไปจับตัวขึ้นมาบนรถได้ พร้อมกับบีบคอจนเสียชีวิตในที่สุด ก่อนที่ทีมสังหารจะนำศพของ นายเอกยุทธ ไปฝังอำพรางคดีที่จังหวัดพัทลุง
**และเป็นที่แน่นอนแล้วว่า คดีนี้มีการจ้างวานฆ่านายเอกยุทธ เพราะพ่อของนายสันติภาพ ยอมรับว่าได้รับการว่างจ้างเป็นเงินสด 2 ล้านบาท ชัดเจนอยู่แล้วเพราะ สันติภาพ ที่มีอายุเพียง 25 ปี ไม่มีทางจะเป็นผู้วางแผนจัดชุดสังหารเอง
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ต้องใช้กระบวนนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาสืบจากศพ เพื่อค้นหาสาเหตุ เวลา และวิธีการถูกทำให้ตายอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อค้นหาความจริงให้ลึกที่สุด เพราะคดีนี้อาจมีการจัดฉากไว้แล้ว คำให้การทั้งจากผู้ต้องหา หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ อาจฟังไม่ขึ้น ดังนั้นต้องเอาหลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์ มาค้นความจริงเพิ่มเติม
ถ้าเป็นไปได้อาจต้องพึ่งบริการของ คุณหญิงหมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ หมอสก๊อยชื่อดังด้านสืบจากศพ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ รัฐบาลไม่ชอบหน้า อย่างน้อยๆ ก็ต้องหน่วยนิติวิทยาศาสตร์ที่เป็นกลางเข้าไปร่วม ตำรวจจะเร่งรัดปิดคดีเหมือนที่ตั้งท่ากันอยู่ไม่ได้ ต้องให้คนอื่นร่วมไขความกระจ่างให้สังคม
**ถ้าจบไปห้วนๆ แบบนี้ มีปัญหาคาใจแน่
สืบจากศพอาจได้ความจริงเพิ่ม หรือสืบจากสิ่งแวดล้อม หรือภายในรถ อาจได้หลักฐานที่สาวไปถึงใครต่อใครที่อาจนึกไม่ถึง เหมือนอย่างคดี 2 แม่ลูก ศรีธนะขันธ์ ที่ตอนนั้นผู้ลงมือฆ่าอำพรางคดีคือ โจรและตำรวจร่วมมือกัน จับยัดขึ้นรถเบนซ์ แล้วให้รถสิบล้อชน ทำทีว่าเป็นอุบัติเหตุ
แต่สุดท้ายเมื่อใช้นิติวิทยาศาสตร์เข้ามาตรวจสอบก็พบว่า เป็นการตายมาก่อนแล้วอำพรางคดี นำไปสู่การคลี่คลายคดีจนส่งผลให้ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ มือปราบมหากาฬแห่งยุทธจักรสีกากี ผู้บงการจับตัวเรียกค่าไถ่ ต้องชดใช้กรรมในคุกมาจนถึงทุกวันนี้
ตอนนี้สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังคือ การทำลายหลักฐาน เพราะมันจะฟ้องทุกอย่างได้หมด อาชญากรต้องทิ้งร่องรอย ชั่วโมงนี้ฟังการแถลงข่าวของตำรวจ ยังดูคลุมเครือปิดๆ เปิดๆ เหมือนอมอะไรอยู่ เล่นละครหลอกไป หลอกมา
เหมือนจะรีบตัดตอนให้จบลงที่ สันติภาพ และทีมสังหารเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ ไม่พยายามค้นลึกสาวไปถึงตัวผู้บงการ หรือว่าคนบงการมันเป็นคนใหญ่คนโต และมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวพันอย่างที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต
**หรือเกรงว่า ยิ่งสาวลึก จะลามปามไปถึง “นายใหญ่ -นายน้อย นายต่างๆ”ของตัวเองหรือเปล่า
คดีนี้เป็นคดีที่คนให้ความสนใจ เอกยุทธ อัญชันบุตร เป็นคนดังในสังคม ต้องเรียกร้องให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ออกมารับผิดชอบคดีนี้ด้วยตัวเอง เพราะดูแล้วเป็นคนที่สามารถฝากผีฝากไข้ ได้มากที่สุด
แต่เท่าที่เห็นตอนนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ ออกอาการตีกรรเชียง เตรียมชิ่ง ถ้าบริสุทธิ์ใจจริงๆ ต้องโดดมาเล่นเอง
การจะให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ออกหน้าเสื่อรับเป็นแม่งาน ก็อย่างที่เห็นกันอยู่ ลีลายียวนกวนบาทา ไม่พอใจนักข่าวก็ชิ่งหนี ไม่ตอบดื้อๆ และทราบกันดีว่า “คำรณวิทย์”เองก็มีคดีพิพาทกับ เอกยุทธ ขัดแย้งฟ้องร้องกันมาก่อน จึงหาความเที่ยงธรรมได้ยาก
ที่สำคัญเลย “คำรณวิทย์”เลือกข้างฝักใฝ่นายใหญ่นักโทษหลบหนีคดีชัดเจน วลี “มีวันนี้เพราะพี่ให้” ทุกคนยังจำได้ดี “เอกยุทธ” เป็นฝ่ายตรงข้ามระบอบทักษิณ จะไปช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมทำไม !!
ในขณะที่ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัตร รอง ผบ.ตร. แม้จะมีฝีไม้ลายมือในคดีสำคัญๆ แต่ก็เช่นเดียวกัน มีความสนิทสนมใกล้ชิด “ทักษิณ”รวมไปถึง “พจมาน ณ ป้อมเพชร” ดูแล้วไม่ค่อยมีใครไว้ใจได้สักคน
เรื่องนี้ “พล.ต.อ.อดุลย์”ต้องลุยเอง!!
งานนี้หลายคนไม่ปักใจเชื่อตั้งแต่ตอนแรกที่ออกปฏิเสธแบบมีเงื่อนงำ หรือมันจะเป็นเกมโยนหินถามทาง ครั้นเมื่อพบว่ากระแสสังคมมองว่าเป็นเรื่องเหลวไหลโกหก ก็เปลี่ยนมาเป็นผู้ต้องหาให้การสารภาพ !!
ไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชี้แจงแบบรวบรัดตัดความ เรื่องนี้ต้องกระตุกสังคมให้ค้นปม แกะรอยไปเรื่อยๆ อาจเห็นร่องรอยความผิดปกติ บทละครตบตาที่เขียนไว้อาจจะแตกออกมาประจานสังคม
การนำตัวมาแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน จะสังเกตเห็นว่า “ไอ้บอล”ไม่ได้มีทีท่าสะทกสะท้านหวาดกลัวเท่าใดนัก และการปฏิบัติตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กับผู้ต้องหาดูนิ่มนวล ละมุนละม่อม เหมือนรู้กันมาก่อน
แผนการฆ่าก็ถูกเปิดเผยมาหลายส่วน ซึ่งก็แกะรอยได้ไม่ยาก เพราะ “อาชญากรต้องทิ้งร่องรอย”เพียงแต่ว่ามันยังมีบางอย่างที่ปกปิดอยู่ หลายคนสันนิษฐานว่า ไม่ใช่แค่เพียงการฆ่าชิงทรัพย์อย่างแน่นอน เพราะมีการเตรียมแผนการอย่างดีเหมือนมีผู้บงการประสงค์มุ่งหมายเอาชีวิต โดยมีการชี้เป้าไปที่ เสธ.คนหนึ่ง ซึ่งกว้างขวางในย่านรัชดา
ร่องรอยของความอำมหิตปลิดชีพ “เอกยุทธ”เห็นชัดเจนเมื่อตอนค่ำของ วันที่ 6 มิ.ย. เอกยุทธ ได้ไปกินข้าว ที่ร้านอาหารกระแต ย่านสะพานควาย แล้วนายสันติภาพ ได้ขับรถออกไปนอกร้าน โดยอ้างว่าจะไปหาอาหารรับประทาน เนื่องอาหารในร้านไม่ถูกปากนั้น จุดนี้เป็นการขับรถไปรับทีมสังหารมาหลบซ่อนตัวในรถรอท่า เอกยุทธ เมื่อนายเอกยุทธขึ้นรถมา “ไอ้บอล”ก็ปิดประตูรถทันที จากนั้นทีมสังหารพร้อมอาวุธครบมือ 2-3 คน ก็เข้าล็อกตัวนายเอกยุทธ ต่อให้แข็งแรงอย่างไร คนเดียวมีหรือจะสู้หลายคนพร้อมอาวุธครบมือได้ ก่อนจะขับรถออกจากร้านอาหารกระแต มุ่งหน้าไปที่บ้านพักย่านทาวน์อินทาวน์ เพื่อไปเก็บหลักฐานข้อมูลเครื่องบันทึกกล้องวงจรปิดทั้งหมด จากนั้นพานายเอกยุทธไปกักตัวไว้ที่บ้านพี่สาวย่านลาดกระบัง
“ไอ้บอล”ให้การกับตำรวจว่า ได้กักตัวนายเอกยุทธไว้จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น. วันที่ 7 มิ.ย. ขณะขับรถแล่นผ่านมาบนถนนลาดพร้าว ขณะที่รถติดอยู่ นายเอกยุทธได้หนีลงมาจากรถ ทั้งๆที่ถูกจับใส่กุญแจมืออยู่ ทีมสังหารได้ตามลงไปจับตัวขึ้นมาบนรถได้ พร้อมกับบีบคอจนเสียชีวิตในที่สุด ก่อนที่ทีมสังหารจะนำศพของ นายเอกยุทธ ไปฝังอำพรางคดีที่จังหวัดพัทลุง
**และเป็นที่แน่นอนแล้วว่า คดีนี้มีการจ้างวานฆ่านายเอกยุทธ เพราะพ่อของนายสันติภาพ ยอมรับว่าได้รับการว่างจ้างเป็นเงินสด 2 ล้านบาท ชัดเจนอยู่แล้วเพราะ สันติภาพ ที่มีอายุเพียง 25 ปี ไม่มีทางจะเป็นผู้วางแผนจัดชุดสังหารเอง
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ต้องใช้กระบวนนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาสืบจากศพ เพื่อค้นหาสาเหตุ เวลา และวิธีการถูกทำให้ตายอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อค้นหาความจริงให้ลึกที่สุด เพราะคดีนี้อาจมีการจัดฉากไว้แล้ว คำให้การทั้งจากผู้ต้องหา หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ อาจฟังไม่ขึ้น ดังนั้นต้องเอาหลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์ มาค้นความจริงเพิ่มเติม
ถ้าเป็นไปได้อาจต้องพึ่งบริการของ คุณหญิงหมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ หมอสก๊อยชื่อดังด้านสืบจากศพ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ รัฐบาลไม่ชอบหน้า อย่างน้อยๆ ก็ต้องหน่วยนิติวิทยาศาสตร์ที่เป็นกลางเข้าไปร่วม ตำรวจจะเร่งรัดปิดคดีเหมือนที่ตั้งท่ากันอยู่ไม่ได้ ต้องให้คนอื่นร่วมไขความกระจ่างให้สังคม
**ถ้าจบไปห้วนๆ แบบนี้ มีปัญหาคาใจแน่
สืบจากศพอาจได้ความจริงเพิ่ม หรือสืบจากสิ่งแวดล้อม หรือภายในรถ อาจได้หลักฐานที่สาวไปถึงใครต่อใครที่อาจนึกไม่ถึง เหมือนอย่างคดี 2 แม่ลูก ศรีธนะขันธ์ ที่ตอนนั้นผู้ลงมือฆ่าอำพรางคดีคือ โจรและตำรวจร่วมมือกัน จับยัดขึ้นรถเบนซ์ แล้วให้รถสิบล้อชน ทำทีว่าเป็นอุบัติเหตุ
แต่สุดท้ายเมื่อใช้นิติวิทยาศาสตร์เข้ามาตรวจสอบก็พบว่า เป็นการตายมาก่อนแล้วอำพรางคดี นำไปสู่การคลี่คลายคดีจนส่งผลให้ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ มือปราบมหากาฬแห่งยุทธจักรสีกากี ผู้บงการจับตัวเรียกค่าไถ่ ต้องชดใช้กรรมในคุกมาจนถึงทุกวันนี้
ตอนนี้สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังคือ การทำลายหลักฐาน เพราะมันจะฟ้องทุกอย่างได้หมด อาชญากรต้องทิ้งร่องรอย ชั่วโมงนี้ฟังการแถลงข่าวของตำรวจ ยังดูคลุมเครือปิดๆ เปิดๆ เหมือนอมอะไรอยู่ เล่นละครหลอกไป หลอกมา
เหมือนจะรีบตัดตอนให้จบลงที่ สันติภาพ และทีมสังหารเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ ไม่พยายามค้นลึกสาวไปถึงตัวผู้บงการ หรือว่าคนบงการมันเป็นคนใหญ่คนโต และมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวพันอย่างที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต
**หรือเกรงว่า ยิ่งสาวลึก จะลามปามไปถึง “นายใหญ่ -นายน้อย นายต่างๆ”ของตัวเองหรือเปล่า
คดีนี้เป็นคดีที่คนให้ความสนใจ เอกยุทธ อัญชันบุตร เป็นคนดังในสังคม ต้องเรียกร้องให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ออกมารับผิดชอบคดีนี้ด้วยตัวเอง เพราะดูแล้วเป็นคนที่สามารถฝากผีฝากไข้ ได้มากที่สุด
แต่เท่าที่เห็นตอนนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ ออกอาการตีกรรเชียง เตรียมชิ่ง ถ้าบริสุทธิ์ใจจริงๆ ต้องโดดมาเล่นเอง
การจะให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ออกหน้าเสื่อรับเป็นแม่งาน ก็อย่างที่เห็นกันอยู่ ลีลายียวนกวนบาทา ไม่พอใจนักข่าวก็ชิ่งหนี ไม่ตอบดื้อๆ และทราบกันดีว่า “คำรณวิทย์”เองก็มีคดีพิพาทกับ เอกยุทธ ขัดแย้งฟ้องร้องกันมาก่อน จึงหาความเที่ยงธรรมได้ยาก
ที่สำคัญเลย “คำรณวิทย์”เลือกข้างฝักใฝ่นายใหญ่นักโทษหลบหนีคดีชัดเจน วลี “มีวันนี้เพราะพี่ให้” ทุกคนยังจำได้ดี “เอกยุทธ” เป็นฝ่ายตรงข้ามระบอบทักษิณ จะไปช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมทำไม !!
ในขณะที่ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัตร รอง ผบ.ตร. แม้จะมีฝีไม้ลายมือในคดีสำคัญๆ แต่ก็เช่นเดียวกัน มีความสนิทสนมใกล้ชิด “ทักษิณ”รวมไปถึง “พจมาน ณ ป้อมเพชร” ดูแล้วไม่ค่อยมีใครไว้ใจได้สักคน
เรื่องนี้ “พล.ต.อ.อดุลย์”ต้องลุยเอง!!