โดมิโน-ทฤษฎีที่รัฐบาลอเมริกันและไทยกลัวจน “ขนหัวลุก!”
สถานการณ์การลุกขึ้นสู้ของประชาชนในอินโดจีน นำโดยชาวพรรคคอมมิวนิสต์ ส่งผลให้ชาติไทยมีความสำคัญต่อรัฐบาลอเมริกามากเป็นพิเศษ
อเมริกาได้ร่วมกับรัฐบาลไทย ปกป้องมิให้ลัทธิคอมมิวนิสต์ขยายตัว จนยึดอำนาจรัฐในอินโดจีนกับไทยได้ โดยอเมริกาได้ใช้ไทยเเป็นฐานทัพสำคัญในการส่งทหารเข้าไปรุกราน-ยึดครอง-โจมตี-ทำลาย คอมมิวนิสต์ในอินโดจีน ที่ “เวียดนาม” เป็นหัวหอก
เมื่อ “พล.อ.สฤษดิ์ ธนะรัชต์” ทำรัฐประหารในปี 2501 อเมริกาที่ทำตัวเป็น “ตำรวจประชาธิปไตยโลก” จะคว่ำบาตรรัฐบาลเผด็จการทหาร อ้อ..แต่ที่ไม่เอื้อผลประโยชน์กับสหรัฐฯ เท่านั้น
รัฐบาลเผด็จการทหารยุคนั้น เป็น “ลูกรัก” ของอเมริกาแบบเต็มร้อย อเมริกาจึงแค่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารเท่านั้น แต่กลับสร้างความสัมพันธ์แนบแน่นยิ่งขึ้น ด้วยการออก “แถลงการณ์ร่วมถนัด-รัสก์” ในเดือนมีนาคม 2510 ซึ่งผูกมัดให้อเมริกาจะต้องช่วยเหลือไทยทันทีที่ถูกรุกราน
หลัง “จอมพลผ้าขาวม้าแดง” ถึงแก่อสัญกรรม ในวันที่ 8 ธันวาคม 2506 พล.อ.ถนอม กิตติขจร ได้กุมบังเหียนรัฐบาลไทยต่อ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2506
สงครามอินโดจีนที่ขยายตัวไม่หยุด ทำให้อเมริกาต้องกระโจนสู่สงครามเวียดนามชนิดเต็มตัว แทนฝรั่งเศสที่พ่ายเวียดนามในศึก “เดียนเบียนฟู” โดยรัฐบาล “ถนอม” ได้ร่วมมือกับรัฐบาลอเมริกา ชนิดสุดลิ่มทิ่มประตูเลย
รัฐบาล “สฤษดิ์” และ “ถนอม” ยอมให้อเมริกาปรับปรุงและสร้างฐานทัพหลายแห่ง เพื่อสนับสนุนการขนส่ง ปฏิบัติการด้านข่าวกรองและระบบเตือนภัย อีกทั้งเป็นฐานของเครื่องบินขับไล่ และเครื่องบินทิ้งระเบิด รวมทั้งเป็นฐานทำสงครามทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น
2504 สร้างสนามบินนครสวรรค์ 2505 พัฒนาฐานทัพที่โคราช 2506 ปรับปรุงฐานทัพอากาศที่นครพนม 2507 สร้างฐานทัพค่ายรามสูร-อุดรธานี มีการติดตั้งสถานีเรดาห์หลายแห่ง และเครื่องมือทันสมัยที่สุดในเอเชียที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เพื่อใช้เป็นกองบัญชาการกองทัพอากาศของอเมริกาประจำประเทศไทย เป็นพื้นที่ลับสุดยอดชนิดเจ้าหน้าที่ไทยเข้าไม่ได้ เพราะอเมริกาถือเป็นดินแดนของตนเองครับ
ปี 2509 สหรัฐฯ สร้างฐานทัพอู่ตะเภาที่สัตหีบ-ระยอง รองรับเรือรบสารพัดชนิดของอเมริกาอีกด้วย สุดท้ายในปี 2515 ยังปรับปรุงสนามบินน้ำพอง-ขอนแก่น รองรับฝูงบินทิ้งระเบิดของสหรัฐฯ ที่ย้ายมาจากประเทศเวียดนามอีกด้วย
ยุคนั้น..ทหารอเมริกันอยู่ในไทยถึง 48,000 นาย แถมรัฐบาลไทยยังส่งทหารไปทำสงครามต่อต้านคอมมิวนิสต์ ถึงในประเทศลาวและเวียดนาม ร่วมกับทหารอเมริกันอีกด้วย
รัฐบาลเผด็จการทหาร “ถนอม” นั้น ได้เข้าควบคุมเสรีภาพในการรับรู้ และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของประชาชนอย่างเข้มงวด การโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลไทยร่วมกับอเมริกา มุ่งจะสร้างความหวาดกลัวคอมมิวนิสต์นั่นเอง
แถมยังจัดหน่วยข้อมูลเคลื่อนที่ไปยังชนบทไทย เพื่ออบรมและฉายภาพยนตร์ต่อต้านคอมมิวนิสต์ มีการจัดรายการทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์เพื่อความมั่นคง มีการผลิตนิตยสาร หนังสือ โปสเตอร์ เพื่อเผยแพร่ภัยจากคอมมิวนิสต์ไปทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม..แม้รัฐบาลอเมริกาจะทุ่มทหารและเงินมหาศาล รวมทั้งใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยที่สุดในโลก รวมทั้งใช้อาวุธเคมีอีกมากมาย ถล่มใส่ประเทศเวียดนามอย่างไม่ยั้ง แต่กองทัพ “พญาอินทรี” ที่เกรียงไกร ซึ่งทำสงครามอธรรมรุกรานเวียดนาม ก็พ่ายแพ้ต่อกองทัพประชาชนเวียดนามอย่างหมดรูป
2518 ทหารอเมริกันจึงต้องหนีหัวซุกหัวซุน เอาชีวิตรอดออกจากประเทศในอินโดจีน มาปักหลักอยู่ที่ฐานทัพในประเทศไทยนี่เอง!
หลังเวียดนาม-ลาว-กัมพูชา เปลี่ยนเป็นประเทศสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ นักวิเคราะห์ทางการเมืองทั้งตะวันตก-ตะวันออกเชื่อว่า บางประเทศในอาเซียนจะต้องเดือดร้อน ตามทฤษฎี “โดมิโน” อย่างแน่นอน
นักวิเคราะห์เหล่านั้นจับจ้องมายังประเทศไทยเป็นพิเศษ เพราะรัฐบาลไทยที่เป็นทั้งเผด็จการทหาร และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งซื้อเสียง ล้วนคอร์รัปชันโกงชาติกันอย่างมโหฬารทั้งสิ้น ทำให้ประชาชนคนไทยทนไม่ไหว จนเกิดการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และการต่อต้านรัฐบาลคอร์รัปชันทุกหัวระแหง
เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 นักเรียน-นิสิต-นักศึกษา-ประชาชน จึงชุมนุมกันนับหลายแสนคน ให้รัฐบาลเผด็จการทหาร “ถนอม-ประภาส” ปล่อยแกนนำที่เรียกร้องประชาธิปไตย 13 คน ซึ่งถูกจับและยัดข้อหากบฏให้อย่างอยุติธรรม
แต่รัฐบาลเผด็จการทหาร “ถนอม-ประภาส” กลับส่งทหารออกมาเข่นฆ่าประชาชนคนไทยที่มีเพียงสองมือเปล่าอย่างป่าเถื่อน จนบาดเจ็บล้มตายกันไปอย่างมากมาย
ทว่าสุดท้าย..ธรรมะย่อมชนะอธรรม เพราะประชาชนคนไทยมิได้เกรงกลัว ยังคงต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการทหารโดยไม่ระย่อ จนรัฐบาล “ถนอม-ประภาส” ต้องล้มครืนลง..
กรรมตามสนอง..เพราะ “จอมพลถนอม” ถูกพล.อ.ในกองทัพไทย ยื่นคำขาดให้ออกไปจากแผ่นดินไทยทันที!
สถานการณ์การลุกขึ้นสู้ของประชาชนในอินโดจีน นำโดยชาวพรรคคอมมิวนิสต์ ส่งผลให้ชาติไทยมีความสำคัญต่อรัฐบาลอเมริกามากเป็นพิเศษ
อเมริกาได้ร่วมกับรัฐบาลไทย ปกป้องมิให้ลัทธิคอมมิวนิสต์ขยายตัว จนยึดอำนาจรัฐในอินโดจีนกับไทยได้ โดยอเมริกาได้ใช้ไทยเเป็นฐานทัพสำคัญในการส่งทหารเข้าไปรุกราน-ยึดครอง-โจมตี-ทำลาย คอมมิวนิสต์ในอินโดจีน ที่ “เวียดนาม” เป็นหัวหอก
เมื่อ “พล.อ.สฤษดิ์ ธนะรัชต์” ทำรัฐประหารในปี 2501 อเมริกาที่ทำตัวเป็น “ตำรวจประชาธิปไตยโลก” จะคว่ำบาตรรัฐบาลเผด็จการทหาร อ้อ..แต่ที่ไม่เอื้อผลประโยชน์กับสหรัฐฯ เท่านั้น
รัฐบาลเผด็จการทหารยุคนั้น เป็น “ลูกรัก” ของอเมริกาแบบเต็มร้อย อเมริกาจึงแค่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารเท่านั้น แต่กลับสร้างความสัมพันธ์แนบแน่นยิ่งขึ้น ด้วยการออก “แถลงการณ์ร่วมถนัด-รัสก์” ในเดือนมีนาคม 2510 ซึ่งผูกมัดให้อเมริกาจะต้องช่วยเหลือไทยทันทีที่ถูกรุกราน
หลัง “จอมพลผ้าขาวม้าแดง” ถึงแก่อสัญกรรม ในวันที่ 8 ธันวาคม 2506 พล.อ.ถนอม กิตติขจร ได้กุมบังเหียนรัฐบาลไทยต่อ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2506
สงครามอินโดจีนที่ขยายตัวไม่หยุด ทำให้อเมริกาต้องกระโจนสู่สงครามเวียดนามชนิดเต็มตัว แทนฝรั่งเศสที่พ่ายเวียดนามในศึก “เดียนเบียนฟู” โดยรัฐบาล “ถนอม” ได้ร่วมมือกับรัฐบาลอเมริกา ชนิดสุดลิ่มทิ่มประตูเลย
รัฐบาล “สฤษดิ์” และ “ถนอม” ยอมให้อเมริกาปรับปรุงและสร้างฐานทัพหลายแห่ง เพื่อสนับสนุนการขนส่ง ปฏิบัติการด้านข่าวกรองและระบบเตือนภัย อีกทั้งเป็นฐานของเครื่องบินขับไล่ และเครื่องบินทิ้งระเบิด รวมทั้งเป็นฐานทำสงครามทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น
2504 สร้างสนามบินนครสวรรค์ 2505 พัฒนาฐานทัพที่โคราช 2506 ปรับปรุงฐานทัพอากาศที่นครพนม 2507 สร้างฐานทัพค่ายรามสูร-อุดรธานี มีการติดตั้งสถานีเรดาห์หลายแห่ง และเครื่องมือทันสมัยที่สุดในเอเชียที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เพื่อใช้เป็นกองบัญชาการกองทัพอากาศของอเมริกาประจำประเทศไทย เป็นพื้นที่ลับสุดยอดชนิดเจ้าหน้าที่ไทยเข้าไม่ได้ เพราะอเมริกาถือเป็นดินแดนของตนเองครับ
ปี 2509 สหรัฐฯ สร้างฐานทัพอู่ตะเภาที่สัตหีบ-ระยอง รองรับเรือรบสารพัดชนิดของอเมริกาอีกด้วย สุดท้ายในปี 2515 ยังปรับปรุงสนามบินน้ำพอง-ขอนแก่น รองรับฝูงบินทิ้งระเบิดของสหรัฐฯ ที่ย้ายมาจากประเทศเวียดนามอีกด้วย
ยุคนั้น..ทหารอเมริกันอยู่ในไทยถึง 48,000 นาย แถมรัฐบาลไทยยังส่งทหารไปทำสงครามต่อต้านคอมมิวนิสต์ ถึงในประเทศลาวและเวียดนาม ร่วมกับทหารอเมริกันอีกด้วย
รัฐบาลเผด็จการทหาร “ถนอม” นั้น ได้เข้าควบคุมเสรีภาพในการรับรู้ และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของประชาชนอย่างเข้มงวด การโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลไทยร่วมกับอเมริกา มุ่งจะสร้างความหวาดกลัวคอมมิวนิสต์นั่นเอง
แถมยังจัดหน่วยข้อมูลเคลื่อนที่ไปยังชนบทไทย เพื่ออบรมและฉายภาพยนตร์ต่อต้านคอมมิวนิสต์ มีการจัดรายการทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์เพื่อความมั่นคง มีการผลิตนิตยสาร หนังสือ โปสเตอร์ เพื่อเผยแพร่ภัยจากคอมมิวนิสต์ไปทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม..แม้รัฐบาลอเมริกาจะทุ่มทหารและเงินมหาศาล รวมทั้งใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยที่สุดในโลก รวมทั้งใช้อาวุธเคมีอีกมากมาย ถล่มใส่ประเทศเวียดนามอย่างไม่ยั้ง แต่กองทัพ “พญาอินทรี” ที่เกรียงไกร ซึ่งทำสงครามอธรรมรุกรานเวียดนาม ก็พ่ายแพ้ต่อกองทัพประชาชนเวียดนามอย่างหมดรูป
2518 ทหารอเมริกันจึงต้องหนีหัวซุกหัวซุน เอาชีวิตรอดออกจากประเทศในอินโดจีน มาปักหลักอยู่ที่ฐานทัพในประเทศไทยนี่เอง!
หลังเวียดนาม-ลาว-กัมพูชา เปลี่ยนเป็นประเทศสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ นักวิเคราะห์ทางการเมืองทั้งตะวันตก-ตะวันออกเชื่อว่า บางประเทศในอาเซียนจะต้องเดือดร้อน ตามทฤษฎี “โดมิโน” อย่างแน่นอน
นักวิเคราะห์เหล่านั้นจับจ้องมายังประเทศไทยเป็นพิเศษ เพราะรัฐบาลไทยที่เป็นทั้งเผด็จการทหาร และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งซื้อเสียง ล้วนคอร์รัปชันโกงชาติกันอย่างมโหฬารทั้งสิ้น ทำให้ประชาชนคนไทยทนไม่ไหว จนเกิดการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และการต่อต้านรัฐบาลคอร์รัปชันทุกหัวระแหง
เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 นักเรียน-นิสิต-นักศึกษา-ประชาชน จึงชุมนุมกันนับหลายแสนคน ให้รัฐบาลเผด็จการทหาร “ถนอม-ประภาส” ปล่อยแกนนำที่เรียกร้องประชาธิปไตย 13 คน ซึ่งถูกจับและยัดข้อหากบฏให้อย่างอยุติธรรม
แต่รัฐบาลเผด็จการทหาร “ถนอม-ประภาส” กลับส่งทหารออกมาเข่นฆ่าประชาชนคนไทยที่มีเพียงสองมือเปล่าอย่างป่าเถื่อน จนบาดเจ็บล้มตายกันไปอย่างมากมาย
ทว่าสุดท้าย..ธรรมะย่อมชนะอธรรม เพราะประชาชนคนไทยมิได้เกรงกลัว ยังคงต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการทหารโดยไม่ระย่อ จนรัฐบาล “ถนอม-ประภาส” ต้องล้มครืนลง..
กรรมตามสนอง..เพราะ “จอมพลถนอม” ถูกพล.อ.ในกองทัพไทย ยื่นคำขาดให้ออกไปจากแผ่นดินไทยทันที!