ASTVผู้จัดการรายวัน-อภิปรายงบปี 57 วันที่ 2 เดือด รุมสับกระทรวงศึกษาฯ ตั้งงบซื้อรถตู้สุดโอเว่อร์คันละ 2.3 ล้าน ทั้งๆ ที่ราคาตลาดตกแค่คันละ 9.6 แสน "เสริมศักดิ์"อ้างเฉย พิมพ์ตัวเลขผิด ปชป.ขย่ม"โต้ง" ต้องออกเซ่นจำนำเจ๊ง โวยปล่อย "เต้น" แก้ตัวแทน ทั้งๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ด้าน "วีระวุฒิ" ยังล่องหน หาตัวไม่เจอ
วานนี้ (30พ.ค.) เวลา 09.45 น. ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 2 สมัยวิสามัญเป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ ในวงเงิน 2,525,000 ล้านบาท เป็นวันที่ 2 โดยมีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม
โดยไฮไลท์ในวันที่ 2 เริ่มขึ้นเมื่อนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นอภิปรายถึงงบประมาณในส่วนกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า ในโครงการพัฒนาโรงเรียนสู่มาตรฐานที่จัดซื้อรถตู้โดยสาร ขนาด 12 ที่นั่ง (ดีเซล) จำนวน 1,000 คัน วงเงินคันละ 2,343,724 ล้านบาท แบ่งเป็นปี 2557 ตั้งงบไว้ 184,860,000 บาท และตั้งงบผูกพันในปี 2558 ไว้จำนวน 2,158,864,000 บาท
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า จัดซื้อรถแพงเกินจริงหรือไม่ เพราะราคาขายตามท้องตลาด จะอยู่ที่คันละ 9.6 แสนบาท ขณะที่สำนักงบประมาณ คิดราคาต่อคันที่ 1.2 ล้านบาทเท่านั้น จะมีการล็อคสเปค ให้ใช้รถ 12 ที่นั่งหรือไม่ เพราะหากใช้เพื่อบริการรับ-ส่ง นักเรียน ใช้รถตู้ขนาด 16 ที่นั่งจะเหมาะสมกว่า ซึ่งราคารถตู้โดยสาร ขนาด 16 ที่นั่งในท้องตลาดคันละ 1.1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับราคาที่กระทรวงศึกษาธิการขอจัดสรรที่คันละ 1.2 ล้านบาท จึงถือว่าสามารถซื้อรถตู้โดยสารขนาด 16 ที่นั่งได้ อย่างไรก็ตาม ราคารถตู้ตกคันละ 2,343,724 บาท น่าแปลกใจว่ามีเศษเงินจำนวน 24 บาทด้วย ถือว่าเป็นข้อพิรุธอย่างยิ่งว่าเป็นการล็อคสเปคบังคับซื้อรถ 12 ที่นั่งหรือไม่ จึงอยากให้รมว.ศึกษาธิการตรวจสอบในเรื่องนี้ และปัญหาดังกล่าวทำให้ตนไม่สามารถรับร่างพ.ร.บ.งบประมาณนี้ได้ และขอเรียกว่า งบประมาณผลาญเงินเด็ก
**สภาฯป่วน "เสริมศักดิ์"หลุดพิมพ์พลาด
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ ซึ่งพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 57 ต่อประเด็นการอภิปรายของนายจุฤทธิ์ โดยยอมรับว่า รายละเอียดการเสนอของบประมาณโครงการดังกล่าวของกระทรวงศึกษาธิการ มีความผิดพลาดในการจัดพิมพ์ ทำให้ตัวเลขแตกต่างจากการกำหนดราคากลางของสำนักงบประมาณ ที่ตั้งไว้คันละ 1.2 ล้านบาท โดยในปีนี้มีการจัดพิมพ์ผิดพลาดอยู่หลายจุด ทำให้ ส.ส. ได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง โดยข้อเท็จจริง ศธ.ได้ตั้งงบประมาณเพื่อจัดซื้อรถตู้จำนวน 1,000 คันๆ ละ 1,232,400 บาท ดังนั้น จะรวมเป็นเงิน 1,232 ล้านบาท โดยราคาดังกล่าวถือเป็นราคากลางที่สำนักงบประมาณได้กำหนดไว้ รวมถึงสเปคของรถตู้ จำนวน 12 ที่นั่งด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นที่ประชุมเริ่มมีความวุ่นวาย และเสนอให้มีการยุติการพิจารณา ร่างพ.ร.บ.งบฯ ปี 57
อย่างไรก็ตาม นายนายจุฤทธิ์ ได้กล่าวต่อว่า ตามที่นายเสริมศักดิ์ ระบุว่า เอกสารเล่มขาวคาดแดง ส่วนของ ศธ.พิมพ์ผิด ดังนั้น ต้องมีการยุติการพิจารณา เพราะหากยังคงพิจารณาต่อไป เสี่ยงที่จะขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 ว่าด้วยการนำเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีงบประมาณ ทั้งนี้ ขอให้แก้ไขรายละเอียดที่ผิดพลาดให้ถูกต้องก่อน อย่าอ้างว่าพิมพ์ผิดแล้วเรื่องทุกอย่างก็จบ ทำให้นายเสริมศักดิ์ ชี้แจงโต้ตอบว่า เอกสารแก้ไขตัวเลขที่ผิดพลาด ผมได้รับเอกสารแนบฉบับที่แก้ไขแล้ว โดยมีจำนวน 10 หน้าในส่วนของ ศธ.
จากนั้นนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายทักท้วงว่า เอกสารแนบฉบับแก้ไข ส.ส.ยังไม่ได้รับ ดังนั้น ทางออกตอนนี้ ขอให้พักการประชุม ไม่เช่นนั้น จะขอใช้เอกสิทธิ์เสนอญัตติตามข้อบังคับการประชุม ข้อ 47 (5) ให้เลื่อนให้พิจารณา เพราะสภาฯ ไม่สามารถพิจารณาอย่างลวกๆ ได้
โดยบรรยากาศหลังจากนั้นมีแนวโน้มที่จะไม่ยุติลง ทำให้นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ในฐานะประธานในที่ประชุมจึงได้สั่งพักการประชุมเป็นเวลา 10 นาที เมื่อเวลา 13.45 น.
**“วราเทพ”อ้างพิมพ์ผิดเป็นเรื่องปกติ
จากนั้นเวลา 14.10 น. ได้มีการเปิดประชุมอีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่สภาฯ ได้แจกเอกสารฉบับแก้ไขให้กับ ส.ส. จากนั้น นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับสำนักงบประมาณ ได้ชี้แจงยืนยันว่า ไม่มีเจตนา หรือจงใจที่จะนำเอกสารที่ผิดพลาดมาให้พิจารณา โดยรายละเอียดโครงการที่เสนองบประมาณ ตามเอกสารประกอบมีรายละเอียดจำนวนมากจึงเกิดความผิดพลาด อีกทั้งโครงการจัดซื้อรถตู้โดยสาร ของ ศธ. เดิมมีการเสนอโครงการจัดซื้อรถจำนวน 2,000 คัน ตั้งงบไว้ ประมาณ 2,000 ล้านบาท เมื่อมีการแก้ไขโครงการลดจำนวนจัดซื้อรถตู้ เหลือ 1,000 คัน ก็ไม่ได้แก้ไขตัวเลขเสนองบประมาณ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยังคงไม่ยอมให้ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลได้อภิปรายเรื่องอื่นต่อไป โดยนายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ ส.ส.ยะลา พรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นขอให้นายเสริมศักดิ์ ชี้แจงกรณีที่ระบุว่า เอกสารงบฯ ผิดพลาด 10 จุดว่า มีความผิดพลาดตรงไหนบ้าง เพราะเอกสารฉบับแก้ไขแจกมาไม่ครบ ในที่สุดนายวิสุทธิ์ ได้ตัดบทให้ดำเนินการอภิปรายต่อไป
**"ปู"ปัดทำงบแบบ“รวยกระจุก จนกระจาย”
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนการประชุมสภาฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้นำหนังสือยุทธศาสตร์การจัดทำงบประมาณ ส่งมอบต่อประธานฯ พร้อมชี้แจงว่า การจัดทำงบประมาณได้จำแนกตามยุทธศาสตร์ของประเทศ โดยเน้นให้น้ำหนักลดความเหลื่อมล้ำ ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าเป็นการจัดงบเป็นแบบรวยกระจุก จนกระจายนั้น ยืนยันว่า รัฐบาลได้เน้นการให้โอกาสอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ส่วนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน จาก ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท จะเป็นการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ
**ตั้ง กมธ.63 คน แปรญัญติ 30 วัน
จากนั้น เวลา 16.00 น. นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ว่า การประชุมสภาในวันที่ 31 พ.ค. จะเปิดให้มีการอภิปรายในช่วงเช้าและจะต้องลงมติเพื่อรับหลักการให้เสร็จก่อนเวลา 12.00 น. และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน 63 คน แบ่งเป็น ครม. 15 คน พรรคเพื่อไทย 25 คน พรรคประชาธิปัตย์ 15 คน พรรคภูมิใจไทย 3 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 2 คน พรรคชาติพัฒนา 1 คน พรรคพลังชล1 คน พรรครักประเทศ พรรคมาตุภูมิ พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคมหาชน และพรรครักษ์สันติ 1คน โดยกำหนดวันแปรญัตติ 30 วัน จากนั้น จะนัดประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ นัดแรกในเวลา 14.00 น. วันที่ 31 พ.ค. เพื่อกำหนดตัวผู้มาดำรงตำแหน่งต่างๆ ในคณะกรรมาธิการฯ
***จี้ "โต้ง"รับผิดชอบลาออก
ก่อนการประชุมสภาฯ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า โครงการจำนำข้าวที่มีการเปิดเผยข้อมูลถึงความสูญเสีย ความไม่ชอบมาพากล แต่ก็ยังไม่มีคำตอบจากรัฐบาลว่าจะแก้ไขอย่างไร แต่พยายามพูดเพียงว่าเป็นโครงการที่เกษตรกรได้ประโยชน์ ทั้งที่เกษตรกรได้เงินจากโครงการนี้แค่ 40-50% ซึ่งทำให้ฝ่ายค้านรับหลักการไม่ได้
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวเรียกร้องให้นายกิตติรัตน์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ แสดงความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นผู้มีอำนาจในการจัดการโครงการรับจำนำข้าว พร้อมกับเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีชี้แจงเกี่ยวกับการลงโฆษณาของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในสถานีโทรทัศน์ Voice TV ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวพันกับครอบครัวตนเอง
ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง แสดงความรับผิดชอบลาออก และขอให้ชี้แจงเมื่อครั้งที่นายกิตติรัตน์ เป็นรมว.พาณิชย์ ที่มีการระบายข้าวราคาถูกออกไปให้โรงสีที่ซื้อนำไปขายต่อในราคาแพง ตามที่ตนได้อภิปรายไว้ ไม่ใช่ปล่อยให้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ นำข้อมูลที่ไม่จริงมาชี้แจงแทน
ทั้งนี้ ตนยังได้นำข้อมูลการอภิปรายไปปรึกษาทีมกฎหมายของพรรค เพื่อให้ตรวจสอบว่าสามารถจะยื่นฟ้องเอาผิดต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วย
** ปชป. เข้าชื่อ 131 คนยื่นถอดถอน
นายกรณ์ จาติกวนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นตัวแทน ส.ส.พรรค เข้ายื่นหนังสือต่อ นายนิคม ไวรัชพานิช ประธานวุฒิสภา โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 270 รวบรวมรายชื่อ ส.ส. 131 รายชื่อจากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อขอให้พิจารณาถอดถอนนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายในการดำเนินโครงการกองทุนการออมแห่งชาติในกรอบระยะเวลาที่กำหนด ละเลยการจัดสรรงบประมาณการจัดตั้งกองทุนในการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีถึง 2 ครั้ง ทั้งที่บรรดา ส.ส. รวมถึงพรรคเพื่อไทยให้การสนับสนุนการออกกองทุนดังกล่าวเป็นกฎหมาย แต่ฝ่ายบริหารกลับไม่ดำเนินการ
**"ปู"แถระบบข้าวเสียเพราะบาทแข็ง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงโครงการรับจำนำข้าว ที่มีรายงานว่าปิดบัญชีแล้วขาดทุน 2.6 แสนล้าน ว่า ได้ฟังนายบุญทรงยืนยันหรือยัง อันนี้ต้องฟังหน่วยงานและกระทรวงที่เขารับผิดชอบดีกว่า ส่วนที่ทำให้ระบบการข้าวเสียไป โดยเฉพาะการส่งออก มีปัญหาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้ราคาต่างๆ ไม่สามารถแข่งขันได้
***"วีระวุฒิ"ล่องหนติดต่อไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามติดต่อไป พ.ต.น.พ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ เลขาฯ รมว.พาณิชย์ ที่ถูก นพ.วรงค์ อภิปรายพาดพิงว่าเป็นผู้บงการโครงการรับจำนำข้าว โดยได้รับแจ้งจากเลขาฯ ของพ.ต.น.พ.วีระวุฒิ ว่า ติดภารกิจอยู่ ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งเป็นคิวงานที่แจ้งมาล่วงหน้าหลายสัปดาห์แล้ว ไม่ได้เพิ่งมาติดภารกิจด่วนหลังมีการอภิปราย หรือหนีหน้าแต่อย่างใด โดยระบุว่า คงจะติดต่อได้ประมาณสัปดาห์หน้า
วานนี้ (30พ.ค.) เวลา 09.45 น. ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 2 สมัยวิสามัญเป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ ในวงเงิน 2,525,000 ล้านบาท เป็นวันที่ 2 โดยมีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม
โดยไฮไลท์ในวันที่ 2 เริ่มขึ้นเมื่อนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นอภิปรายถึงงบประมาณในส่วนกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า ในโครงการพัฒนาโรงเรียนสู่มาตรฐานที่จัดซื้อรถตู้โดยสาร ขนาด 12 ที่นั่ง (ดีเซล) จำนวน 1,000 คัน วงเงินคันละ 2,343,724 ล้านบาท แบ่งเป็นปี 2557 ตั้งงบไว้ 184,860,000 บาท และตั้งงบผูกพันในปี 2558 ไว้จำนวน 2,158,864,000 บาท
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า จัดซื้อรถแพงเกินจริงหรือไม่ เพราะราคาขายตามท้องตลาด จะอยู่ที่คันละ 9.6 แสนบาท ขณะที่สำนักงบประมาณ คิดราคาต่อคันที่ 1.2 ล้านบาทเท่านั้น จะมีการล็อคสเปค ให้ใช้รถ 12 ที่นั่งหรือไม่ เพราะหากใช้เพื่อบริการรับ-ส่ง นักเรียน ใช้รถตู้ขนาด 16 ที่นั่งจะเหมาะสมกว่า ซึ่งราคารถตู้โดยสาร ขนาด 16 ที่นั่งในท้องตลาดคันละ 1.1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับราคาที่กระทรวงศึกษาธิการขอจัดสรรที่คันละ 1.2 ล้านบาท จึงถือว่าสามารถซื้อรถตู้โดยสารขนาด 16 ที่นั่งได้ อย่างไรก็ตาม ราคารถตู้ตกคันละ 2,343,724 บาท น่าแปลกใจว่ามีเศษเงินจำนวน 24 บาทด้วย ถือว่าเป็นข้อพิรุธอย่างยิ่งว่าเป็นการล็อคสเปคบังคับซื้อรถ 12 ที่นั่งหรือไม่ จึงอยากให้รมว.ศึกษาธิการตรวจสอบในเรื่องนี้ และปัญหาดังกล่าวทำให้ตนไม่สามารถรับร่างพ.ร.บ.งบประมาณนี้ได้ และขอเรียกว่า งบประมาณผลาญเงินเด็ก
**สภาฯป่วน "เสริมศักดิ์"หลุดพิมพ์พลาด
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ ซึ่งพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 57 ต่อประเด็นการอภิปรายของนายจุฤทธิ์ โดยยอมรับว่า รายละเอียดการเสนอของบประมาณโครงการดังกล่าวของกระทรวงศึกษาธิการ มีความผิดพลาดในการจัดพิมพ์ ทำให้ตัวเลขแตกต่างจากการกำหนดราคากลางของสำนักงบประมาณ ที่ตั้งไว้คันละ 1.2 ล้านบาท โดยในปีนี้มีการจัดพิมพ์ผิดพลาดอยู่หลายจุด ทำให้ ส.ส. ได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง โดยข้อเท็จจริง ศธ.ได้ตั้งงบประมาณเพื่อจัดซื้อรถตู้จำนวน 1,000 คันๆ ละ 1,232,400 บาท ดังนั้น จะรวมเป็นเงิน 1,232 ล้านบาท โดยราคาดังกล่าวถือเป็นราคากลางที่สำนักงบประมาณได้กำหนดไว้ รวมถึงสเปคของรถตู้ จำนวน 12 ที่นั่งด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นที่ประชุมเริ่มมีความวุ่นวาย และเสนอให้มีการยุติการพิจารณา ร่างพ.ร.บ.งบฯ ปี 57
อย่างไรก็ตาม นายนายจุฤทธิ์ ได้กล่าวต่อว่า ตามที่นายเสริมศักดิ์ ระบุว่า เอกสารเล่มขาวคาดแดง ส่วนของ ศธ.พิมพ์ผิด ดังนั้น ต้องมีการยุติการพิจารณา เพราะหากยังคงพิจารณาต่อไป เสี่ยงที่จะขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 ว่าด้วยการนำเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีงบประมาณ ทั้งนี้ ขอให้แก้ไขรายละเอียดที่ผิดพลาดให้ถูกต้องก่อน อย่าอ้างว่าพิมพ์ผิดแล้วเรื่องทุกอย่างก็จบ ทำให้นายเสริมศักดิ์ ชี้แจงโต้ตอบว่า เอกสารแก้ไขตัวเลขที่ผิดพลาด ผมได้รับเอกสารแนบฉบับที่แก้ไขแล้ว โดยมีจำนวน 10 หน้าในส่วนของ ศธ.
จากนั้นนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายทักท้วงว่า เอกสารแนบฉบับแก้ไข ส.ส.ยังไม่ได้รับ ดังนั้น ทางออกตอนนี้ ขอให้พักการประชุม ไม่เช่นนั้น จะขอใช้เอกสิทธิ์เสนอญัตติตามข้อบังคับการประชุม ข้อ 47 (5) ให้เลื่อนให้พิจารณา เพราะสภาฯ ไม่สามารถพิจารณาอย่างลวกๆ ได้
โดยบรรยากาศหลังจากนั้นมีแนวโน้มที่จะไม่ยุติลง ทำให้นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ในฐานะประธานในที่ประชุมจึงได้สั่งพักการประชุมเป็นเวลา 10 นาที เมื่อเวลา 13.45 น.
**“วราเทพ”อ้างพิมพ์ผิดเป็นเรื่องปกติ
จากนั้นเวลา 14.10 น. ได้มีการเปิดประชุมอีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่สภาฯ ได้แจกเอกสารฉบับแก้ไขให้กับ ส.ส. จากนั้น นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับสำนักงบประมาณ ได้ชี้แจงยืนยันว่า ไม่มีเจตนา หรือจงใจที่จะนำเอกสารที่ผิดพลาดมาให้พิจารณา โดยรายละเอียดโครงการที่เสนองบประมาณ ตามเอกสารประกอบมีรายละเอียดจำนวนมากจึงเกิดความผิดพลาด อีกทั้งโครงการจัดซื้อรถตู้โดยสาร ของ ศธ. เดิมมีการเสนอโครงการจัดซื้อรถจำนวน 2,000 คัน ตั้งงบไว้ ประมาณ 2,000 ล้านบาท เมื่อมีการแก้ไขโครงการลดจำนวนจัดซื้อรถตู้ เหลือ 1,000 คัน ก็ไม่ได้แก้ไขตัวเลขเสนองบประมาณ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยังคงไม่ยอมให้ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลได้อภิปรายเรื่องอื่นต่อไป โดยนายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ ส.ส.ยะลา พรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นขอให้นายเสริมศักดิ์ ชี้แจงกรณีที่ระบุว่า เอกสารงบฯ ผิดพลาด 10 จุดว่า มีความผิดพลาดตรงไหนบ้าง เพราะเอกสารฉบับแก้ไขแจกมาไม่ครบ ในที่สุดนายวิสุทธิ์ ได้ตัดบทให้ดำเนินการอภิปรายต่อไป
**"ปู"ปัดทำงบแบบ“รวยกระจุก จนกระจาย”
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนการประชุมสภาฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้นำหนังสือยุทธศาสตร์การจัดทำงบประมาณ ส่งมอบต่อประธานฯ พร้อมชี้แจงว่า การจัดทำงบประมาณได้จำแนกตามยุทธศาสตร์ของประเทศ โดยเน้นให้น้ำหนักลดความเหลื่อมล้ำ ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าเป็นการจัดงบเป็นแบบรวยกระจุก จนกระจายนั้น ยืนยันว่า รัฐบาลได้เน้นการให้โอกาสอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ส่วนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน จาก ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท จะเป็นการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ
**ตั้ง กมธ.63 คน แปรญัญติ 30 วัน
จากนั้น เวลา 16.00 น. นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ว่า การประชุมสภาในวันที่ 31 พ.ค. จะเปิดให้มีการอภิปรายในช่วงเช้าและจะต้องลงมติเพื่อรับหลักการให้เสร็จก่อนเวลา 12.00 น. และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน 63 คน แบ่งเป็น ครม. 15 คน พรรคเพื่อไทย 25 คน พรรคประชาธิปัตย์ 15 คน พรรคภูมิใจไทย 3 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 2 คน พรรคชาติพัฒนา 1 คน พรรคพลังชล1 คน พรรครักประเทศ พรรคมาตุภูมิ พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคมหาชน และพรรครักษ์สันติ 1คน โดยกำหนดวันแปรญัตติ 30 วัน จากนั้น จะนัดประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ นัดแรกในเวลา 14.00 น. วันที่ 31 พ.ค. เพื่อกำหนดตัวผู้มาดำรงตำแหน่งต่างๆ ในคณะกรรมาธิการฯ
***จี้ "โต้ง"รับผิดชอบลาออก
ก่อนการประชุมสภาฯ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า โครงการจำนำข้าวที่มีการเปิดเผยข้อมูลถึงความสูญเสีย ความไม่ชอบมาพากล แต่ก็ยังไม่มีคำตอบจากรัฐบาลว่าจะแก้ไขอย่างไร แต่พยายามพูดเพียงว่าเป็นโครงการที่เกษตรกรได้ประโยชน์ ทั้งที่เกษตรกรได้เงินจากโครงการนี้แค่ 40-50% ซึ่งทำให้ฝ่ายค้านรับหลักการไม่ได้
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวเรียกร้องให้นายกิตติรัตน์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ แสดงความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นผู้มีอำนาจในการจัดการโครงการรับจำนำข้าว พร้อมกับเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีชี้แจงเกี่ยวกับการลงโฆษณาของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในสถานีโทรทัศน์ Voice TV ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวพันกับครอบครัวตนเอง
ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง แสดงความรับผิดชอบลาออก และขอให้ชี้แจงเมื่อครั้งที่นายกิตติรัตน์ เป็นรมว.พาณิชย์ ที่มีการระบายข้าวราคาถูกออกไปให้โรงสีที่ซื้อนำไปขายต่อในราคาแพง ตามที่ตนได้อภิปรายไว้ ไม่ใช่ปล่อยให้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ นำข้อมูลที่ไม่จริงมาชี้แจงแทน
ทั้งนี้ ตนยังได้นำข้อมูลการอภิปรายไปปรึกษาทีมกฎหมายของพรรค เพื่อให้ตรวจสอบว่าสามารถจะยื่นฟ้องเอาผิดต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วย
** ปชป. เข้าชื่อ 131 คนยื่นถอดถอน
นายกรณ์ จาติกวนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นตัวแทน ส.ส.พรรค เข้ายื่นหนังสือต่อ นายนิคม ไวรัชพานิช ประธานวุฒิสภา โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 270 รวบรวมรายชื่อ ส.ส. 131 รายชื่อจากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อขอให้พิจารณาถอดถอนนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายในการดำเนินโครงการกองทุนการออมแห่งชาติในกรอบระยะเวลาที่กำหนด ละเลยการจัดสรรงบประมาณการจัดตั้งกองทุนในการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีถึง 2 ครั้ง ทั้งที่บรรดา ส.ส. รวมถึงพรรคเพื่อไทยให้การสนับสนุนการออกกองทุนดังกล่าวเป็นกฎหมาย แต่ฝ่ายบริหารกลับไม่ดำเนินการ
**"ปู"แถระบบข้าวเสียเพราะบาทแข็ง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงโครงการรับจำนำข้าว ที่มีรายงานว่าปิดบัญชีแล้วขาดทุน 2.6 แสนล้าน ว่า ได้ฟังนายบุญทรงยืนยันหรือยัง อันนี้ต้องฟังหน่วยงานและกระทรวงที่เขารับผิดชอบดีกว่า ส่วนที่ทำให้ระบบการข้าวเสียไป โดยเฉพาะการส่งออก มีปัญหาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้ราคาต่างๆ ไม่สามารถแข่งขันได้
***"วีระวุฒิ"ล่องหนติดต่อไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามติดต่อไป พ.ต.น.พ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ เลขาฯ รมว.พาณิชย์ ที่ถูก นพ.วรงค์ อภิปรายพาดพิงว่าเป็นผู้บงการโครงการรับจำนำข้าว โดยได้รับแจ้งจากเลขาฯ ของพ.ต.น.พ.วีระวุฒิ ว่า ติดภารกิจอยู่ ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งเป็นคิวงานที่แจ้งมาล่วงหน้าหลายสัปดาห์แล้ว ไม่ได้เพิ่งมาติดภารกิจด่วนหลังมีการอภิปราย หรือหนีหน้าแต่อย่างใด โดยระบุว่า คงจะติดต่อได้ประมาณสัปดาห์หน้า