ASTVผู้จัดการรายวัน-ในหลวงทรงพระเมตตา พระราชทานอภัยโทษ 2 เสื้อแดงอุดรธานี ที่ถูกศาลสั่งจำคุกคดีรุมทำร้านพันธมิตรฯ ที่หนองประจักษ์เมื่อปี 51 ทหารสั่งเหล่าทัพเข้มงวดใช้สื่อออนไลน์ ลั่นหากพบเว็บหมิ่นรีบแจ้งไอซีทีจัดการ "อนุดิษฐ์"ขู่จัดหนัก หน้ากากขาว-แดง โพสต์ละเมิดเจอเล่นงานแน่ ด้านคนรักในหลวงขึ้นโรงพักแจ้งตำรวจจัดการเว็บหมิ่น หลังพบเกลื่อนโลกออนไลน์
พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมสภากลาโหมที่มีพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม เป็นประธาน วานนี้ (30 พ.ค.) ว่า ปัจจุบันยังมีเว็บไซต์ที่มีการเผยแพร่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นจำนวนมาก โดยผู้ที่โพสต์ข้อความ มีทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์โดยตรง รมว.กลาโหมจึงสั่งกำชับให้หน่วยขึ้นตรงของกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพเข้มงวดกวดขันในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ภายในหน่วยงาน พร้อมทั้งกำชับข้าราชการในสังกัดได้ตระหนักว่า ทหารจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีต่อประชาชน
ทั้งนี้ ขอให้ปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด และหากพบเห็นการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว ให้ประสานกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสาร (ไอซีที) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงให้ดำเนินการต่อไป
ทางด้านน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวถึงกรณีกระแสในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กที่มีการตั้งกลุ่มและโพสต์ข้อความเกี่ยวกับรัฐบาล โดยแบ่งเป็น 2 ฝ่าย ภายใต้ชื่อเรียกว่า หน้ากากขาว และหน้ากากแดงว่า ล่าสุดกระทรวงไอซีทียังไม่พบการกระทำความผิดทางกฎหมาย และการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดผ่านทางคอมพิวเตอร์ (พ.ร.บ.คอมฯ 2550) แต่อย่างใด
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าว สามารถทำได้ หากไม่ผิดกฎหมาย และไม่มีการโพสต์ข้อความอันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น เพราะถือเป็นการแสดงสิทธิเสรีภาพและการแสดงออก แต่ถ้าหากการกระทำนั้นสร้างความเสียหาย หรือละเมิดลิขสิทธิ์ผู้อื่น ก็สามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้ และหากผู้ใดที่โดนละเมิดสิทธิ์ก็สามารถมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่และดำเนินการได้ตามกฎหมาย
วันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานีว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2556 เวลา 20.30 น. ที่เรือนจำกลางจังหวัดอุดรธานี เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้นำพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานอภัยโทษแก่นักโทษเด็ดขาดที่ถูกจองจำอยู่ในเรือนจำกลางอุดรธานี 2 คน กรณีก่อเหตุไม่สงบที่หนองประจักษ์ศิลปาคม อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2551 ได้แก่ นช.แพง ระดาดาษ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 10 บ้านคำมี ต.คำเลาะ อไชยวาน จ.อุดรธานี และ นช.เจริญ ลำเนานาน อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 165 หมู่ 1 บ้านไชยวาน ต.ไชยวาน อ.ไชยวาน ซึ่งนักโทษทั้ง 2 คนถูกศาลจังหวัดอุดรธานีตัดสินจำคุกในข้อหาร่วมกันปลุกระดมให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย เป็นหัวหน้า ผู้สั่งการให้มีการมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง รวมทั้งประกาศแก่บุคคลทั่วไปกระทำความผิดฐานเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส
โดยเหตุเกิดบริเวณหนองประจักษ์ศิลปาคม เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2551 ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกปลุกระดมโดยนายขวัญชัย สาราคำ และนายธีระชัย แสนแก้ว ได้ยกพวกจากทุ่งศรีเมืองอุดรธานี ไปยังสวนสาธารณะหนองประจักษ์ฯ แล้วเข้ารุมทำร้ายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่กำลังตั้งเวทีปราศรัย ทำให้มีผูั้บาดเจ็บจำนวนมาก
คดีนี้ จำเลยที่เป็นคนเสื้อแดงทั้งสองถูกศาลจังหวัดอุดรธานีตัดสินจำคุกเป็นเวลา 8 เดือน และถูกจองจำมาแล้ว 7 เดือน เป็นนักโทษที่มีความประพฤติดี
โดยบรรยากาศที่หน้าเรือนจำกลางจังหวัดอุดรธานี มีครอบครัวและคนเสื้อแดง นำโดยนางอาภาพร สาราคำ มารอรับจำนวนหนึ่ง ขณะนายแพง และนายเจริญเดินผ่านประตูเรือนจำออกมา ภรรยาและญาติ ตลอดจนคนเสื้อแดงได้เข้าห้อมล้อมแสดงความยินดี โอบกอดกันด้วยความดีใจที่คนทั้งสองได้รับพระราชทานอภัยโทษ
นายแพงกล่าวว่า ขอขอบคุณพระกรุณาของพ่อหลวงที่ทำให้มีวันนี้ สำหรับลูกหลานขอให้พ่อหลวงอายุยิ่งยืนนาน
ที่จ.พิษณุโลก ชาวเมืองพิษณุโลกที่เรียกตัวเองว่า “คณะคนรักในหลวงจังหวัดพิษณุโลก” นำโดยนางแน่งน้อย อัศวกิตติกร และนายทวี ทองถัน เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.สมเกียรติ เกตุแก้ว พนง.สอบสวน สภ.เมือง จ.พิษณุโลก ว่า มีบุคคลใช้โชเชียลเน็ตเวิร์กface book ลงข้อความ รูปภาพ ลักษณะหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ และดำเนินคดีตามกฎหมาย และมอบภาพถ่าย face book ของผู้ที่ใช้ชื่อว่า “ปราโมทย์ บุญเจิม” ประกอบเป็นหลักฐาน
พร้อมกันนั้น คณะคนรักในหลวงจังหวัดพิษณุโลกยังได้นำจดหมายเปิดผนึกที่ส่งถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 แจกจ่ายสื่อมวลชน โดยระบุว่า ขอความอนุเคราะห์ให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 จัดการเว็บไซต์หมิ่นพระมหากษัตริย์ เนื่องจากปัจจุบันมีเว็บไซต์หมิ่นพระมหากษัตริย์ใน Social network หลายเว็บไซด์ มีการลงชื่อ-นามสกุลเจ้าของเว็บท้าทายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองอย่างโจ๋งครึ่ม
พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมสภากลาโหมที่มีพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม เป็นประธาน วานนี้ (30 พ.ค.) ว่า ปัจจุบันยังมีเว็บไซต์ที่มีการเผยแพร่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นจำนวนมาก โดยผู้ที่โพสต์ข้อความ มีทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์โดยตรง รมว.กลาโหมจึงสั่งกำชับให้หน่วยขึ้นตรงของกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพเข้มงวดกวดขันในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ภายในหน่วยงาน พร้อมทั้งกำชับข้าราชการในสังกัดได้ตระหนักว่า ทหารจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีต่อประชาชน
ทั้งนี้ ขอให้ปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด และหากพบเห็นการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว ให้ประสานกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสาร (ไอซีที) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงให้ดำเนินการต่อไป
ทางด้านน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวถึงกรณีกระแสในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กที่มีการตั้งกลุ่มและโพสต์ข้อความเกี่ยวกับรัฐบาล โดยแบ่งเป็น 2 ฝ่าย ภายใต้ชื่อเรียกว่า หน้ากากขาว และหน้ากากแดงว่า ล่าสุดกระทรวงไอซีทียังไม่พบการกระทำความผิดทางกฎหมาย และการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดผ่านทางคอมพิวเตอร์ (พ.ร.บ.คอมฯ 2550) แต่อย่างใด
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าว สามารถทำได้ หากไม่ผิดกฎหมาย และไม่มีการโพสต์ข้อความอันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น เพราะถือเป็นการแสดงสิทธิเสรีภาพและการแสดงออก แต่ถ้าหากการกระทำนั้นสร้างความเสียหาย หรือละเมิดลิขสิทธิ์ผู้อื่น ก็สามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้ และหากผู้ใดที่โดนละเมิดสิทธิ์ก็สามารถมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่และดำเนินการได้ตามกฎหมาย
วันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานีว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2556 เวลา 20.30 น. ที่เรือนจำกลางจังหวัดอุดรธานี เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้นำพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานอภัยโทษแก่นักโทษเด็ดขาดที่ถูกจองจำอยู่ในเรือนจำกลางอุดรธานี 2 คน กรณีก่อเหตุไม่สงบที่หนองประจักษ์ศิลปาคม อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2551 ได้แก่ นช.แพง ระดาดาษ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 10 บ้านคำมี ต.คำเลาะ อไชยวาน จ.อุดรธานี และ นช.เจริญ ลำเนานาน อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 165 หมู่ 1 บ้านไชยวาน ต.ไชยวาน อ.ไชยวาน ซึ่งนักโทษทั้ง 2 คนถูกศาลจังหวัดอุดรธานีตัดสินจำคุกในข้อหาร่วมกันปลุกระดมให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย เป็นหัวหน้า ผู้สั่งการให้มีการมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง รวมทั้งประกาศแก่บุคคลทั่วไปกระทำความผิดฐานเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส
โดยเหตุเกิดบริเวณหนองประจักษ์ศิลปาคม เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2551 ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกปลุกระดมโดยนายขวัญชัย สาราคำ และนายธีระชัย แสนแก้ว ได้ยกพวกจากทุ่งศรีเมืองอุดรธานี ไปยังสวนสาธารณะหนองประจักษ์ฯ แล้วเข้ารุมทำร้ายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่กำลังตั้งเวทีปราศรัย ทำให้มีผูั้บาดเจ็บจำนวนมาก
คดีนี้ จำเลยที่เป็นคนเสื้อแดงทั้งสองถูกศาลจังหวัดอุดรธานีตัดสินจำคุกเป็นเวลา 8 เดือน และถูกจองจำมาแล้ว 7 เดือน เป็นนักโทษที่มีความประพฤติดี
โดยบรรยากาศที่หน้าเรือนจำกลางจังหวัดอุดรธานี มีครอบครัวและคนเสื้อแดง นำโดยนางอาภาพร สาราคำ มารอรับจำนวนหนึ่ง ขณะนายแพง และนายเจริญเดินผ่านประตูเรือนจำออกมา ภรรยาและญาติ ตลอดจนคนเสื้อแดงได้เข้าห้อมล้อมแสดงความยินดี โอบกอดกันด้วยความดีใจที่คนทั้งสองได้รับพระราชทานอภัยโทษ
นายแพงกล่าวว่า ขอขอบคุณพระกรุณาของพ่อหลวงที่ทำให้มีวันนี้ สำหรับลูกหลานขอให้พ่อหลวงอายุยิ่งยืนนาน
ที่จ.พิษณุโลก ชาวเมืองพิษณุโลกที่เรียกตัวเองว่า “คณะคนรักในหลวงจังหวัดพิษณุโลก” นำโดยนางแน่งน้อย อัศวกิตติกร และนายทวี ทองถัน เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.สมเกียรติ เกตุแก้ว พนง.สอบสวน สภ.เมือง จ.พิษณุโลก ว่า มีบุคคลใช้โชเชียลเน็ตเวิร์กface book ลงข้อความ รูปภาพ ลักษณะหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ และดำเนินคดีตามกฎหมาย และมอบภาพถ่าย face book ของผู้ที่ใช้ชื่อว่า “ปราโมทย์ บุญเจิม” ประกอบเป็นหลักฐาน
พร้อมกันนั้น คณะคนรักในหลวงจังหวัดพิษณุโลกยังได้นำจดหมายเปิดผนึกที่ส่งถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 แจกจ่ายสื่อมวลชน โดยระบุว่า ขอความอนุเคราะห์ให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 จัดการเว็บไซต์หมิ่นพระมหากษัตริย์ เนื่องจากปัจจุบันมีเว็บไซต์หมิ่นพระมหากษัตริย์ใน Social network หลายเว็บไซด์ มีการลงชื่อ-นามสกุลเจ้าของเว็บท้าทายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองอย่างโจ๋งครึ่ม
