ASTVผู้จัดการรายวัน - สลดใจ! ไฟไหม้บ้านกลางเมืองพิษณุโลก 2 พี่น้องถูกย่างสดในสภาพนอนกอดกัน ส่วนแม่พยายามช่วยลูกเลยถูกไฟคลอกเจ็บ เหตุเพราะถูกตัดไฟหลังผู้เป็นแม่ค้างจ่าย 441 บาท ตกค่ำออกไปทำงาน ปล่อยลูกชาย-ลูกสาวจุดเทียนทำการบ้าน คาดเผลอหลับเทียนล้มใส่มุ้งจนลุกลาม "ในหลวง-พระราชินี" พระราชทานสิ่งของช่วยเหลือเบื้องต้น ขณะเทศบาลตำบลหาช่องทางช่วยเหลือเต็มที่
เมื่อเวลา 00.15 น. วานนี้(22 พ.ค.) พ.ต.ต.สันตศิริ เมตตาวงศ์ พนักงานสอบสวนสภ.เมือง จ.พิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้าน ใกล้กับสี่แยกไทยแอร์โร่ หมู่ 11 ต.หัวรอ อ.เมือง จึงประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลตำบลหัวรอและพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่กู้ภัยข่าวภาพ ไปยังที่เกิดเหตุ
โดยบ้านที่เกิดเหตุเป็นเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว เลขที่ 334 หมู่ 11 ต.หัวรอ อ.เมือง เพลิงได้ลุกโหมไหม้จนทั่วทั้งหลัง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลากว่า 30 นาที จึงควบคุมเพลิงไว้ได้
จากการตรวจสอบในกองเพลิงพบผู้เสียชีวิต 2 ราย สภาพศพนอนกอดกัน เนื้อตัวไหม้เกรียมน่าเวทนา ทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ ด.ช.สัณพิชญ์ พลนอก อายุ 13 ปี สวมกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียว และด.ญ.ณัฐปภา พลนอก อายุ 9 ปี น้องสาว มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย คือ นางชุติกาญจน์ พลนอก อายุ 39 ปี มารดาของผู้เสียชีวิตทั้งสอง แขนทั้งสองข้างถูกเปลวเปลวเพลิงเผาไหม้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยปฐมพยาบาลในเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาล
ด้านนางชุติกาญจน์ ให้การว่า ด.ช.สัณห์พิชญ์ บุตรชายเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนพุทธชินราช ส่วนด.ญ.ณัฐปภา บุตรสาว เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 3 วัดน้อย เมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกัน ขณะที่ตนอยู่ในบ้าน เจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)ได้มาทำการตัดหม้อแปลงไฟบ้านของตน เนื่องจากค้างจ่ายค่าไฟไว้ 441 บาท ซึ่งขณะที่ตัดหม้อแปลงไฟก็ไม่แจ้ง ทั้งที่ตนก็อยู่ในบ้าน จนเมื่อไฟดับจึงทราบว่าถูกตัดไฟ ขณะที่ตนเองก็ไม่มีเวลา และไม่มีเงินที่จะไปจ่ายค่าไฟ
"จนกระทั่งช่วงเย็นลูกทั้งสองกลับมาจากโรงเรียน ก็อยู่ในบ้านตามปกติ จนช่วงเย็นตนต้องไปทำงานที่ร้านหมูกระทะที่อยู่ปากซอย ปล่อยให้ลูกทั้งสองอยู่บ้านตามลำพัง โดยทั้งสองต้องจุดเทียนเพื่อส่องสว่างในการทำการบ้าน ซึ่งตนซื้อเทียนไขกลับมาให้ลูกทั้งสองคนตอนเวลา 21.30 น.และกลับไปทำงานต่อ จนมีเพื่อนบ้านวิ่งไปบอกที่ร้านว่าบ้านถูกไฟไหม้ จึงได้พยายามเข้าไปช่วยลูกทั้งสองคน แต่เปลวเพลิงโหมไหม้รุนแรงมาก ไม่สามารถเข้าไปช่วยได้ ทำให้ลูกทั้งสองคนเสียชีวิตในกองเพลิง"
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า เด็กทั้งสองคนน่าจะจุดเทียนไขในห้องนอน และเผลอหลับไป ซึ่งเทียนอาจจะล้มไปถูกมุ้งก่อน แล้วทำให้ไฟไหม้ลุกลามทั่วทั้งหลัง เป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
เวลา 09.30 น. หลายหน่วยงานเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 334 หมู่ 11 ต.หัวรอ อาทิ พ.ต.อ.เนรมิต ดุสิตากร ผกก.ตชด. 31 ค่ายเจ้าพระยาจักรีพิษณุโลก นำสิ่งของพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มามอบให้ครอบครัวพลนอก โดยนางทองหยิบ เนื้อไม้ อาย 60 ปี พี่สาวของนางชุติกาญจน์รับมอบแทน เนื่องจากนางชุติกาญจน์รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพุทธชินราช
นางทองหยิบ กล่าวว่า เด็กทั้ง 2 คนเป็นเด็กน่ารัก นิสัยดี ขยันขันแข็ง อาศัยอยู่กับมารดาในบ้านหลังดังกล่าว เพียง 3 คน เนื่องจากพ่อแม่แยกทางกัน อีกทั้งมีฐานะยากจน แม่ทำงานเป็นลูกจ้างในร้านหมูกระทะ มีรายได้เพียงเดือนละ 5,000 บาท ก่อนหน้านี้ทั้ง 3 ชีวิตอาศัยอยู่ในเพิงสังกะสีผุพัง ผู้เป็นแม่ก็พยายามดิ้นรนทำงาน ปากกัดตีนถีบ เพื่อจะสร้างบ้านให้ลูก ลูกก็จะช่วยงานทุกอย่าง ทั้งเก็บของเก่ามาขาย แบ่งเบาภาระของแม่ จนสามารถสร้างบ้านหลังนี้ได้สำเร็จ แต่ก็อาศัยอยู่กันอย่างสบายได้ไม่ถึง 2 เดือน ก็มาเกิดเหตุสลดใจขึ้น
ขณะที่นายนพคุณ แถมพยัคฒ์ นายกเทศมนตรีตำบลหัวรอ นำเจ้าหน้าที่และนำอุปกรณ์เต๊นท์ไปกางที่หน้าบ้านเกิดเหตุ โดยกล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่น่าสลดใจมาก บ้านหลังนี้เพิ่งสร้างเสร็จ และครอบครัวนี้ก็อยู่กันตามลำพัง 3 คน ส่วนพ่อเด็กทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งเทศบาลกำลังช่วยเหลือครอบครัวพลนอกอย่างเต็มที่ตามระเบียบที่ช่วยได้ ทั้งซ่อมแซมบ้าน ช่วยทำศพ โดยวงเงินช่วยเหลือของเทศบาลเบื้องต้นประมาณ 50,000 บาท และอาจหาแนวทางช่วยสร้างบ้านให้ใหม่
"รองผู้จัดการกฟภ.พิษณุโลก ได้โทรศัพท์มาสอบถามเหตุการณ์กับผม ซึ่งก็แจ้งให้ทราบว่าถูกเจ้าหน้าที่มาตัดไฟเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 21 พฤษภาคม อีกทั้งแม่เด็กต้องไปทำงานรับจ้างหน้าปากซอย ห่างจากบ้านประมาณ 200 เมตร จึงต้องปล่อยลูกทั้งสองอยู่บ้านตามลำพัง โดยนำเทียนมาจุดส่องสว่าง กระทั่งเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น"
ด้านนางดาลัด ปานโท้ ครูโรงเรียนอนุบาลเทศบาลนครพิษณุโลก (วัดน้อย ) ครูประจำชั้นป. 3 ที่ด.ญ.ณัฐปภาเรียนอยู่ รวมทั้งคณะครูจากชั้นป. 1 และป. 2 ได้เดินทางมาเยี่ยมเยือนให้กำลังใจครอบครัวผู้สูญเสีย และต่างเสียใจที่ลูกศิษย์ต้องมาจบชีวิตอย่างน่าอนาถ โดยคณะครูจะเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพที่วัดมะขามเตี้ย อ.เมือง
รายงานข่าวแจ้งว่า พระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสสัดราชบูรณะ และชมรมสื่อมวลชนจังหวัดพิษณุโลก ได้มอบเงินช่วยเหลือให้นางชุติกาญจน์ ซึ่งพบว่านางชุติกาญจน์อยู่ในอาการโศกเศร้าอย่างหนัก และร้องไห้ตลอดเวลา เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ไฟไหม้บ้านครั้งนี้
สำหรับผู้ใจบุญต้องช่วยเหลือ หรือร่วมทำบุญกับครอบครัวพลนอก ติดต่อได้ที่ เทศบาลตำบลหัวรอ โทร. 055-322-602 หรือนายนพคุณ แถมพยัคฒ์ นายกเทศมนตรีตำบลหัวรอ โทร. 085-541-8899 ฝ่ายประชาสัมพันธ์เทศบาลตำบลหัวรอ 082-395-0095 หรือนายศักดิ์ ทิมพันธ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 11 โทร. 089-460-6498
เมื่อเวลา 00.15 น. วานนี้(22 พ.ค.) พ.ต.ต.สันตศิริ เมตตาวงศ์ พนักงานสอบสวนสภ.เมือง จ.พิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้าน ใกล้กับสี่แยกไทยแอร์โร่ หมู่ 11 ต.หัวรอ อ.เมือง จึงประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลตำบลหัวรอและพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่กู้ภัยข่าวภาพ ไปยังที่เกิดเหตุ
โดยบ้านที่เกิดเหตุเป็นเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว เลขที่ 334 หมู่ 11 ต.หัวรอ อ.เมือง เพลิงได้ลุกโหมไหม้จนทั่วทั้งหลัง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลากว่า 30 นาที จึงควบคุมเพลิงไว้ได้
จากการตรวจสอบในกองเพลิงพบผู้เสียชีวิต 2 ราย สภาพศพนอนกอดกัน เนื้อตัวไหม้เกรียมน่าเวทนา ทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ ด.ช.สัณพิชญ์ พลนอก อายุ 13 ปี สวมกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียว และด.ญ.ณัฐปภา พลนอก อายุ 9 ปี น้องสาว มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย คือ นางชุติกาญจน์ พลนอก อายุ 39 ปี มารดาของผู้เสียชีวิตทั้งสอง แขนทั้งสองข้างถูกเปลวเปลวเพลิงเผาไหม้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยปฐมพยาบาลในเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาล
ด้านนางชุติกาญจน์ ให้การว่า ด.ช.สัณห์พิชญ์ บุตรชายเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนพุทธชินราช ส่วนด.ญ.ณัฐปภา บุตรสาว เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 3 วัดน้อย เมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกัน ขณะที่ตนอยู่ในบ้าน เจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)ได้มาทำการตัดหม้อแปลงไฟบ้านของตน เนื่องจากค้างจ่ายค่าไฟไว้ 441 บาท ซึ่งขณะที่ตัดหม้อแปลงไฟก็ไม่แจ้ง ทั้งที่ตนก็อยู่ในบ้าน จนเมื่อไฟดับจึงทราบว่าถูกตัดไฟ ขณะที่ตนเองก็ไม่มีเวลา และไม่มีเงินที่จะไปจ่ายค่าไฟ
"จนกระทั่งช่วงเย็นลูกทั้งสองกลับมาจากโรงเรียน ก็อยู่ในบ้านตามปกติ จนช่วงเย็นตนต้องไปทำงานที่ร้านหมูกระทะที่อยู่ปากซอย ปล่อยให้ลูกทั้งสองอยู่บ้านตามลำพัง โดยทั้งสองต้องจุดเทียนเพื่อส่องสว่างในการทำการบ้าน ซึ่งตนซื้อเทียนไขกลับมาให้ลูกทั้งสองคนตอนเวลา 21.30 น.และกลับไปทำงานต่อ จนมีเพื่อนบ้านวิ่งไปบอกที่ร้านว่าบ้านถูกไฟไหม้ จึงได้พยายามเข้าไปช่วยลูกทั้งสองคน แต่เปลวเพลิงโหมไหม้รุนแรงมาก ไม่สามารถเข้าไปช่วยได้ ทำให้ลูกทั้งสองคนเสียชีวิตในกองเพลิง"
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า เด็กทั้งสองคนน่าจะจุดเทียนไขในห้องนอน และเผลอหลับไป ซึ่งเทียนอาจจะล้มไปถูกมุ้งก่อน แล้วทำให้ไฟไหม้ลุกลามทั่วทั้งหลัง เป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
เวลา 09.30 น. หลายหน่วยงานเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 334 หมู่ 11 ต.หัวรอ อาทิ พ.ต.อ.เนรมิต ดุสิตากร ผกก.ตชด. 31 ค่ายเจ้าพระยาจักรีพิษณุโลก นำสิ่งของพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มามอบให้ครอบครัวพลนอก โดยนางทองหยิบ เนื้อไม้ อาย 60 ปี พี่สาวของนางชุติกาญจน์รับมอบแทน เนื่องจากนางชุติกาญจน์รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพุทธชินราช
นางทองหยิบ กล่าวว่า เด็กทั้ง 2 คนเป็นเด็กน่ารัก นิสัยดี ขยันขันแข็ง อาศัยอยู่กับมารดาในบ้านหลังดังกล่าว เพียง 3 คน เนื่องจากพ่อแม่แยกทางกัน อีกทั้งมีฐานะยากจน แม่ทำงานเป็นลูกจ้างในร้านหมูกระทะ มีรายได้เพียงเดือนละ 5,000 บาท ก่อนหน้านี้ทั้ง 3 ชีวิตอาศัยอยู่ในเพิงสังกะสีผุพัง ผู้เป็นแม่ก็พยายามดิ้นรนทำงาน ปากกัดตีนถีบ เพื่อจะสร้างบ้านให้ลูก ลูกก็จะช่วยงานทุกอย่าง ทั้งเก็บของเก่ามาขาย แบ่งเบาภาระของแม่ จนสามารถสร้างบ้านหลังนี้ได้สำเร็จ แต่ก็อาศัยอยู่กันอย่างสบายได้ไม่ถึง 2 เดือน ก็มาเกิดเหตุสลดใจขึ้น
ขณะที่นายนพคุณ แถมพยัคฒ์ นายกเทศมนตรีตำบลหัวรอ นำเจ้าหน้าที่และนำอุปกรณ์เต๊นท์ไปกางที่หน้าบ้านเกิดเหตุ โดยกล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่น่าสลดใจมาก บ้านหลังนี้เพิ่งสร้างเสร็จ และครอบครัวนี้ก็อยู่กันตามลำพัง 3 คน ส่วนพ่อเด็กทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งเทศบาลกำลังช่วยเหลือครอบครัวพลนอกอย่างเต็มที่ตามระเบียบที่ช่วยได้ ทั้งซ่อมแซมบ้าน ช่วยทำศพ โดยวงเงินช่วยเหลือของเทศบาลเบื้องต้นประมาณ 50,000 บาท และอาจหาแนวทางช่วยสร้างบ้านให้ใหม่
"รองผู้จัดการกฟภ.พิษณุโลก ได้โทรศัพท์มาสอบถามเหตุการณ์กับผม ซึ่งก็แจ้งให้ทราบว่าถูกเจ้าหน้าที่มาตัดไฟเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 21 พฤษภาคม อีกทั้งแม่เด็กต้องไปทำงานรับจ้างหน้าปากซอย ห่างจากบ้านประมาณ 200 เมตร จึงต้องปล่อยลูกทั้งสองอยู่บ้านตามลำพัง โดยนำเทียนมาจุดส่องสว่าง กระทั่งเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น"
ด้านนางดาลัด ปานโท้ ครูโรงเรียนอนุบาลเทศบาลนครพิษณุโลก (วัดน้อย ) ครูประจำชั้นป. 3 ที่ด.ญ.ณัฐปภาเรียนอยู่ รวมทั้งคณะครูจากชั้นป. 1 และป. 2 ได้เดินทางมาเยี่ยมเยือนให้กำลังใจครอบครัวผู้สูญเสีย และต่างเสียใจที่ลูกศิษย์ต้องมาจบชีวิตอย่างน่าอนาถ โดยคณะครูจะเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพที่วัดมะขามเตี้ย อ.เมือง
รายงานข่าวแจ้งว่า พระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสสัดราชบูรณะ และชมรมสื่อมวลชนจังหวัดพิษณุโลก ได้มอบเงินช่วยเหลือให้นางชุติกาญจน์ ซึ่งพบว่านางชุติกาญจน์อยู่ในอาการโศกเศร้าอย่างหนัก และร้องไห้ตลอดเวลา เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ไฟไหม้บ้านครั้งนี้
สำหรับผู้ใจบุญต้องช่วยเหลือ หรือร่วมทำบุญกับครอบครัวพลนอก ติดต่อได้ที่ เทศบาลตำบลหัวรอ โทร. 055-322-602 หรือนายนพคุณ แถมพยัคฒ์ นายกเทศมนตรีตำบลหัวรอ โทร. 085-541-8899 ฝ่ายประชาสัมพันธ์เทศบาลตำบลหัวรอ 082-395-0095 หรือนายศักดิ์ ทิมพันธ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 11 โทร. 089-460-6498