พิษณุโลก - แทบช็อก แม่วัย 39 ปี ค้างจ่ายค่าไฟ 441 บาท ถูก จนท.ตัดไฟ ตกค่ำต้องออกไปทำงาน ปล่อยลูกชาย-ลูกสาวจุดเทียนทำการบ้านกันตามลำพัง เกิดไฟไหม้บ้านวอดทั้งหลัง แถมลูก 2 คนถูกไฟคลอกเสียชีวิตคากองเพลิง
กลางดึกที่ผ่านมา (21 พ.ค.) พ.ต.ต.สันตศิริ เมตตาวงศ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมือง พิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนย่านสี่แยกไทยแอร์โร่ หมู่ 11 ต.หัวรอ อ.เมืองพิษณุโลก จึงประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลตำบลหัวรอ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยข่าวภาพไปช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ยกพื้นสูง เลขที่ 334 หมู่ 11 ต.หัวรอ อ.เมืองพิษณุโลก กำลังถูกเพลิงลุกไหม้ทั้งหลัง เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลากว่า 30 นาที จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่เมื่อเข้าตรวจสอบภายในบ้าน กลับต้องสลดใจกันทุกคนเมื่อพบร่างมีผู้เสียชีวิตคากองเพลิง 2 ราย โดยทั้งคู่นอนกอดกันเนื้อตัวไหม้เกรียมน่าเวทนา ทราบชื่อผู้ตายต่อมาคือ ด.ช.สัณพิชญ์ พลนอก อายุ 13 ปี สภาพสวมกางเกงขาสั้น และ ด.ญ.ณัฐปภา พลนอก อายุ 9 ปี ทั้ง 2 เป็นพี่น้องกัน
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย คือ นางชุติกาญจน์ พลนอก อายุ 39 ปี มารดาของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายที่รีบเข้าไปช่วยลูกชาย และลูกสาวแต่ไม่ทันการณ์ ทำให้ถูกเปลวเพลิงไหม้ที่แขน
นางชุติกาญจน์ ให้การว่า ด.ช.สัณห์พิชญ์ บุตรชายกำลังเรียนอยู่ ม.2 โรงเรียนพุทธชินราช ส่วน ด.ญ.ณัฐปภา ลูกสาว อยู่ ป.3 โรงเรียนเทศบาล 3 วัดน้อย ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ขณะที่ตนอยู่บ้าน ทางเจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้าได้มาทำการตัดหม้อแปลงไฟ เนื่องจากตนเองลืมจ่ายค่าไฟฟ้าที่ค้างไว้ 441 บาท โดยไม่แจ้งก่อน เมื่อทราบว่าถูกตัดไฟ บังเอิญตนไม่มีเวลา และไม่มีเงินพอจะไปจ่ายค่าไฟ กระทั่งช่วงเย็น ลูกของตนเองทั้งสองได้กลับมาจากโรงเรียนอยู่บ้านพักตามปกติ จากนั้นช่วงเย็นตนต้องไปทำงานที่ร้านหมูกระทะอยู่หน้าปากซอย จึงปล่อยให้ลูกทั้งสองอยู่บ้านพักตามลำพัง โดยเด็กทั้งสองต้องจุดเทียนเพื่อส่องสว่างทำการบ้าน และตนเองจะซื้อเทียนไขกลับมาให้ลูกทั้งสองคนอีกเมื่อเวลา 21.30 น. แล้วกลับไปทำงานต่อ จนมีเพื่อนบ้านวิ่งไปตามว่าบ้านพักถูกไฟไหม้ ตนเองได้พยายามเข้าไปช่วยเหลือลูกทั้งสองคน แต่เปลวเพลิงได้โหมรุนแรงไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ ทำให้ลูกทั้งสองคนเสียชีวิตในกองเพลิง
เจ้าหน้าที่สันนิษฐานเบื้องตน คาดว่าเด็กทั้งสองคนได้จุดเทียนไขในห้องนอน แล้วเผลอหลับไปเทียนอาจล้มใส่มุ้ง จากนั้นไฟลุกลามทั้งหลังจนเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ตำรวจคงต้องสอบสวนหาสาเหตุต่อไป
