ชินคอร์ปฯรูดเกือบ4% หลังหลุดMSCI จากเหตุสัญชาติผู้ถือหุ้นใหญ่ของ “แอสเพน” ไม่ชัดเจน ทำให้เหลือสัดส่วนต่างชาติเข้ามาถือหุ้นได้น้อย กดดันนักลงทุนแห่ขายทิ้งทำกำไรและลดความเสี่ยง ด้านโบรกฯแนะขาย ก่อนกองทุนหุ้นปรับพอร์ตลดสัดส่วน หลังราคาเด้งรับข่าวขึ้นไปมาก ล่าสุดหุ้นไทยร่วง12จุดจากแรงขายกลุ่มสื่อสาร จับตาประเด็นสำคัญเฟดในเรื่องQE กำหนดอนาคตดัชนีร่วงหรือพุ่ง
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ออกมาระบุว่า MSCI ได้มีการพิจารณนำหลักทรัพย์ของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (INTUCH) ออกจากการเข้ารวมคำนวณในดัชนี MSCI Global Standard Indices แล้ว จากเดิมหุ้นดังกล่าวจะถูกนำไปคำนวณร่วมกับ อีก 3 หลักทรัพย์ที่เข้าใหม่ ได้แก่ บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) และ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 มิถุนายนนี้
ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าว ตลท. ได้ชี้แจงข้อมูลที่เกี่ยวข้องไปยัง MSCI แล้ว โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับสัญชาติของผู้ถือหุ้นรายใดรายหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเป็นการทั่วไปได้ อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงมีผลให้เกิดการเทขายหุ้นINTUCH ออกมาจำนวนมาก โดยปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 93.00บาท ลดลง 3.75 บาท หรือคิดเป็น 3.88% มูลค่าซื้อขาย 6,166.36 ล้านบาท
สำหรับประเด็นที่MSCI ระงับการนำINTUCH เข้าคำนวณดัชนีฯ มาจากสถานะของ บริษัทแอสเพน โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในนามของเทมาเส็ก ในบมจ.ชินคอร์ป สัดส่วน 41.62% ว่า เพราะไม่มีความแน่ชัดว่าบริษัทดังกล่าวเป็นนิติบุคคลไทย หรือต่างประเทศ โดยหากมีการตีความว่าเป็นนิติบุคคลต่างประเทศจริง จะส่งผลให้INTUCHขาดคุณสมบัติด้านการกระจายหุ้น(ฟรีโฟลต)หรือสภาพคล่อง จนทำให้ต่างชาติเข้าไปถือหุ้นได้น้อยลง เพราะตามกฎหมาย โทรคมนาคม กำหนดให้ต่างชาติสามารถถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% ทำให้ไม่เหลือพื้นที่ให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นได้อีก
ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น นักวิเคราะห์เชื่อว่า จึงมีแรงเทขายจากเม็ดเงินที่เข้ามาเก็งกำไรราคาหุ้นชินคอร์ปฯ ในช่วงก่อนหน้าที่MSCI จะประกาศนำหุ้นเข้าคำนวณดัชนี และหลังจากที่มีการประกาศออกมาแล้ว เพราะหลายฝ่ายเชื่อว่าเมื่อเริ่มมีการบังคับใช้จริงในวันที่ 1มิ.ย. กองทุนหุ้นต่างประเทศหลายแห่งจะปรับพอร์ตเข้ามาเพิ่มสัดส่วนลงทุนในINTUCH มากขึ้น แต่เมื่อไม่เป็นไปตามคาดการณ์ จึงเกิดแรงเทขายออกมาก
“บางคนได้กำไรไปแล้วในระดับหนึ่งจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วง88 บาท เพราะข่าวMSCI จะนำหุ้นไปคำนวณดัชนีมีการพูดถึงมาก ดังนั้นเมื่อทุกอย่างชะงักไม่เป็นไปตามคาดจึงมีการเทขายออกมา แล้วโยกเงินไปสู่หุ้นตัวอื่นๆแทน”
บทวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส ระบุว่า INTUCH ไม่ได้ถูกนำเข้าคำนวณ MSCI ราคาหุ้นปัจจุบันแพงไป จึงแนะนำขายทำกำไรระยะสั้น เนื่องจาก free-float adjusted market cap. น้อยกว่า 1.8 เท่าของ free-float adjusted
market cap. ขั้นต่ำที่ MSCI กำหนด ขณะที่ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เชื่อว่าแรงขายในหุ้นชินคอร์ปฯ บางส่วนได้ไหลเข้ามาในหุ้นของ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เพื่อเข้าพักในช่วงสั้น
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ของบมจ.ชิน คอ์ปอเรชั่น ณ วันที่ 9เม.ย. 2556 พบว่า แอสเพน โอลดิ้งส์ ถือหุ้น 41.62% ตามาด้วย ซีดาร์ โฮลดิ้ง 13.35% ไทยเอ็นวีดีอาร์ 13.11% CHASE NOMINEES LIMITED 28 ถือ 0.81% และ STATE STREET BANK EUROPE LIMITED ถือ 0.78%
**หุ้นไทยรูด12จุดแรงขายชินคอร์ป-ทรู
ความเคลื่อนไหวตาดหุ้นไทยวานนี้(22พ.ค.) ปิดที่ระดับ 1,631.27 จุด ลดลง 12.16 จุด-0.74% มูลค่าการซื้อขาย 73,247.37 ล้านบาท ภาพรวมเกิดแรงเทขายหุ้นกลุ่มสื่อสาร โดยเฉพาะ INTUCH ที่ออกจากการคำนวณ MSCI และ TRUE ที่มีแนวโน้มการเพิ่มทุน อีกทั้งนักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจน การประชุมFOMC ว่าประธานเฟดจะมีการแถลงออกมาอย่างไรเกี่ยวกับการลดวงเงินการซื้อพันธบัตร ถ้าผลออกมาในเชิงลบจะส่งผลให้ตลาดมีโอกาสปรับตัวลงต่อ แต่ถ้าผลออกมาในเชิงบวกตลาดก็มีโอกาสสามารถพลิกกลับมาเป็นบวกได้
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ออกมาระบุว่า MSCI ได้มีการพิจารณนำหลักทรัพย์ของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (INTUCH) ออกจากการเข้ารวมคำนวณในดัชนี MSCI Global Standard Indices แล้ว จากเดิมหุ้นดังกล่าวจะถูกนำไปคำนวณร่วมกับ อีก 3 หลักทรัพย์ที่เข้าใหม่ ได้แก่ บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) และ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 มิถุนายนนี้
ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าว ตลท. ได้ชี้แจงข้อมูลที่เกี่ยวข้องไปยัง MSCI แล้ว โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับสัญชาติของผู้ถือหุ้นรายใดรายหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเป็นการทั่วไปได้ อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงมีผลให้เกิดการเทขายหุ้นINTUCH ออกมาจำนวนมาก โดยปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 93.00บาท ลดลง 3.75 บาท หรือคิดเป็น 3.88% มูลค่าซื้อขาย 6,166.36 ล้านบาท
สำหรับประเด็นที่MSCI ระงับการนำINTUCH เข้าคำนวณดัชนีฯ มาจากสถานะของ บริษัทแอสเพน โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในนามของเทมาเส็ก ในบมจ.ชินคอร์ป สัดส่วน 41.62% ว่า เพราะไม่มีความแน่ชัดว่าบริษัทดังกล่าวเป็นนิติบุคคลไทย หรือต่างประเทศ โดยหากมีการตีความว่าเป็นนิติบุคคลต่างประเทศจริง จะส่งผลให้INTUCHขาดคุณสมบัติด้านการกระจายหุ้น(ฟรีโฟลต)หรือสภาพคล่อง จนทำให้ต่างชาติเข้าไปถือหุ้นได้น้อยลง เพราะตามกฎหมาย โทรคมนาคม กำหนดให้ต่างชาติสามารถถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% ทำให้ไม่เหลือพื้นที่ให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นได้อีก
ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น นักวิเคราะห์เชื่อว่า จึงมีแรงเทขายจากเม็ดเงินที่เข้ามาเก็งกำไรราคาหุ้นชินคอร์ปฯ ในช่วงก่อนหน้าที่MSCI จะประกาศนำหุ้นเข้าคำนวณดัชนี และหลังจากที่มีการประกาศออกมาแล้ว เพราะหลายฝ่ายเชื่อว่าเมื่อเริ่มมีการบังคับใช้จริงในวันที่ 1มิ.ย. กองทุนหุ้นต่างประเทศหลายแห่งจะปรับพอร์ตเข้ามาเพิ่มสัดส่วนลงทุนในINTUCH มากขึ้น แต่เมื่อไม่เป็นไปตามคาดการณ์ จึงเกิดแรงเทขายออกมาก
“บางคนได้กำไรไปแล้วในระดับหนึ่งจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วง88 บาท เพราะข่าวMSCI จะนำหุ้นไปคำนวณดัชนีมีการพูดถึงมาก ดังนั้นเมื่อทุกอย่างชะงักไม่เป็นไปตามคาดจึงมีการเทขายออกมา แล้วโยกเงินไปสู่หุ้นตัวอื่นๆแทน”
บทวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส ระบุว่า INTUCH ไม่ได้ถูกนำเข้าคำนวณ MSCI ราคาหุ้นปัจจุบันแพงไป จึงแนะนำขายทำกำไรระยะสั้น เนื่องจาก free-float adjusted market cap. น้อยกว่า 1.8 เท่าของ free-float adjusted
market cap. ขั้นต่ำที่ MSCI กำหนด ขณะที่ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เชื่อว่าแรงขายในหุ้นชินคอร์ปฯ บางส่วนได้ไหลเข้ามาในหุ้นของ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เพื่อเข้าพักในช่วงสั้น
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ของบมจ.ชิน คอ์ปอเรชั่น ณ วันที่ 9เม.ย. 2556 พบว่า แอสเพน โอลดิ้งส์ ถือหุ้น 41.62% ตามาด้วย ซีดาร์ โฮลดิ้ง 13.35% ไทยเอ็นวีดีอาร์ 13.11% CHASE NOMINEES LIMITED 28 ถือ 0.81% และ STATE STREET BANK EUROPE LIMITED ถือ 0.78%
**หุ้นไทยรูด12จุดแรงขายชินคอร์ป-ทรู
ความเคลื่อนไหวตาดหุ้นไทยวานนี้(22พ.ค.) ปิดที่ระดับ 1,631.27 จุด ลดลง 12.16 จุด-0.74% มูลค่าการซื้อขาย 73,247.37 ล้านบาท ภาพรวมเกิดแรงเทขายหุ้นกลุ่มสื่อสาร โดยเฉพาะ INTUCH ที่ออกจากการคำนวณ MSCI และ TRUE ที่มีแนวโน้มการเพิ่มทุน อีกทั้งนักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจน การประชุมFOMC ว่าประธานเฟดจะมีการแถลงออกมาอย่างไรเกี่ยวกับการลดวงเงินการซื้อพันธบัตร ถ้าผลออกมาในเชิงลบจะส่งผลให้ตลาดมีโอกาสปรับตัวลงต่อ แต่ถ้าผลออกมาในเชิงบวกตลาดก็มีโอกาสสามารถพลิกกลับมาเป็นบวกได้