“สยามพิวรรธน์” เผยเบื้องหลังความสำเร็จจากการปรับโฉมใหม่ส่งผลให้ “สยามเซ็นเตอร์-สยามพารากอน-สยามดิสคัพเวอรี่” กำหนดกลุ่มลูกค้าชัดเจนขึ้น เดินหน้าสร้างความต่างสยามเซ็นเตอร์ด้วยการทุ่มงบ 200 ล้านบาทจัดนิทรรศการรวบรวมสินค้าและผลงานการออกแบบสินค้าแฟชั่นชื่อดัง พร้อมจัดปาร์ตี้ใหญ่วันที่ 31 พ.ค.56ชวนลูกค้าร่วมฉลองความสำเร็จกับสินค้าลดราคาพิเศษ 25 % ตั้งแต่หกโมงเย็นถึงเที่ยงคืน
นางกันยารัตน์ โชคอุ่นกิจ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายพัฒนาธุรกิจและโครงการ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และพาราไดซ์พาร์ค เปิดเผยว่า จากการเปิดตัวรูปโฉมใหม่ของ “สยามเซ็นเตอร์” ภายใต้แนวคิด “เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์” หรือ The Ideapolis เมื่อวันที่ 11 ม.ค.56 นับเป็นการยกระดับวงการค้าปลีกไทยในทุกด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของการปฏิวัติรูปแบบใหม่ของศูนย์การค้าที่ไม่ได้นำเสนอเพียงแค่สินค้า แต่เป็นศูนย์กลางแห่งจินตนาการและงานสร้างสรรค์การออกแบบอย่างไร้ขีดจำกัด ด้วยการนำเสนอประสบการณ์ด้านแฟชั่น ศิลปะ เทคโนโลยี และไลฟ์สไตล์ที่ลูกค้าไม่เคยพบจากที่ใดมาก่อน
การปรับโฉมของสยามเซ็นเตอร์ครั้งนี้จึงทำให้การกำหนดตำแหน่งทางการตลาดของศูนย์การค้าทั้ง 3 แห่งมีความแตกต่างอย่างชัดเจนและครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกระดับ คิดเป็นสัดส่วนคนไทยประมาณ 60-65% ต่างชาติประมาณ 35-40% โดยในส่วนของสยามพารากอนถือเป็นศูนย์การค้าสำหรับครอบครัวครอบคลุมทุกระดับตั้งแต่กลุ่มลูกค้าทั่วไปจนถึงลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง มีผู้ใช้บริการเฉลี่ย 2 แสนคนต่อวัน ขณะที่สยามดิสคัพเวอรี่เป็นศูนย์การค้าที่เหมาะสำหรับผู้นิยมไลฟ์สไตล์สบายๆ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าผู้ชายวัยทำงาน มีผู้ใช้บริการเฉลี่ย 5 หมื่นคนต่อวัน
“ขณะที่สยามเซ็นเตอร์มีการปรับภาพลักษณ์อย่างชัดเจนจากศูนย์การค้าสำหรับวัยรุ่นเป็นศูนย์การค้าสำหรับคนสมัยใหม่จนถึงมีอายุ 40 ปีขึ้นไปที่ยังคงมีหัวใจวัยรุ่นและต้องการความทันสมัยในเรื่องของแฟชั่น ศิลปะ เทคโนโลยี และไลฟ์สไตล์ด้านต่างๆ โดยหลังจากการปรับโฉมครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น1.5แสนคนต่อวัน และสูงสุดถึง 2แสนคนต่อวันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์”
หัวใจแห่งความสำเร็จของการปรับโฉมสยามเซ็นเตอร์ส่วนหนึ่งเกิดจากปรากฏการณ์ใหม่ที่ทรงพลังที่สุดในวงการค้าปลีกที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนนั่นคือ การทำงานอย่างใกล้ชิดตลอด 18 เดือนกับผู้ค้าและแบรนด์ต่างๆ ทั้งแบรนด์ดังระดับโลก ฟาสต์ฟอร์เวิร์ดแฟชั่น รวมถึงแบรนด์ไทยต่างๆ เพื่อทำให้ร้านค้าทั้งหมดในสยามเซ็นเตอร์โฉมใหม่มีการออกแบบตกแต่งและสร้างสรรค์นิวโปรโตไทป์ใหม่ และการจัดดิสเพลย์ในรูปแบบใหม่ทั้งหมดและไม่เคยมีในศูนย์การค้า หรือห้างสรรพสินค้าใดมาก่อน โดยร้านค้าบางส่วนยังมีการนำเสนอเป็นแฟล็กชิพสโตร์ร้านแรกในประเทศไทยที่สยามเซ็นเตอร์ภายใต้แนวคิด “BE THE FIRST” พร้อมกันนั้นยังมีการนำเสนอสินค้าและบริการที่เป็น Absolute Siam ซึ่งมีจำหน่ายที่สยามเซ็นเตอร์เพียงแห่งเดียวเท่านั้น
“สำหรับงบประมาณการตลาดของสยามเซ็นเตอร์ได้กำหนดเป็นงบประมาณเฉพาะสำหรับแคมเปญ หรืออีเว้นท์ต่างๆ โดยขณะนี้บริษัทเตรียมใช้งบประมาณ 200 ล้านบาทสำหรับช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค.ศกนี้เพื่อจัดนิทรรศการ Idea Avenue : Collaborations ซึ่งเป็นนิทรรศการที่แสดงพลังความร่วมมือที่หลากหลายและมีจำนวนมากที่สุดที่เคยมีมาโดยเปิดโอกาสให้ทุกคนร่วมเป็นกลุ่ม Be The First หรือคนกลุ่มแรกที่ได้สัมผัสและชมนิทรรศการที่รวบรวมสินค้าและผลงานการออกแบบในลักษณะการร่วมมือของแบรนด์และนักออกแบบชื่อดังที่ได้รวบรวมจากนักสะสมรวมจำนวนกว่า 100 ชิ้น”
ในวันศุกร์ที่ 31 พ.ค.56ตั้งแต่เวลา 18.00-24.00 น. ยังจะมีการจัดงานปาร์ตี้สุดพิเศษเชิญชวนลูกค้าร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จร่วมกันกับกิจกรรมและความบันเทิงที่จัดเตรียมไว้อย่างเต็มที่ ในงาน “Siam Center Collaborations : Celebration Party” โดยภายในงานนอกจากมหกรรมบันเทิงมากมายจากดาราศิลปินระดับท็อปของไทย อาทิ ณเดชน์ คูกิมิยะ, คริส หอวัง, ลุลา, วงบอยแบรนด์ Mild และ จีน กษิดิษ เป็นต้น โดยร้านค้าทุกร้านยังพร้อมใจลดราคาพิเศษสูงสุด 25% โดยผู้มาร่วมงานยังมีสิทธิ์รับโปรโมชั่นสุดเซอร์ไพรส์ พร้อมของสมนาคุณอีกมากมาย
ปัจจุบันสยามเซ็นเตอร์มีร้านค้าในลักษณะ Open Space, Retail, Inter Brand และ Multi Brandทั้งหมดประมาณ 200 ร้านค้า โดยยังคงมีพื้นที่อีกส่วนหนึ่งเพื่อรองรับกับผู้สนใจรายใหม่ที่จะมาเปิดให้บริการทั้งในช่วงครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลัง
นางกันยารัตน์ โชคอุ่นกิจ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายพัฒนาธุรกิจและโครงการ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และพาราไดซ์พาร์ค เปิดเผยว่า จากการเปิดตัวรูปโฉมใหม่ของ “สยามเซ็นเตอร์” ภายใต้แนวคิด “เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์” หรือ The Ideapolis เมื่อวันที่ 11 ม.ค.56 นับเป็นการยกระดับวงการค้าปลีกไทยในทุกด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของการปฏิวัติรูปแบบใหม่ของศูนย์การค้าที่ไม่ได้นำเสนอเพียงแค่สินค้า แต่เป็นศูนย์กลางแห่งจินตนาการและงานสร้างสรรค์การออกแบบอย่างไร้ขีดจำกัด ด้วยการนำเสนอประสบการณ์ด้านแฟชั่น ศิลปะ เทคโนโลยี และไลฟ์สไตล์ที่ลูกค้าไม่เคยพบจากที่ใดมาก่อน
การปรับโฉมของสยามเซ็นเตอร์ครั้งนี้จึงทำให้การกำหนดตำแหน่งทางการตลาดของศูนย์การค้าทั้ง 3 แห่งมีความแตกต่างอย่างชัดเจนและครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกระดับ คิดเป็นสัดส่วนคนไทยประมาณ 60-65% ต่างชาติประมาณ 35-40% โดยในส่วนของสยามพารากอนถือเป็นศูนย์การค้าสำหรับครอบครัวครอบคลุมทุกระดับตั้งแต่กลุ่มลูกค้าทั่วไปจนถึงลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง มีผู้ใช้บริการเฉลี่ย 2 แสนคนต่อวัน ขณะที่สยามดิสคัพเวอรี่เป็นศูนย์การค้าที่เหมาะสำหรับผู้นิยมไลฟ์สไตล์สบายๆ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าผู้ชายวัยทำงาน มีผู้ใช้บริการเฉลี่ย 5 หมื่นคนต่อวัน
“ขณะที่สยามเซ็นเตอร์มีการปรับภาพลักษณ์อย่างชัดเจนจากศูนย์การค้าสำหรับวัยรุ่นเป็นศูนย์การค้าสำหรับคนสมัยใหม่จนถึงมีอายุ 40 ปีขึ้นไปที่ยังคงมีหัวใจวัยรุ่นและต้องการความทันสมัยในเรื่องของแฟชั่น ศิลปะ เทคโนโลยี และไลฟ์สไตล์ด้านต่างๆ โดยหลังจากการปรับโฉมครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น1.5แสนคนต่อวัน และสูงสุดถึง 2แสนคนต่อวันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์”
หัวใจแห่งความสำเร็จของการปรับโฉมสยามเซ็นเตอร์ส่วนหนึ่งเกิดจากปรากฏการณ์ใหม่ที่ทรงพลังที่สุดในวงการค้าปลีกที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนนั่นคือ การทำงานอย่างใกล้ชิดตลอด 18 เดือนกับผู้ค้าและแบรนด์ต่างๆ ทั้งแบรนด์ดังระดับโลก ฟาสต์ฟอร์เวิร์ดแฟชั่น รวมถึงแบรนด์ไทยต่างๆ เพื่อทำให้ร้านค้าทั้งหมดในสยามเซ็นเตอร์โฉมใหม่มีการออกแบบตกแต่งและสร้างสรรค์นิวโปรโตไทป์ใหม่ และการจัดดิสเพลย์ในรูปแบบใหม่ทั้งหมดและไม่เคยมีในศูนย์การค้า หรือห้างสรรพสินค้าใดมาก่อน โดยร้านค้าบางส่วนยังมีการนำเสนอเป็นแฟล็กชิพสโตร์ร้านแรกในประเทศไทยที่สยามเซ็นเตอร์ภายใต้แนวคิด “BE THE FIRST” พร้อมกันนั้นยังมีการนำเสนอสินค้าและบริการที่เป็น Absolute Siam ซึ่งมีจำหน่ายที่สยามเซ็นเตอร์เพียงแห่งเดียวเท่านั้น
“สำหรับงบประมาณการตลาดของสยามเซ็นเตอร์ได้กำหนดเป็นงบประมาณเฉพาะสำหรับแคมเปญ หรืออีเว้นท์ต่างๆ โดยขณะนี้บริษัทเตรียมใช้งบประมาณ 200 ล้านบาทสำหรับช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค.ศกนี้เพื่อจัดนิทรรศการ Idea Avenue : Collaborations ซึ่งเป็นนิทรรศการที่แสดงพลังความร่วมมือที่หลากหลายและมีจำนวนมากที่สุดที่เคยมีมาโดยเปิดโอกาสให้ทุกคนร่วมเป็นกลุ่ม Be The First หรือคนกลุ่มแรกที่ได้สัมผัสและชมนิทรรศการที่รวบรวมสินค้าและผลงานการออกแบบในลักษณะการร่วมมือของแบรนด์และนักออกแบบชื่อดังที่ได้รวบรวมจากนักสะสมรวมจำนวนกว่า 100 ชิ้น”
ในวันศุกร์ที่ 31 พ.ค.56ตั้งแต่เวลา 18.00-24.00 น. ยังจะมีการจัดงานปาร์ตี้สุดพิเศษเชิญชวนลูกค้าร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จร่วมกันกับกิจกรรมและความบันเทิงที่จัดเตรียมไว้อย่างเต็มที่ ในงาน “Siam Center Collaborations : Celebration Party” โดยภายในงานนอกจากมหกรรมบันเทิงมากมายจากดาราศิลปินระดับท็อปของไทย อาทิ ณเดชน์ คูกิมิยะ, คริส หอวัง, ลุลา, วงบอยแบรนด์ Mild และ จีน กษิดิษ เป็นต้น โดยร้านค้าทุกร้านยังพร้อมใจลดราคาพิเศษสูงสุด 25% โดยผู้มาร่วมงานยังมีสิทธิ์รับโปรโมชั่นสุดเซอร์ไพรส์ พร้อมของสมนาคุณอีกมากมาย
ปัจจุบันสยามเซ็นเตอร์มีร้านค้าในลักษณะ Open Space, Retail, Inter Brand และ Multi Brandทั้งหมดประมาณ 200 ร้านค้า โดยยังคงมีพื้นที่อีกส่วนหนึ่งเพื่อรองรับกับผู้สนใจรายใหม่ที่จะมาเปิดให้บริการทั้งในช่วงครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลัง
