ASTV ผู้จัดการรายวัน - ผบช.น. ถกชุดสืบฯ คลี่ปมคดีคนร้ายปาลูกเปตอง และประทัดยักษ์ใส่ป้อมนสพ.ไทยรัฐ คดียังไม่คืบเท่าที่ควร รอผลพิสูจน์รอยนิ้วมือแฝงบนลูกเปตอง จ่อสรุปมือที่ 3 สร้างสถานการณ์โยงการเมืองใส่ร้ายรัฐบาล
วานนี้ (13 พ.ค.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น.รับผิดชอบงานด้านการสืบสวน และ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ รอง ผบช.น. ได้เรียกประชุมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่สังกัดกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ชุดสืบสวนกองบังคับการสืบสวนนครบาล ฝ่ายสืบสวน สน.บางซื่อ และเจ้าหน้าที่ สน.บางซื่อ เพื่อเร่งรัดการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีคนร้ายปาลูกเปตอง และประทัดยักษ์ใส่ป้อม รปภ.สำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เลขที่ 1 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. ทำให้กระจกแตกเสียหาย เมื่อกลางดึกวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา บริเวณทางเข้าออกประตู 3 ฝั่งถนนวิภาวดีรังสิต ภายหลังมอบหมายฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่รวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ และพื้นที่ใกล้เคียง และเกาะรอยรูปพรรณสันฐานคนร้ายจากกล้องวงจรปิดจุดต่างๆ และสอบปากคำพยานแวดล้อมที่เห็นเหตุการณ์ โดยที่ประชุมจะนำรายละเอียดต่างๆ และตรวจสอบพยานหลักฐานที่รวบรวมเได้ประมวลเข้ากับผลการตรวจสอบชนิด และที่มาของชิ้นส่วนประทัดยักษ์จากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อหาสาเหตุการกระทำดังกล่าว และสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป ซึ่งจะมีความชัดเจนในส่วนของคนร้ายที่ก่อเหตุมากขึ้น เบื้องต้นพยานยืนยันว่าคนร้ายเป็นชาย 4 คน สวมหมวกกันน็อกขี่จักรยานยนต์มา 2 คัน ปาลูกเปตองเข้ามาในป้อมยาม และโยนประทัดยักษ์เข้าไป
ผบช.น.กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่าเป็นการพยายามสร้างสถานการณ์ โดยไม่มีเจตนาทำร้ายใคร ดูแล้วคนร้ายน่าจะเป็นมือที่ 3 ที่ต้องการพยายามโยงให้เป็นประเด็นทางการเมืองเพื่อให้คนทั่วไปมองว่ารัฐบาลอยู่เบื้องหลังการคุกคามต่างๆ ตอนนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานได้พอสมควรแล้ว รวมถึงวัตถุพยานต่างๆ ต้องรอเปรียบเทียบผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์กับหลักฐานอีกครั้ง เชื่อว่าบ่ายวันนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น
ด้านพล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี กล่าวว่า สำหรับแนวทางการสืบสวน ตำรวจได้รวบรวมพฤติกรรมคนร้ายที่ก่อเหตุในรูปแบบต่างๆ เพื่อเป็นฐานข้อมูลโดยเฉพาะการที่คนร้ายใช้ประทัดยักษ์ และลูกเปตอง เพื่อเป็นแนวทางการสืบสวนให้แคบลง ส่วนข้อหาที่จะแจ้งกับคนร้ายเบื้องต้นเป็นข้อหาบุกรุกยามวิกาล และทำให้เสียทรัพย์ ส่วนข้อหาก่อให้เกิดระเบิดต้องรอการสรุปจากกองพิสูจน์หลักฐาน ตร.ก่อนว่าเป็นระเบิดชนิดใด หรือเป็นประทัดยักษ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้า ที่หน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐมีกลุ่มคนไทยหัวใจรักสงบ จำนวน 30 คน นำแจกันดอกไม้ และดอกไม้มาเพื่อเป็นกำลังใจให้กับชัย ราชวัตร ในการทำงานต่อไป โดยมี นายสุนทร ทาซ้าย บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เป็นผู้รับมอบแจกันเพื่อส่งต่อตามวัตถุประสงค์ของผู้มาให้กำลังใจต่อไป ซึ่งเหตุการณ์เป็นไปอย่างสงบ โดยที่หน้าประตูทางเข้าป้อม รปภ.ที่ถูกปาประทัดยักษ์นั้นทาง สน.บางซื่อได้นำรถสายตรวจ 1 คัน และโป๊ะไฟด่านตรวจมาตั้งไว้ ส่วน รปภ.ไทยรัฐใช้รถจักรยาน ปั่นตรวจตราอย่างต่อเนื่อง
***เรียกแพะแฮกเว็บให้ปากคำ14พ.ค.
พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผู้บังคับการกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท.เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนเรียกนายณรงค์ฤทธิ์ สุขสาร หรือ "ตาเล็กวินโดว์ 98 เอสอี" ผู้ต้องสงสัยแฮกข้อมูลเว็บไซด์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มาให้ปากคำกับเพิ่มเติมในวันนี้ เวลา 10.00 น.หลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคอมพิวเตอร์ที่ยึดได้จากบ้านพักและที่ทำงานของนายณรงค์ฤทธิ์พบมีไอพีแอดเดรสเคยลักลอบเจาะเข้าไปในฐานข้อมูลเว็บไซด์ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
พล.ต.ต.พิสิษฐ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังขอให้กลุ่มอัลลิมิเต็ดแฮกทีมซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความเกี่ยวข้องกับนายณรงค์ฤทธิ์ รีบมาให้ปากคำกับตำรวจโดยเร็ว เพราะขณะนี้ตำรวจมีหลักฐานความเชื่อมโยงว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับการแฮกเว็บไซด์ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเช่นกัน ซึ่งหากรวบรวมหลักฐานได้ครบถ้วนเมื่อใดจะดำเนินการออกหมายจับทันที
วานนี้ (13 พ.ค.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น.รับผิดชอบงานด้านการสืบสวน และ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ รอง ผบช.น. ได้เรียกประชุมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่สังกัดกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ชุดสืบสวนกองบังคับการสืบสวนนครบาล ฝ่ายสืบสวน สน.บางซื่อ และเจ้าหน้าที่ สน.บางซื่อ เพื่อเร่งรัดการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีคนร้ายปาลูกเปตอง และประทัดยักษ์ใส่ป้อม รปภ.สำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เลขที่ 1 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. ทำให้กระจกแตกเสียหาย เมื่อกลางดึกวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา บริเวณทางเข้าออกประตู 3 ฝั่งถนนวิภาวดีรังสิต ภายหลังมอบหมายฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่รวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ และพื้นที่ใกล้เคียง และเกาะรอยรูปพรรณสันฐานคนร้ายจากกล้องวงจรปิดจุดต่างๆ และสอบปากคำพยานแวดล้อมที่เห็นเหตุการณ์ โดยที่ประชุมจะนำรายละเอียดต่างๆ และตรวจสอบพยานหลักฐานที่รวบรวมเได้ประมวลเข้ากับผลการตรวจสอบชนิด และที่มาของชิ้นส่วนประทัดยักษ์จากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อหาสาเหตุการกระทำดังกล่าว และสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป ซึ่งจะมีความชัดเจนในส่วนของคนร้ายที่ก่อเหตุมากขึ้น เบื้องต้นพยานยืนยันว่าคนร้ายเป็นชาย 4 คน สวมหมวกกันน็อกขี่จักรยานยนต์มา 2 คัน ปาลูกเปตองเข้ามาในป้อมยาม และโยนประทัดยักษ์เข้าไป
ผบช.น.กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่าเป็นการพยายามสร้างสถานการณ์ โดยไม่มีเจตนาทำร้ายใคร ดูแล้วคนร้ายน่าจะเป็นมือที่ 3 ที่ต้องการพยายามโยงให้เป็นประเด็นทางการเมืองเพื่อให้คนทั่วไปมองว่ารัฐบาลอยู่เบื้องหลังการคุกคามต่างๆ ตอนนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานได้พอสมควรแล้ว รวมถึงวัตถุพยานต่างๆ ต้องรอเปรียบเทียบผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์กับหลักฐานอีกครั้ง เชื่อว่าบ่ายวันนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น
ด้านพล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี กล่าวว่า สำหรับแนวทางการสืบสวน ตำรวจได้รวบรวมพฤติกรรมคนร้ายที่ก่อเหตุในรูปแบบต่างๆ เพื่อเป็นฐานข้อมูลโดยเฉพาะการที่คนร้ายใช้ประทัดยักษ์ และลูกเปตอง เพื่อเป็นแนวทางการสืบสวนให้แคบลง ส่วนข้อหาที่จะแจ้งกับคนร้ายเบื้องต้นเป็นข้อหาบุกรุกยามวิกาล และทำให้เสียทรัพย์ ส่วนข้อหาก่อให้เกิดระเบิดต้องรอการสรุปจากกองพิสูจน์หลักฐาน ตร.ก่อนว่าเป็นระเบิดชนิดใด หรือเป็นประทัดยักษ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้า ที่หน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐมีกลุ่มคนไทยหัวใจรักสงบ จำนวน 30 คน นำแจกันดอกไม้ และดอกไม้มาเพื่อเป็นกำลังใจให้กับชัย ราชวัตร ในการทำงานต่อไป โดยมี นายสุนทร ทาซ้าย บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เป็นผู้รับมอบแจกันเพื่อส่งต่อตามวัตถุประสงค์ของผู้มาให้กำลังใจต่อไป ซึ่งเหตุการณ์เป็นไปอย่างสงบ โดยที่หน้าประตูทางเข้าป้อม รปภ.ที่ถูกปาประทัดยักษ์นั้นทาง สน.บางซื่อได้นำรถสายตรวจ 1 คัน และโป๊ะไฟด่านตรวจมาตั้งไว้ ส่วน รปภ.ไทยรัฐใช้รถจักรยาน ปั่นตรวจตราอย่างต่อเนื่อง
***เรียกแพะแฮกเว็บให้ปากคำ14พ.ค.
พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผู้บังคับการกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท.เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนเรียกนายณรงค์ฤทธิ์ สุขสาร หรือ "ตาเล็กวินโดว์ 98 เอสอี" ผู้ต้องสงสัยแฮกข้อมูลเว็บไซด์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มาให้ปากคำกับเพิ่มเติมในวันนี้ เวลา 10.00 น.หลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคอมพิวเตอร์ที่ยึดได้จากบ้านพักและที่ทำงานของนายณรงค์ฤทธิ์พบมีไอพีแอดเดรสเคยลักลอบเจาะเข้าไปในฐานข้อมูลเว็บไซด์ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
พล.ต.ต.พิสิษฐ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังขอให้กลุ่มอัลลิมิเต็ดแฮกทีมซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความเกี่ยวข้องกับนายณรงค์ฤทธิ์ รีบมาให้ปากคำกับตำรวจโดยเร็ว เพราะขณะนี้ตำรวจมีหลักฐานความเชื่อมโยงว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับการแฮกเว็บไซด์ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเช่นกัน ซึ่งหากรวบรวมหลักฐานได้ครบถ้วนเมื่อใดจะดำเนินการออกหมายจับทันที
