“เอสซีจี” เดินหน้าลดส่งออกปูนซิเมนต์ หลังต้นทุนค่าขนส่งพุ่งต่อเนื่อง เล็งผุดโรงงานต่างประเทศเพื่อนบ้านพม่า-ลาว พร้อมลุยขยายไลน์การผลิตโรงงานปูนซิเมนต์กัมพูชา ไลน์ที่2 หลังดีมานด์ในตลาดพุ่งเหตุกลุ่มประเทศอาเซี่ยนเร่งขยายงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในประเทศรองรับการเปิดAEC มั่นใจเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยนได้เปรียบคู่แข่ง ชูระบบการตลาด System Solution บริการหลังการขายและสินค้าครบวงจรเบียดชนะคู่แข่งได้
นายสยสมรัฐ สุทธานุกูล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด Structural Business บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ในเครือSCG กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการลดปริมาณการส่งออกปูนซิเมนต์ไปตลาดต่างประเทศ โดยในขณะนี้บริษัทส่งออกปูนซิเมนต์เฉพาะในส่วนของกำลังผลิตส่วนเกินออกไปขาย ซึ่งคาดว่ากำลังการผลิตส่วนเกิดดังกล่าวจะถูกซับพอร์ตจากดีมานด์ในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง คาดว่าในระยะเวลาประมาณ3ปีนี้ กำลังผลิตส่วนเกินจะถูกซับพอร์โดยดีมานด์ใหม่ๆหมดไป
“สาเหตุที่ต้องลดปริมาณการส่งออกลง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับผู้ประกอบการอื่นๆในตลาด เพราะปัจจุบันต้นทุนการขนส่งขยับสูงขึ้น ทำให้รายได้จากการส่งออกมีกำน้อยหรือแทบไม่คุ้มกับต้นทุนการขนส่งที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามบริษัทจะไม่ยกเลิกการส่งออกทั้งหมดเลยทีเดียว เพราะต้องรักษาระดับการส่งออกไว้บางส่วนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากธุรกิจด้วย และเชื่อว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ ก็พยายามลดการส่งออกและรักษายอดส่งออกไว้บางส่วนเช่นกัน”
ส่วนแนวทางการขยายตลาดในต่างประเทศนั้น บริษัทจะใช้วิธีการลงทุนเปิดโรงงานผลิตปูซิเมนต์ เพื่อผลิตและขายในประเทศนั้นๆแทน โดยล่าสุดมีแผนที่จะขยายสายการผลิตที่2ในประเทศกัมพูชา หลังจากที่ตลาดดังกล่าวมีความต้องการใช้ปูนซิเมนต์เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีแผนจะเปิดโรงงานผลิตปูนซิเมนต์ในประเทศลาว และพม่า ทดแทนการส่งออกจากประเทศไทย ทั้งนี้การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน (AEC) ทำให้กลุ่มประเทศอาเซี่ยนมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มมากขึ้นทำให้ความต้องการใช้ปูนซิเมนต์เพิ่มสูงขึ้นไปด้วย
นายอนุวัตร เฉลิมไชย แบรนด์ไดเร็คเตอร์ สำนักงานบริหารแบรนด์ บริษัท เอสซีจีฯ กล่าวว่าสำหรับผลกระทบด้านการแข่งขันจากผู้ประกอบการปูซิเมนต์ข้ามชาติภายหลังการเปิดAEC นั้น เชื่อว่าเอสซีจีฯ จะมีความได้เปรียบมากว่าเสียบเปรียบ เนื่องจากระบบการตลาดของเอสซีจีฯ มีความครอบคลุมลูกค้ามากกว่าผู้ประกอบการทุกราย ทั้งในด้านตัวผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม การบริการหลังการขาย และระบบการขยายสินค้าที่มีทีมงานในการแนะนำสินค้า ตลอดจนการใช้งานและการออกแบบตัวผลิตภัณฑ์และรูปแบบการตลาดแบบSystem Solution หรือการขายทั้งระบบ ขณะที่ผู้ประกอบการต่างประเทศจะขายสินค้าเพียงตัวเดียวไม่มีสินค้าผลิตภัณฑ์อื่นไที่รอบรับความต้องการลูกค้าแบบครบวงจร
“เนื่องในในโอกาส ครบรอบ100ปี ตราช้าง บริษัท ได้เตรียมทุ่มงบการตลาดกว่า 300 ล้านบาทจัดแคมเปญ “100ปี ตราช้าง ที่สุดแห่งนวัตกรรมที่ไม่เคยหยุดนิ่ง” ซึ่งอัดแน่นด้วยกิจกรรมการตลาดทั้งบีโลว์และอะเบิฟเดอะไลน์ และมีการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ที่มีชื่อว่า “Invisible”สร้างการรับรู้ลูกค้า”
นอกจากนี้ยังมีการสร้างสรรค์กิจกรรมซีเอสอาร์คืนกำไรสู่สังคมได้แก่ “A Place We Stand 100 ปี ตราช้าง ซึ่งตราช้างตั้งเป้าสร้างสิ่งปลูกสร้างที่เป็นสาธารณประโยชน์ 10 แห่ง ทั่วประเทศ และโปรเจคพิเศษ “Community Architects” ที่ตราช้างจับมือ 3 สถาปนิก สร้าง3 สิ่งปลูกสร้างที่เป็นสาธารณประโยชน์
ด้าน นายสราวุฒิ สำราญทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด Housing Business กล่าวว่า เพื่อขอบคุณลูกค้าที่ให้ความเชื่อมั่นในตราช้าง เอสซีจี ได้เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นพิเศษ ที่เป็นลิมิเต็ดเอดิชั่น ฉลองครบรอบ 100 ปี ตราช้าง เช่น กลุ่มหลังคา ได้แก่ กระเบื้องหลังคา สีพิเศษCentury ซึ่งใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีการเคลือบสีแบบพิเศษ มีให้เลือกทั้งรุ่นนิวสไตล์ ซีแพคโมเนีย และเคิฟลอน สำหรับกลุ่มฉนวน ได้แก่ Stay Cool Century Limited Edition ฉนวนกันความร้อนที่มีคุณสมบัติกันความร้อนได้ดีขึ้น พร้อมแพ็กเกจพิเศษ รวมถึงกลุ่มวัสดุตกแต่งภูมิทัศน์ กระเบื้องปูพื้น Stamp Pave รุ่น Florence สี Golden Century มีสีเหลือบทอง ทนทาน ทำความสะอาดได้ง่าย
นายสยสมรัฐ สุทธานุกูล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด Structural Business บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ในเครือSCG กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการลดปริมาณการส่งออกปูนซิเมนต์ไปตลาดต่างประเทศ โดยในขณะนี้บริษัทส่งออกปูนซิเมนต์เฉพาะในส่วนของกำลังผลิตส่วนเกินออกไปขาย ซึ่งคาดว่ากำลังการผลิตส่วนเกิดดังกล่าวจะถูกซับพอร์ตจากดีมานด์ในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง คาดว่าในระยะเวลาประมาณ3ปีนี้ กำลังผลิตส่วนเกินจะถูกซับพอร์โดยดีมานด์ใหม่ๆหมดไป
“สาเหตุที่ต้องลดปริมาณการส่งออกลง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับผู้ประกอบการอื่นๆในตลาด เพราะปัจจุบันต้นทุนการขนส่งขยับสูงขึ้น ทำให้รายได้จากการส่งออกมีกำน้อยหรือแทบไม่คุ้มกับต้นทุนการขนส่งที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามบริษัทจะไม่ยกเลิกการส่งออกทั้งหมดเลยทีเดียว เพราะต้องรักษาระดับการส่งออกไว้บางส่วนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากธุรกิจด้วย และเชื่อว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ ก็พยายามลดการส่งออกและรักษายอดส่งออกไว้บางส่วนเช่นกัน”
ส่วนแนวทางการขยายตลาดในต่างประเทศนั้น บริษัทจะใช้วิธีการลงทุนเปิดโรงงานผลิตปูซิเมนต์ เพื่อผลิตและขายในประเทศนั้นๆแทน โดยล่าสุดมีแผนที่จะขยายสายการผลิตที่2ในประเทศกัมพูชา หลังจากที่ตลาดดังกล่าวมีความต้องการใช้ปูนซิเมนต์เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีแผนจะเปิดโรงงานผลิตปูนซิเมนต์ในประเทศลาว และพม่า ทดแทนการส่งออกจากประเทศไทย ทั้งนี้การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน (AEC) ทำให้กลุ่มประเทศอาเซี่ยนมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มมากขึ้นทำให้ความต้องการใช้ปูนซิเมนต์เพิ่มสูงขึ้นไปด้วย
นายอนุวัตร เฉลิมไชย แบรนด์ไดเร็คเตอร์ สำนักงานบริหารแบรนด์ บริษัท เอสซีจีฯ กล่าวว่าสำหรับผลกระทบด้านการแข่งขันจากผู้ประกอบการปูซิเมนต์ข้ามชาติภายหลังการเปิดAEC นั้น เชื่อว่าเอสซีจีฯ จะมีความได้เปรียบมากว่าเสียบเปรียบ เนื่องจากระบบการตลาดของเอสซีจีฯ มีความครอบคลุมลูกค้ามากกว่าผู้ประกอบการทุกราย ทั้งในด้านตัวผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม การบริการหลังการขาย และระบบการขยายสินค้าที่มีทีมงานในการแนะนำสินค้า ตลอดจนการใช้งานและการออกแบบตัวผลิตภัณฑ์และรูปแบบการตลาดแบบSystem Solution หรือการขายทั้งระบบ ขณะที่ผู้ประกอบการต่างประเทศจะขายสินค้าเพียงตัวเดียวไม่มีสินค้าผลิตภัณฑ์อื่นไที่รอบรับความต้องการลูกค้าแบบครบวงจร
“เนื่องในในโอกาส ครบรอบ100ปี ตราช้าง บริษัท ได้เตรียมทุ่มงบการตลาดกว่า 300 ล้านบาทจัดแคมเปญ “100ปี ตราช้าง ที่สุดแห่งนวัตกรรมที่ไม่เคยหยุดนิ่ง” ซึ่งอัดแน่นด้วยกิจกรรมการตลาดทั้งบีโลว์และอะเบิฟเดอะไลน์ และมีการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ที่มีชื่อว่า “Invisible”สร้างการรับรู้ลูกค้า”
นอกจากนี้ยังมีการสร้างสรรค์กิจกรรมซีเอสอาร์คืนกำไรสู่สังคมได้แก่ “A Place We Stand 100 ปี ตราช้าง ซึ่งตราช้างตั้งเป้าสร้างสิ่งปลูกสร้างที่เป็นสาธารณประโยชน์ 10 แห่ง ทั่วประเทศ และโปรเจคพิเศษ “Community Architects” ที่ตราช้างจับมือ 3 สถาปนิก สร้าง3 สิ่งปลูกสร้างที่เป็นสาธารณประโยชน์
ด้าน นายสราวุฒิ สำราญทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด Housing Business กล่าวว่า เพื่อขอบคุณลูกค้าที่ให้ความเชื่อมั่นในตราช้าง เอสซีจี ได้เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นพิเศษ ที่เป็นลิมิเต็ดเอดิชั่น ฉลองครบรอบ 100 ปี ตราช้าง เช่น กลุ่มหลังคา ได้แก่ กระเบื้องหลังคา สีพิเศษCentury ซึ่งใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีการเคลือบสีแบบพิเศษ มีให้เลือกทั้งรุ่นนิวสไตล์ ซีแพคโมเนีย และเคิฟลอน สำหรับกลุ่มฉนวน ได้แก่ Stay Cool Century Limited Edition ฉนวนกันความร้อนที่มีคุณสมบัติกันความร้อนได้ดีขึ้น พร้อมแพ็กเกจพิเศษ รวมถึงกลุ่มวัสดุตกแต่งภูมิทัศน์ กระเบื้องปูพื้น Stamp Pave รุ่น Florence สี Golden Century มีสีเหลือบทอง ทนทาน ทำความสะอาดได้ง่าย