เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ (8พ.ค.) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติราชการแก่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) ณ ห้องประชุมอาคารกองปฏิบัติการดับเพลิง ชั้น 2 สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยมี พ.ต.อ.พิชัย เกรียงวัฒนศิริ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้การต้อนรับ
ทางสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เสนอปัญหาพร้อมทั้งขอให้พิจารณาสนับสนุนงบประมาณในการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ เพิ่มเติม เช่น ชุดประจำตัว รองเท้ากันไฟ และถังอ๊อกซิเย่นพร้อมทั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับนักดับเพลิงทุกคน เนื่องจากชุดผจญเพลิงเพื่อใช้ในการทำงานไม่เพียงพอ ต้องหมุนเวียนทำให้ขาดการดูแลรักษาอาจทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติหน้าที่ ตลอดจนขอสนับสนุนค่าล่วงเวลา และเงินเสี่ยงภัย รวมถึงบรรจุกำลังพลให้ครบเต็มอัตราซึ่งปัจจุบันยังขาดอีกกว่า 200 นาย
ทั้งนี้เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว และเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งการจัดทำข้อมูลสารสนเทศและการพัฒนาเทคโนโลยีให้ทันสมัย การจัดหาที่ดินเพื่อเพิ่มสถานีดับเพลิงในพื้นที่ที่มีประชาชนอยู่หนาแน่น รวมถึงการจัดให้มีศูนย์ฝึกอบรมเจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการจัดหาเฮลิคอปเตอร์เพื่อใช้ในการกู้ภัยและช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นต้น
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ในวันนี้เป็นการพบปะเจ้าหน้าที่เพื่อรับฟังปัญหา และข้อคิดเห็นต่างๆ เพื่อเร่งแก้ไขให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงย้ำแนวทางการปฏิบัติงาน เนื่องจากงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมีความสำคัญในสังคมเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การป้องกัน ช่วยเหลือ และระงับเหตุอัคคีภัย ต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน อย่างไรก็ตามงานดับเพลิงต้องเน้นการป้องกันไม่ใช่การบรรเทา ดังนั้นเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะจัดชุดลาดตระเวนเช่นเดียวกับเทศกิจ เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้มีจุดเสี่ยงไฟไหม้ พร้อมทั้งประสานการทำงานร่วมกับสำนักการโยธาในการให้ความรู้และตรวจสอบระบบป้องกันภัยในอาคารต่างๆ ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ นอกจากนี้ได้มอบหมายให้ทำหนังสือถึงการประปานครหลวง ในการตรวจสอบและติดตั้งประปาหัวแดงให้พร้อมใช้งาน เนื่องจากบางจุดเมื่อมีการขุดถนนทำให้จุดตั้งประปาหัวแดงหายไป บางจุดไม่มีท่อ และบางจุดไม่มีน้ำ
รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวด้วยว่า ในส่วนของกรณีถังดับเพลิงระเบิด นั้น กทม.ได้เรียกเก็บคืนถังดับเพลิงที่ระเบิดรวมถึงที่จัดซื้อในปีเดียวกันคืนทุกถัง ทำให้บางจุดที่เคยมีถังดับเพลิงไม่มี และทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยหากเกิดเหตุอัคคีภัยในพื้นที่ ดังนั้น ตนเองได้สั่งการให้สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแจ้งสถานีดับเพลิงทั้ง 35 แห่ง ลงพื้นที่สำรวจความต้องการถังดับเพลิงของชุมชนและที่สาธารณะ พร้อมทั้งนำถังดับเพลิงสำรองที่มีอยู่กว่า 10,000 ถัง ไปติดตั้งทดแทนเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินหากเกิดกรณีฉุกเฉิน
ทางสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เสนอปัญหาพร้อมทั้งขอให้พิจารณาสนับสนุนงบประมาณในการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ เพิ่มเติม เช่น ชุดประจำตัว รองเท้ากันไฟ และถังอ๊อกซิเย่นพร้อมทั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับนักดับเพลิงทุกคน เนื่องจากชุดผจญเพลิงเพื่อใช้ในการทำงานไม่เพียงพอ ต้องหมุนเวียนทำให้ขาดการดูแลรักษาอาจทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติหน้าที่ ตลอดจนขอสนับสนุนค่าล่วงเวลา และเงินเสี่ยงภัย รวมถึงบรรจุกำลังพลให้ครบเต็มอัตราซึ่งปัจจุบันยังขาดอีกกว่า 200 นาย
ทั้งนี้เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว และเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งการจัดทำข้อมูลสารสนเทศและการพัฒนาเทคโนโลยีให้ทันสมัย การจัดหาที่ดินเพื่อเพิ่มสถานีดับเพลิงในพื้นที่ที่มีประชาชนอยู่หนาแน่น รวมถึงการจัดให้มีศูนย์ฝึกอบรมเจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการจัดหาเฮลิคอปเตอร์เพื่อใช้ในการกู้ภัยและช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นต้น
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ในวันนี้เป็นการพบปะเจ้าหน้าที่เพื่อรับฟังปัญหา และข้อคิดเห็นต่างๆ เพื่อเร่งแก้ไขให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงย้ำแนวทางการปฏิบัติงาน เนื่องจากงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมีความสำคัญในสังคมเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การป้องกัน ช่วยเหลือ และระงับเหตุอัคคีภัย ต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน อย่างไรก็ตามงานดับเพลิงต้องเน้นการป้องกันไม่ใช่การบรรเทา ดังนั้นเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะจัดชุดลาดตระเวนเช่นเดียวกับเทศกิจ เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้มีจุดเสี่ยงไฟไหม้ พร้อมทั้งประสานการทำงานร่วมกับสำนักการโยธาในการให้ความรู้และตรวจสอบระบบป้องกันภัยในอาคารต่างๆ ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ นอกจากนี้ได้มอบหมายให้ทำหนังสือถึงการประปานครหลวง ในการตรวจสอบและติดตั้งประปาหัวแดงให้พร้อมใช้งาน เนื่องจากบางจุดเมื่อมีการขุดถนนทำให้จุดตั้งประปาหัวแดงหายไป บางจุดไม่มีท่อ และบางจุดไม่มีน้ำ
รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวด้วยว่า ในส่วนของกรณีถังดับเพลิงระเบิด นั้น กทม.ได้เรียกเก็บคืนถังดับเพลิงที่ระเบิดรวมถึงที่จัดซื้อในปีเดียวกันคืนทุกถัง ทำให้บางจุดที่เคยมีถังดับเพลิงไม่มี และทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยหากเกิดเหตุอัคคีภัยในพื้นที่ ดังนั้น ตนเองได้สั่งการให้สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแจ้งสถานีดับเพลิงทั้ง 35 แห่ง ลงพื้นที่สำรวจความต้องการถังดับเพลิงของชุมชนและที่สาธารณะ พร้อมทั้งนำถังดับเพลิงสำรองที่มีอยู่กว่า 10,000 ถัง ไปติดตั้งทดแทนเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินหากเกิดกรณีฉุกเฉิน