xs
xsm
sm
md
lg

พี่สไกป์ลุยรธน. น้องแถปัดรับลูก มติไม่ส่งความเห็นแจงศาลฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - "แม้ว"สไกป์ สั่งลูกพรรคเดินหน้าแก้รธน.ให้สำเร็จ พร้อมหนุนพ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับเหลิม ชี้ทำแล้วเดินไปให้สุด แต่ถ้าไม่สำเร็จเตรียมเลือกตั้งใหม่ กวักมือเรียกส.ส.ช่วยเอากลับบ้าน เผย ลอยคอในทะเลนานใกล้ตายแล้ว ด้าน"ชินวัฒน์"เผย ส.ส.ส่วนใหญ่ เห็นด้วยปรองดองฉบับเหลิม พท.อ้างความเห็นส.ส.ส่วนใหญ่ ร่วมไม่ชี้แจงศาลรธน. เลี่ยงไม่ใช่มติพรรค กลัวกระทบเอกสิทธิ์ส.ส. "เจ๊เพ็ญ" โผล่เสี้ยมหนุนแดงล้มศาลรธน.เผยไต๋เป้าหมายใหญ่กว่านั้น "ยิ่งลักษณ์"อ้อมแอ้มปัดไม่ได้รับลูกพี่ชาย อ้างแค่ต้องการยกเป็นอุทาหรณ์ ไม่ให้เกิดรัฐประหารอีก "มาร์ค"จวก"ปู"ตามรอย "แม้ว" เตรียมทำจดหมายเปิดผนึกชี้แจงต่างชาติ "ยะใส" ซัดลวงโลก ผู้นำมุ่งปกป้องตระกูลมากกว่าชาติ ระบุไทยไม่มีกลุ่มต่อต้านปชต. มีแต่กลุ่มต่อต้านทักษิณ

วานนี้ ( 30 เม.ย.) ที่ทำการพรรคเพื่อไทย มีการประชุม ส.ส.โดยมีแกนนำพรรคและส.ส.เข้าร่วมประชุมอย่างคับคั่ง ผู้สื่อข่ารายงานว่าในการประชุมครั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้สไกป์มายังห้องประชุม ระบุว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เป็นการล้มล้างระบอบประชาธิปไตย การแก้ไขมาตรา 68 ไม่ได้ตัดสิทธิ์ประชาชน เขายังมีสิทธิ์ร้องได้ แต่เรื่องไปอัยการสูงสุดก่อนก็เท่านั้น

“วันนี้ ส.ส.ทุกคนต้องร่วมกันแสดงจุดยืน เพื่อเป็นหลักให้แก่บ้านเมือง การแก้ไขรัฐธรรมนูญตอนแรกก็แก้ไม่ได้ มาคราวนี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั่งพิจารณากันเพียง 5 คน แล้วก็รับเรื่องไว้อีก เห็นได้ชัดว่าเป็นการละเมิดหลักการแบ่งแยกอำนาจ พวกเราทุกคนต้องใกล้ชิดประชาชน พร้อมทุกสถานการณ์ อย่าไปกลัวการเลือกตั้ง เกิดอะไรขึ้นก็ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ เราถอยมามากแล้ว วันนี้ต้องเป็นหลักให้บ้านเมือง”พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึง ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ว่า ผมได้คุย และขอบคุณท่านเฉลิมแล้ว เห็นด้วย จะทำอะไรควรทำอะไรให้มันสุดซอย ร่างของวรชัย เหมือนเดินไปครึ่งๆ กลางๆ มันไม่สุดซอย เมื่อจะทำแล้วก็ทำให้มันสุดซอย แต่ถ้าจะให้เร่งเอาเข้าสมัยประชุมวิสามัญ 3 วาระรวด ไม่เห็นด้วย จะถูกฝ่ายค้านโจมตีอีก ขณะนี้ยังไม่มีการชี้แจง เหตุผล รายละเอียดทั้งหมด อยากให้เอาเข้าสมัยประชุมหน้า ไม่เป็นไร ผมรอได้

“ขอให้ส.ส.สามัคคีกันไว้ให้แน่น ให้นึกถึงผมบ้าง ยังลอยคอในทะเล อย่าให้ลอยคอนาน มันหนาว จะเป็นปอดบวมตายอยู่แล้ว อยากกลับบ้าน ฝากบอกพรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องกังวล กลับมาแล้วไม่ได้ประสงค์อะไร ไม่ขอมีตำแหน่งอะไร ไม่เอาแล้ว ปล่อยให้นายกฯยิ่งลักษณ์ ที่ยังแข็งแรงอยู่บริหารไป ท่านก็เก่งแล้ว ส่วนผมอายุมากแล้ว ขอใช้สมองช่วยงาน อยู่ข้างหลัง อะไรพอช่วยได้ ก็จะช่วยเพื่อบ้านเมือง หากมีปัญหาอะไร ให้ยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะเรามาจาประชาชน”พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

** ชี้ชัดพ.ร.บ.นิรโทษฯ"แม้ว"ต้องได้ด้วย

ด้านนายชินวัฒน์ หาบุญพาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง 6 มาตรา ฉบับของ ร.ต.อ.เฉลิม มีเนื้อหาครอบคลุมมากกว่าของนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ ที่มันดูแล้วยุ่งยาก ยังต้องมีการตีความทางกฎหมายคำว่า แกนนำผู้มีอำนาจสั่งการ หมายถึงใคร การออกกฎหมายต้องเขียนให้ชัด ซึ่งในที่ประชุมส.ส.เพื่อไทย ได้มีการส่งต่อใบรายชื่อให้ส.ส.ที่เข้าร่วมประชุมลงนาม โดยแบ่งเป็น 2 ช่องว่า เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับของนายวรชัย หรือ พ.ร.บ.ปรองดอง ของร.ต.อ.เฉลิม เท่าที่มองดู มี ส.ส.หลายคนลงนามเห็นด้วยกับพ.ร.บ.ปรองดอง ของร.ต.อ.เฉลิม

** มติไม่ส่งคำชี้แจงศาลรธน.

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติเห็นด้วยกับมติสมาชิกรัฐสภาเสียงข้างมาก ในการไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ โดยไม่ส่งคำชี้แจงไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นที่ประชุมจะส่งจดหมายเปิดผนึก 12หน้า เพื่อปฏิเสธอำนาจศาลรัฐธรรมนูญไปยังองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญทุกแห่ง ยกเว้นศาลรัฐธรรมนูญ โดยสาระสำคัญในจดหมายเปิดผนึกคือ การชี้แจงว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจรับคำร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้พิจารณา เพราะมาตรา 291ระบุชัดเจนว่า การแก้รัฐธรรมนูญเป็นอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ นอกจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจรับเรื่องโดยตรงตามมาตรา 68 โดยที่ไม่ผ่านอัยการสูงสุด รวมถึงมาตรฐานการรับคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญไม่อาจยอมรับได้ ซึ่งจะมีการยกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในอดีตมาประกอบด้วย คาดว่าจะส่งหนังสือเปิดผนึกได้ภายในสัปดาห์นี้

ส่วนที่มีข่าวว่า ส.ส.บางคนจะส่งคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญเป็นการส่วนตัวนั้น ได้ตรวจสอบในที่ประชุมแล้ว ยืนยันว่าไม่มีแม้แต่รายเดียว ส.ส.ทุกคนยืนยันว่าไม่ส่งคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ จะยึดมติที่ประชุมเป็นหลัก รวมถึง นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อแล้วว่า ไม่ไปชี้แจง ซึ่งนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยังได้แจ้งว่า พรรคร่วมรัฐบาลก็เห็นด้วยกับการไม่ไปชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ

รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า การทำจดหมายเปิดผนึกชี้แจงกลับไปยังศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมกับสั่งการไม่ให้ ส.ส.เป็นรายบุคคลชี้แจงกลับไปนั้น โดยพรรคใช้คำว่าเป็นมติเสียงส่วนใหญ่ของส.ส. โดยไม่ได้ออกเป็นมติพรรค เหมือนเรื่องสำคัญก่อนหน้า เนื่องจากกลัววว่าจะเป็นการไปก้าวก่ายเอกสิทธิ์ของส.ส. ขณะเดียวกันแกนนำพรรคเพื่อไทยได้สั่งให้ส.ส.พรรคเพื่อไทย รวมตัวเป็นปึกแผ่น ทำอะไรไปในทิศทางเดียวกัน และออกเป็นมติส.ส.ไม่ให้ไปชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีรับคำร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา แต่ให้ไปชี้แจงต่อประชาชน ชี้แจงในเวทีพรรคเพื่อไทยแทน พร้อมกันนี้ จะระดมซื้อสื่อเพื่อลงโฆษณาคำแถลงการณ์ ที่มีจำนวน 12 แผ่น

** "เจ๊เพ็ญ"โผล่หนุนแก๊งแดงล้มศาลรธน.

เมื่อวานนี้ (30 เม.ย.) นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำคนเสื้อแดง อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ผู้ที่หลังเหตุการณ์เสื้อแดงชุมนุมเผาเมืองในปี 2552 ได้หลบหนีหมายจับ และคดีความออกนอกประเทศจนถึงปัจจุบัน ได้เขียนข้อความลงในเฟซบุ๊ก จักรภพ เพ็ญแข - Jakrapob Penkair กล่าวถึงการชุมนุมขับไล่ตุลาการรัฐธรรมนูญ ว่า ปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องที่ท้าทายที่สุดของคนเสื้อแดง นับตั้งแต่การรัฐประหารปี 2549 เนื่องจากปัจจุบันคนเสื้อแดงมองว่า ศาลเป็นเครื่องมือของระบอบอำนาจเก่าเท่านั้น ซึ่งตรงข้ามกับกลุ่มคนเสื้อเหลือง ที่มองว่าสถาบันตุลาการเป็นเครื่องมือชิ้นท้ายๆในการคานอำนาจกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

นายจักรภพยังระบุว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ศาล และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในปัจจุบัน หลายคนก็ไม่เคยเป็นผู้พิพากษามาก่อน

“ลองถามผู้พิพากษาชาวไทยคนใดในศาลไหนก็ได้ จะได้รับคำตอบว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมิใช่ศาล จึงใช้คำว่า ตุลาการ แทน ผู้พิพากษา มาตั้งแต่ต้น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคน ขณะนี้ก็ไม่เคยเป็นผู้พิพากษามาก่อนเลยในชีวิต นั่นคืออดีตเอกอัครราชทูตเฉลิมพล เอกอุรุ และอดีตเอกอัครราชทูตสุพจน์ ไข่มุกด์ …เมื่อไม่ใช่ศาล ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ที่จะกล่าวอ้างกันแบบขู่เข็ญได้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็คือคนเดินดินระดับเดียวกับคนไทยทั่วไป ที่คนเขาจะเชื่อก็ได้ หรือไม่เชื่อก็ได้ ที่สำคัญคือไม่มีสิทธิและความชอบธรรมทางการเมืองที่จะทำลาย หรือลบล้างองค์กรทางการเมืองที่ประชาชนเลือกตั้งเข้ามาอย่างถูกต้อง ต้องไม่มีอำนาจที่นำไปสู่การยุบพรรคการเมือง ล้มล้างรัฐบาล หรือถอดถอนบุคคลสาธารณะที่ถูกถ่วงดุล และตรวจสอบอยู่แล้วในระบบอื่นๆ อย่างที่เคยมีพฤติกรรมมา”

นายจักรภพ ยังให้กำลังใจกลุ่มคนเสื้อแดง ที่กำลังขับไล่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในปัจจุบัน และแนะนำให้ใช้การปราศรัยให้ความรู้ หลีกเลี่ยงความรุนแรง เพื่อที่ผู้ที่ได้รับฟังการปราศรัย จะได้เปลี่ยนใจมาสนับสนุนคนเสื้อแดง

ในตอนท้ายอดีตแกนนำคนเสื้อแดงยังระบุว่า หากศาลรัฐธรรมนูญสิ้นสภาพไปตามเป้าหมายแล้ว ผู้ที่จะช่วยพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยก็คือ ปวงชนชาวไทย และศาลฎีกา โดยแม้ว่าที่ผ่านมาศาลฎีกาจะตกเป็นเครื่องมือของ“เขา”มานาน แต่ก็นายจักรภพ ก็อ้างว่าเริ่มมีผู้พิพากษาที่กล้าแข็งข้อบ้างแล้ว คนเสื้อแดงจึงควรเสริมสรรพกำลังให้กับศาลฎีกา เพื่อเตรียมพร้อมให้ศาลฎีกากลายเป็นศาลฎีกาแห่งอนาคต ที่จะช่วยประกันระบอบประชาธิปไตยในแบบคนเสื้อแดง ให้มีความมั่นคง

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 23 ม.ค.56 จากกรณีที่ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 10 ปี นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตบรรณาธิการนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ (Voice of Taksin) และแกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาเพื่อประชาธิปไตย คดีหมิ่นเบื้องสูง กรณีลงบทความของผู้ที่ใช้นามปากกา "จิตร พลจันทร์" ซึ่งมีความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นและแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ และองค์รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยระหว่างการสู้คดีนายสมยศได้ให้การว่าผู้ที่นามปากกาว่า จิตร พลจันทร์ แท้จริงแล้วก็คือ นายจักรภพ เพ็ญแข นั่นเอง

**ศาลรธน.นัดถกคำร้องปมแก้รธน.ขัดม.68หรือไม่

รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ วันนี้ ( 1 พ.ค. ) ที่คณะตุลาการฯจะไปประชุมที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเดิม ตรงข้ามการไฟฟ้าวัดเลียบ นอกจากที่ประชุมจะมีการพิจารณาคำร้องเกี่ยวกับกฎหมาย ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญที่ค้างอยู่เดิมแล้ว ประเด็นสำคัญที่จะพิจารณาเป็นกรณีที่ประธานรัฐสภามีหนังสือแจ้งกลับมายังศาลรัฐธรรมนูญว่า ไม่สามารถส่งหนังสือที่ศาลรัฐธรรมนูญมีถึงส.ส.และส.ว. 312 คนที่เห็นชอบให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เพื่อให้จัดทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาและยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ว่าตกลงแล้วคณะตุลาการฯจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ศาลรัฐธรรมนูญจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และเป็นกรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำสั่งกระทรวงกลาโหมที่สั่งปลด ร.ต.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกจากราชการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับคำร้องที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าคำสั่งฯดังกล่าวเป็นเหตุให้สมาชิกภาพการเป็นส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 (5) ประกอบมาตรา 102(6) หรือไม่ ทั้งนี้แหล่งข่าวยังเห็นว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงหน้าศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้สร้างผลกระทบทำให้เจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการแต่อย่างใด โดยยังคงสามารถเดินทางมาทำงานได้ตามปกติ

****"ปู"ปัดปากบอกว่าไม่แต่ใช่ทุกอย่าง

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่ไปกล่าวปาฐกถาที่เวที ประชาคมประชาธิปไตย ที่เมืองอูลันบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย ที่ระบุว่า ยังมีกลุ่มต่อต้านระบอบประชาธิปไตยในไทย ว่า จริงๆแล้วเวทีที่ตนไปพูด เป็นเวทีที่เรียกว่าประชาคมประชาธิปไตย เรียนไว้เพื่อเป็นอุทาหรณ์มากกว่า ซึ่งไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีก คือเป็นสิ่งที่เรียกว่าเจตนารมณ์ ไม่อยากให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก เพราะเราอยากเห็นประเทศของเราเดินไปข้างหน้า และถ้ากระบวนการต่างๆ ของเราเป็นประชาธิปไตยในทุกๆส่วน หรือทุกๆด้าน ก็จะทำให้มีความมั่นใจจากนักลงทุนต่างๆ จะมีความสบายใจ และประชาชนจะมีโอกาสมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน นั่นคือเจตนาที่พูด

ส่วนที่สังคมกำลังตั้งคำถามว่า เวลาที่ผู้นำแต่ละประเทศไปเยือนประเทศต่างๆ จะนำสิ่งดีๆไปพูดเพื่อภาพลักษณ์ขิงประเทศตัวเอง แต่ทำไมนายกฯ กลับนำเรื่องเหล่านี้ไปพูด ซึ่งดูเหมือนจะไม่เป็นผลดีกับประเทศ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต้องเรียนว่าต้องแยกส่วนกัน การไปเยือนเราต้องงพูดอยู่แล้ว แต่นี่เป็นเวทีของประชาธิปไตยโดยตรง ซึ่งเป็นเวทีที่ต้องถกแถลง ในเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อศึกษาต่างๆ แต่เจตนาทั้งหมดของทุกประเทศคือ การช่วยกันพัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้แข็งแรง และสิ่งที่ตนเองพูดนั้นเพื่อบอกว่า ประเทศไทยมีความจริงใจที่จะช่วย และร่วมมือกันเดินในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นแนวทางของหลายๆ ประเทศที่มีจำนวนสมาชิกจำนวนมาก และไปในทิศทางเช่นนี้ แต่ไม่ได้บอกว่า เราจะไปพูดบนเวทีอื่น แต่นี่เป็นเวทีที่เกี่ยวกับประชาธิปไตย

เมื่อถามว่าคาดหวังอะไรกับในสิ่งที่พูดบนเวทีโลก นายกฯ กล่าวว่า ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นในกรณีนี้กับใครๆใดๆ ทั้งสิ้น นั่นคือสิ่งที่เราตั้งใจ และเราก็ช่วยกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยเดินทางไปในเป้าหมายเดียวกัน แต่แน่นอน อาจจะเดินไปถูกทาง ผิดทางต่างๆ ก็ต้องช่วยกัน แต่ขอให้เดินทางไปในเป้าหมายประชาธิปไตยที่เป็นอำนาจที่แท้จริงของประชาชน

เมื่อถามว่า หลายฝ่ายห่วงว่านายกฯ จะเป็นตัวเปิดบาดแผลความขัดแย้งในประเทศเอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต้องกลับไปฟังดีๆ อันนี้เป็นเชิงอุทาหรณ์มากกว่า และเป็นเวทีประชาธิปไตย เราจะไปพูดเรื่องอื่นใด มันเป็นเวทีที่จะต้องพูดกัน ก็ต้องไปลองฟังที่อื่นก็จะพูดประมาณนี้เหมือนกัน เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า นายกฯ ตั้งใจพูดเพื่อต้องการฟอกความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวย้ำว่า เป็นการยกเป็นอุทาหรณ์ และเราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ อันนี้คือเจตนารมณ์ อยากให้มองการพูดในภาพรวมทั้งหมด อย่ามองเป็นจุดต่อจุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนี้นักข่าพยายามที่จะถามต่อ แต่นายกฯ พยายามตัดบท โดยหันไปถามนักข่าวทางด้านอื่นว่า มีคำถามอื่นอีกหรือไม่ โดยไม่ฟังคำถามจากนักข่าวที่พยายามถามถึงเรื่องนี้ จนกระทั่งผู้สื่อข่าวต้องเปลี่ยนประเด็น มติครม. คว่ำบาตรเกาหลีเหนือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เป็นไปตามหลักข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้การแก้ปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาคเป็นไปอย่างสงบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากจบคำถามเรื่องของเกาหลีเหนือแล้ว ได้พยายามที่จะดึงคำถามกลับมาประเดิม ซึ่งขอให้นายกฯ ตอบกลับไปประเด็นกล่าวปาฐกถา โดยถามว่า ถ้ามีเวทีประชาธิปไตยในไทย นายกฯ ยืนยันจะพูดในลักษณะนี้อีกหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต้องดูเหตุการณ์ จังหวะเวลา และความเหมาะสม จริงๆ มีหลายอย่างที่เราจะดูเป็นเรื่องของอุทาหรณ์ และแล้วแต่เรื่อง จริงๆ ถ้ามีโอกาสก็อยากพูด เพราะเป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาล ที่อยากเห็นกระบวนการต่างๆ เป็นไปตามขั้นตอนประชาธิปไตย

เมื่อถามว่า ไม่ห่วงว่าสถานการณ์การเมืองจะกลับมาร้อนอีกหรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต้องอยู่ที่เนื้อหา เราไม่ได้พูดให้ทะเลาะกัน เราพูดในแง่ประสบการณ์มากกว่า เราไม่ได้ไปพูดกล่าวหาเป็นคนๆ หรืออะไรต่างๆ ขออนุญาตว่า ในกรณีศึกษา หรือข้อมูลต่างๆ ต่างกันตนเองเดินทางไปในหลายๆประเทศ ก็สร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทยอยู่แล้ว ประชาธิปไตยก็เป็นเรื่องหนึ่ง ที่นานาประเทศมอง รวมถึงเรื่องความเชื่อมั่นด้วย ทั้งนี้จะสังเกตเห็นว่าช่วงที่เราไม่มีการเลือกตั้ง หลังปฏิวัติรัฐประหาร จะมีหลายประเทศอาจไม่ค่อยมีความร่วมมือกับประเทศไทยมากนัก อันนี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่เขามอง เพื่อความมั่นใจ

จากนั้นผู้สื่อข่าวพยายามที่จะถามต่อเรื่อง 5 ข้อเสนอของกลุ่มบีอาร์เอ็น แต่นายกฯ พยายามเดินเลี่ยงไปขึ้นรถ และกล่าวเพียงว่า วันนี้ถามไปเยอะแล้ว พอแล้วนะ

** ครม.สั่งเผยแพร่คำแปลปาฐกถา

ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.ได้เห็นพ้องกันว่า ควรมีการเผยแพร่คำแปล ของคำกล่าวปาฐกถาของนายกฯ ให้สาธารณชนได้รับทราบด้วย ซึ่งนายกฯ ได้กล่าวขอบคุณครม.ที่ให้การสนับสนุน พร้อมกล่าวว่า รัฐบาลอยากเห็นการปฏิรูปการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

** "มาร์ค"ซัดปาฐกถา"ปู"ตามรอย"แม้ว"

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า โพยหรือบทที่น.ส.ยิ่งลักษณ์อ่าน เป็นบทที่พี่ชายได้ใช้แสดงมาเป็นเวลาหลายปี เป็นแนวทางที่จะสร้างความเข้าใจผิดให้เกิดขึ้นในต่างประเทศ ในลักษณะที่ว่า ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาจากการที่มีคนมาโค่นล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และอ้างว่าตัวเองนั้นเป็นตัวแทนของประชาธิปไตย โดยที่ไม่ได้พูดถึงข้อเท็จจริงจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศ และพยายามที่จะสรุปง่ายๆ ว่า การเดินหน้าลดอำนาจองค์กรอิสระในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นจะต้องทำ แต่ในประเทศ นายกฯก็จะพยายามที่จะไม่พูด ไม่แสดงความคิดเห็นอะไรทั้งสิ้น

"วันนี้สิ่งที่ควรจะเป็นบทเรียนสำคัญคือ รัฐบาลได้อำนาจแล้วก็เดินหน้าใช้อำนาจผลักดันนโยบายแก้ปัญหาให้กับประชาชน ไม่ใช่มาเดินหน้าในการที่จะคิดรวบอำนาจ แล้วก็ทำให้ระบบนิติรัฐ นิติธรรม สั่นคลอนอีกครั้งหนึ่ง เพราะการผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม ถ้าเจาะจงความผิดทางการเมืองจริงๆ เช่น การฝ่าฝืนการประกาศภาวะฉุกเฉิน แต่ความผิดต่อชีวิต ความผิดต่อทรัพย์สิน และพยายามพ่วงเอาคดีทุจริต คอร์รัปชันของพี่ชายเข้าไปด้วย ก็กลายเป็นว่า หลักประชาธิปไตยของพรรคเพื่อไทย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็คือ พอมีอำนาจ สามารถเข้าไปแทรกแซงกระบวนการที่เป็นการใช้อำนาจในเชิงตุลาการ หรือกึ่งตุลาการได้หมด"

** ไทยไม่มีกลุ่มต่อต้านปชต. มีแต่กลุ่มต่อต้านทักษิณ

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics)กล่าวว่า การที่นายกฯ ระบุว่าประเทศไทยยังมีกลุ่มต่อต้านประชาธิปไตย รวมทั้งพยายามบอกว่า ตระกูลชินวัตร ถูกรังแกนั้น ถือเป็นเจตนาที่บิดเบือน และทำให้ประชาคมโลกเข้าใจผิดต่อประเทศไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นถึงผู้นำประเทศไทย แต่สปีชกลับมุ่งแต่จะปกป้องเกียรติภูมิของครอบครัวตัวเอง และให้ร้ายประเทศไทยและคนไทย เข้าข่ายลวงโลกชัด ๆ

เพราะในประเทศไทยไม่มีกลุ่มต่อต้านประชาธิปไตย มีแต่กลุ่มต่อต้านทักษิณ ต่อต้านการผูกขาดอำนาจ และกินรวบประเทศ ซึ่งนายกฯปู ย่อมรู้ดีว่า กลุ่มต่อต้านทักษิณมีจำนวนมาก และก็เป็นกลุ่มที่ต้องการประชาธิปไตยเหมือนกัน แต่ต้องเป็นประชาธิปไตยที่มีเนื้อหา ไม่ใช่แค่รูปแบบโดยเฉพาะ ลัทธิเลือกตั้ง และป่วยการเปล่าๆ หรือเป็นการซ้ำเติมความแตกแยกไม่รู้จบ ถ้านายกฯปู จะยัดเยียดให้คนไทยสมาทานระบอบทักษิณ ว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย

นายสุริยะใส กล่าวว่า ปาฐกถาครั้งนี้ คงไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้ต่างชาติเข้าใจผิด หรือหลงเชื่อได้ เพราะผลงานกว่า 2 ปีของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็ยังไม่เห็นว่าพัฒนาประชาธิปไตยมากขึ้นตรงไหน อ้างแต่เพียงว่ามาจากการเลือกตั้ง แต่ก็ให้ท้ายบริวารคุกคามคนเห็นต่างอยู่เป็นประจำ และยิ่งนายกฯพูด ยิ่งทำลายตัวเอง เพราะต่างชาติก็รู้ดี และจะยิ่งเชื่อมากขึ้นว่า นายกฯตัวจริงเป็นใคร.
กำลังโหลดความคิดเห็น