ASTV.ผู้จัดการรายวัน - ผบ.ตร.กำชับดำเนินการตำรวจนอกแถว ย้ำให้ทุกหน่วยงานเอาใจใส่ทุกเรื่องที่มีการร้องเรียน แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย พร้อมให้เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ด้านรอง ผกก.สน.ดินแดงเผยรู้ตัวแล้วหญิงผู้เสียหายกรณีคลิป ด.ต.ถูกชาวบ้านวิ่งไล่จับหลังพาผู้เสียหายเข้าแมนชั่น ซอยประชาสงเคราะห์ 25/1 ด้าน ผกก.ลั่นพรุ่งนี้ "ด.ต.วรวิทย์" ไม่เข้าชี้แจงหรือไม่มาทำงานมีความผิดวินัย!
จากกรณีมีผู้โพสต์คลิปลงในยูทูปและแชร์ภาพต่อกันอย่างแพร่หลายในโลกออนไลน์ ประจานภาพของ ด.ต.วรวิทย์ นุกูลกิจ ผบ.หมู่ป. สน.ดินแดง ที่พาผู้หญิงเข้าไปในอพาร์ทเม้นบ้านเพชรศิริอพาร์ตเมนต์ ภายในซอยประชาสงเคราะห์ 25/1 แล้วญาติๆของผู้หญิงมาพบจนมีการวิ่งไล่กัน กระทั่งล่าสุด พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. มีคำสั่งให้ ด.ต.รายดังกล่าวที่อยู่ในคลิปฉาวออกจากราชการไว้ก่อนแล้วนั้น
เมื่อเวลา 11.00 น.วานที่ 30 เม.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ตร.กล่าวถึงกรณีการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทาง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้รับรายงานข้อมูลการร้องเรียนจากประชาชนของสำนักนายกรัฐมนตรี โดยพบปัญหาที่ประชาชนร้องเรียนมากที่สุด 4 เรื่อง ได้แก่ 1. การแจ้งเบาะแสยาเสพติด 2. การแจ้งเบาะแสอบายมุขและสถานบริการที่เปิดเกินเวลา 3. พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4. การก่อความวุ่นวายของวัยรุ่น ซึ่ง ผบ.ตร.ย้ำให้ทุกหน่วยเอาใจใส่ทุกเรื่องที่มีการร้องเรียน แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย โดยเฉพาะหลายกรณีที่ตำรวจเป็นผู้กระทำผิดเอง ให้หน่วยต้นสังกัดดำเนินมาตรการ และให้ดำเนินการตามหลัหฐานที่ปรากฏโดยให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวต่อว่า ให้ดำเนินการตาม 3 มาตรการ ดังนี้ 1. ให้ตรวจสอบข้อมูลการกระทำผิด และข้อมูลเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างรวดเร็ว 2. หากพบว่าข้อมูลที่ได้รับมีความผิดชัดเจน และให้หน่วยที่จับกุมเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลออกหมายจับ พร้อมประสานกับต้นสังกัด ดำเนินการทางวินัยและให้ออกจากราชการไว้ก่อนทันที อย่างในกรณีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดินแดง และ สน.ทองหล่อ ก็ให้ออกจากราชการไว้ก่อน 3. เอาใจใส่คุ้มครองพยานเป็นพิเศษ โดยให้ผู้บัญชาการของตำรวจที่กระทำผิดลงไปดูแลทุกกรณี เนื่องจากผู้กระทำผิดเป็นตำรวจ อาจจะทำให้พยานเกิดความหวาดกลัวจนไม่กล้าให้ข้อมูล
พ.ต.อ.ภานพ วรธนัชชากุล ผกก.สน.ดินแดง กล่าวว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 29 เม.ย. ได้ติดต่อไปหา ด.ต.วรวิทย์ อีกครั้ง ซึ่ง ด.ต.วรวิทย์ ก็ระบุว่าจะเดินทางกลับมาวันที่ 30 เม.ย. แต่พอเช้าวันนี้โทรศัพท์ติดต่อไปอีกครั้งก็ไม่สามารถติดต่อ ด.ต.วรวิทย์ ได้อีกเลย อย่างไรก็ตาม ยังถือว่ายังอยู่ในช่วงวันลาของด.ต.วรวิทย์อยู่ แต่หากวันที่ 1 พ.ค. ไม่มาทำงาน ก็จะถือว่าขาดราชการต้องลงบันทึกประจำวันและมีความผิดทางวินัยเพิ่มอีก 1 เรื่อง ซึ่งไม่เกี่ยวกับความผิดในคลิปดังกล่าว ส่วนผู้หญิงในคลิปยังไม่ทราบว่าเป็นใครและยังไม่มีการติดต่อเข้ามาแจ้งความแต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.ท.ประพจน์ อุนศิริ รอง ผกก.สส.สน.ดินแดง ประธานคณะกรรมการสอบสวนคดีดังกล่าว กล่าวว่า สำหรับการสอบสวน เมื่อช่วงเย็นวันที่ 29 เม.ย. ผู้ชายที่อยู่ในเหตุการณ์ 2 คน ได้เดินทางมาให้ข้อมูลเบื้องต้นแล้ว ซึ่งข้อมูลก็เหมือนกับที่ปรากฏในข่าว ขณะนี้ก็รอให้ ด.ต.วรวิทย์ เข้ามาแก้ข้อกล่าวหาและชี้แจงว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร เพราะผู้บังคับบัญชาสั่งให้ลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรง คือให้ออกจากทางราชการไว้ก่อนแล้ว เนื่องจากทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของตำรวจ แต่เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต้องรอ ด.ต.วรวิทย์ มาให้ปากคำ และรอให้ผู้หญิงในคลิปซึ่งเป็นผู้เสียหายมาแจ้งความหรือให้ข้อมูลด้วยอีกคน เรื่องต่างๆ ถึงจะกระจ่างมากขึ้น
พ.ต.ท.ประพจน์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้รู้แล้วว่าผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นใคร โดยเป็นวัยรุ่นละแวกนี้ และได้มีการพูดคุยกับผู้เสียหายแล้ว แต่ผู้เสียหายยังไม่พร้อมที่เข้ามาให้ข้อมูลหรือแจ้งความ เพราะเรื่องดังกล่าวทำให้ผู้เสียหายเสื่อมเสีย โดยขอเวลาปรึกษาญาติๆ ก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร และจะติดต่อกลับมาอีกครั้ง
จากกรณีมีผู้โพสต์คลิปลงในยูทูปและแชร์ภาพต่อกันอย่างแพร่หลายในโลกออนไลน์ ประจานภาพของ ด.ต.วรวิทย์ นุกูลกิจ ผบ.หมู่ป. สน.ดินแดง ที่พาผู้หญิงเข้าไปในอพาร์ทเม้นบ้านเพชรศิริอพาร์ตเมนต์ ภายในซอยประชาสงเคราะห์ 25/1 แล้วญาติๆของผู้หญิงมาพบจนมีการวิ่งไล่กัน กระทั่งล่าสุด พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. มีคำสั่งให้ ด.ต.รายดังกล่าวที่อยู่ในคลิปฉาวออกจากราชการไว้ก่อนแล้วนั้น
เมื่อเวลา 11.00 น.วานที่ 30 เม.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ตร.กล่าวถึงกรณีการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทาง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้รับรายงานข้อมูลการร้องเรียนจากประชาชนของสำนักนายกรัฐมนตรี โดยพบปัญหาที่ประชาชนร้องเรียนมากที่สุด 4 เรื่อง ได้แก่ 1. การแจ้งเบาะแสยาเสพติด 2. การแจ้งเบาะแสอบายมุขและสถานบริการที่เปิดเกินเวลา 3. พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4. การก่อความวุ่นวายของวัยรุ่น ซึ่ง ผบ.ตร.ย้ำให้ทุกหน่วยเอาใจใส่ทุกเรื่องที่มีการร้องเรียน แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย โดยเฉพาะหลายกรณีที่ตำรวจเป็นผู้กระทำผิดเอง ให้หน่วยต้นสังกัดดำเนินมาตรการ และให้ดำเนินการตามหลัหฐานที่ปรากฏโดยให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวต่อว่า ให้ดำเนินการตาม 3 มาตรการ ดังนี้ 1. ให้ตรวจสอบข้อมูลการกระทำผิด และข้อมูลเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างรวดเร็ว 2. หากพบว่าข้อมูลที่ได้รับมีความผิดชัดเจน และให้หน่วยที่จับกุมเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลออกหมายจับ พร้อมประสานกับต้นสังกัด ดำเนินการทางวินัยและให้ออกจากราชการไว้ก่อนทันที อย่างในกรณีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดินแดง และ สน.ทองหล่อ ก็ให้ออกจากราชการไว้ก่อน 3. เอาใจใส่คุ้มครองพยานเป็นพิเศษ โดยให้ผู้บัญชาการของตำรวจที่กระทำผิดลงไปดูแลทุกกรณี เนื่องจากผู้กระทำผิดเป็นตำรวจ อาจจะทำให้พยานเกิดความหวาดกลัวจนไม่กล้าให้ข้อมูล
พ.ต.อ.ภานพ วรธนัชชากุล ผกก.สน.ดินแดง กล่าวว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 29 เม.ย. ได้ติดต่อไปหา ด.ต.วรวิทย์ อีกครั้ง ซึ่ง ด.ต.วรวิทย์ ก็ระบุว่าจะเดินทางกลับมาวันที่ 30 เม.ย. แต่พอเช้าวันนี้โทรศัพท์ติดต่อไปอีกครั้งก็ไม่สามารถติดต่อ ด.ต.วรวิทย์ ได้อีกเลย อย่างไรก็ตาม ยังถือว่ายังอยู่ในช่วงวันลาของด.ต.วรวิทย์อยู่ แต่หากวันที่ 1 พ.ค. ไม่มาทำงาน ก็จะถือว่าขาดราชการต้องลงบันทึกประจำวันและมีความผิดทางวินัยเพิ่มอีก 1 เรื่อง ซึ่งไม่เกี่ยวกับความผิดในคลิปดังกล่าว ส่วนผู้หญิงในคลิปยังไม่ทราบว่าเป็นใครและยังไม่มีการติดต่อเข้ามาแจ้งความแต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.ท.ประพจน์ อุนศิริ รอง ผกก.สส.สน.ดินแดง ประธานคณะกรรมการสอบสวนคดีดังกล่าว กล่าวว่า สำหรับการสอบสวน เมื่อช่วงเย็นวันที่ 29 เม.ย. ผู้ชายที่อยู่ในเหตุการณ์ 2 คน ได้เดินทางมาให้ข้อมูลเบื้องต้นแล้ว ซึ่งข้อมูลก็เหมือนกับที่ปรากฏในข่าว ขณะนี้ก็รอให้ ด.ต.วรวิทย์ เข้ามาแก้ข้อกล่าวหาและชี้แจงว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร เพราะผู้บังคับบัญชาสั่งให้ลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรง คือให้ออกจากทางราชการไว้ก่อนแล้ว เนื่องจากทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของตำรวจ แต่เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต้องรอ ด.ต.วรวิทย์ มาให้ปากคำ และรอให้ผู้หญิงในคลิปซึ่งเป็นผู้เสียหายมาแจ้งความหรือให้ข้อมูลด้วยอีกคน เรื่องต่างๆ ถึงจะกระจ่างมากขึ้น
พ.ต.ท.ประพจน์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้รู้แล้วว่าผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นใคร โดยเป็นวัยรุ่นละแวกนี้ และได้มีการพูดคุยกับผู้เสียหายแล้ว แต่ผู้เสียหายยังไม่พร้อมที่เข้ามาให้ข้อมูลหรือแจ้งความ เพราะเรื่องดังกล่าวทำให้ผู้เสียหายเสื่อมเสีย โดยขอเวลาปรึกษาญาติๆ ก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร และจะติดต่อกลับมาอีกครั้ง
