นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคกลาง แถลงเรื่องการปฏิรูปพรรค ว่า ได้มีการประชุมส.ส.กลุ่มปฏิรูป เมื่อวันที่ 24 เม.ย.56 เพื่อเสนอแนวทางยกเครื่องพรรค นำไปสู่การปรับปรุงให้ดีขึ้น ด้วยการสร้างระบบและโครงสร้างที่ดี ไม่เกี่ยวกับเรื่องตัวบุคลากร โดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ก็เห็นด้วย กับการปฏิรูป แต่ไม่เห็นด้วยกับการออกมาทวิตเตอร์ ของตนเอง
นายนคร มาฉิม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการหารือร่วมกันของส.ส.จากทุกภาค ประมาณ 20 คน เพื่อประมวลและสรุปแนวทางเพื่อเสนอกรรมการบริหารและที่ประชุมใหญ่ของพรรค โดยมีความเห็นพ้องต้องกันว่า พรรคมีความจำเป็นที่จะต้องปฏิรูป เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปให้พรรคเป็นที่พึ่ง ที่หวังของประชาชนและประเทศ เป็นอนาคตให้กับบ้านเมือง เพราะมองเห็นจุดอ่อน และจุดแข็งของพรรค ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องปฏิรูปคือ
1. นโยบายต้องสนองตอบต่อสังคมทุกภาคส่วน สนองตอบประชาชนในทุกระดับชั้น เป็นความหวังของประเทศและประชาชนที่สัมผัสเป็นรูปธรรมได้
2. การบริหารองค์กรภายในต้องดูแลเรื่องการบริหารจัดการโครงสร้างให้สนองตอบต่อพลวัตรทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน
3. มีความจำเป็นต้องเปิดกว้างให้บุคลากรทั้งในและนอกพรรคที่มีความรู้ความสามารถและมีอุดมการณ์พร้อมเสียสละให้บ้านเมืองเข้ามามีส่วนร่วม มีที่ยืน มีโอกาสนำบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถมาเป็นบุคลากรขับเคลื่อนพรรคเพื่อสนองตอบโจทย์ประเทศและประชาชนมากขึ้น
โดยภายใน30 วันจะมีคณาจารย์จากสถาบันต่างๆ มาเป็นที่ปรึกษา เพื่อวางระบบว่าโครงสร้างควรเป็นแบบไหน จากนั้นจะนำเสนอต่อกรรมการบริหารพรรค ถ้าประชาชน สมาชิกพรรค บุคลากรในและนอกพรรค และผู้ที่คาดหวังให้พรรคเป็นสถาบันการเมืองตอบโจทย์ประเทศไทยได้ให้เสนอแนวคิดวิธีการในการบริหารให้พรรคเป็นของมหาชนของประเทศที่ประชาชนฝากอนาคตไว้ได้ จากนั้นจะมีการจัดทำพิมพ์เขียว เสนอกรรมการบริหารพรรค เพื่อเสนอสภาที่ปรึกษาของพรรค และจะเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ เพื่อขับเคลื่อนพรรคต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายนคร ปฏิเสธว่าการจะทำนโยบายที่ตอบสนองทุกกลุ่มไม่ได้หมายถึงว่าจะแข่งนโยบายประชานิยมกับพรรคเพื่อไทย เพราะการกำหนดนโยบายต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง และการพัฒนาที่ยั่งยืน
เมื่อถามว่า ในขณะนี้นโยบายของพรรค ไม่อยู่บนพื้นฐานความจริง และไม่ใช่การพัฒนาที่ยั่งยืนหรือ นายนคร กล่าวว่า ไม่ใช่ นโยบายพรรคอยู่บนพื้นฐานความจริง และความยั่งยืน แต่คิดว่ายังไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าหากไม่เพียงพอ แล้วมีอะไรเป็นรูปธรรมที่พรรคต้องทำเพิ่มเติม นายนคร กลับตอบไม่ได้ โดยอ้างว่าจะมีการนำเสนอต่อไป
นายนคร ยังย้ำว่า แนวทางการปฏิรูปในครั้งนี้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคเห็นด้วย เพียงแต่ไม่ต้องการให้นำมาเป็นประเด็นนอกพรรค โดยอยากให้คุยกันภายในพรรค บางอย่างก็สมควรพูดในพรรค แต่บางเรื่องก็ต้องเปิดกว้าง เพื่อให้สังคมรับทราบ และเมื่อเสนอต่อกรรมการบริหารพรรคแล้ว ก็ต้องมีคำตอบว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย หรือหาจุดร่วมกันอย่างไร เพราะกรรมการบริหารพรรค ก็ต้องมีคำตอบให้สังคมด้วย หากพรรคปฏิเสธสังคม พรรคก็จะแพ้ เหมือนอย่างที่พ่ายแพ้มาตลอด 21 ปี
เมื่อถามว่า การขับเคลื่อนที่อ้างว่าจะเพิ่มความเข้มแข็งให้กับพรรคนั้น ได้มีการมองในมุมกลับหรือไม่ว่า กำลังกลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามนำไปใช้เป็นอาวุธกลับมาโจมตีพรรคตัวเอง นายนคร กล่าวว่า ถึงแม้ตนจะไม่ออกมาพูดเรื่องนี้ ฝ่ายตรงข้ามก็ทราบจุดอ่อนของพรรคอยู่แล้ว และรู้ดีว่าพวกตนคิดอย่างไร
นายนคร มาฉิม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการหารือร่วมกันของส.ส.จากทุกภาค ประมาณ 20 คน เพื่อประมวลและสรุปแนวทางเพื่อเสนอกรรมการบริหารและที่ประชุมใหญ่ของพรรค โดยมีความเห็นพ้องต้องกันว่า พรรคมีความจำเป็นที่จะต้องปฏิรูป เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปให้พรรคเป็นที่พึ่ง ที่หวังของประชาชนและประเทศ เป็นอนาคตให้กับบ้านเมือง เพราะมองเห็นจุดอ่อน และจุดแข็งของพรรค ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องปฏิรูปคือ
1. นโยบายต้องสนองตอบต่อสังคมทุกภาคส่วน สนองตอบประชาชนในทุกระดับชั้น เป็นความหวังของประเทศและประชาชนที่สัมผัสเป็นรูปธรรมได้
2. การบริหารองค์กรภายในต้องดูแลเรื่องการบริหารจัดการโครงสร้างให้สนองตอบต่อพลวัตรทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน
3. มีความจำเป็นต้องเปิดกว้างให้บุคลากรทั้งในและนอกพรรคที่มีความรู้ความสามารถและมีอุดมการณ์พร้อมเสียสละให้บ้านเมืองเข้ามามีส่วนร่วม มีที่ยืน มีโอกาสนำบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถมาเป็นบุคลากรขับเคลื่อนพรรคเพื่อสนองตอบโจทย์ประเทศและประชาชนมากขึ้น
โดยภายใน30 วันจะมีคณาจารย์จากสถาบันต่างๆ มาเป็นที่ปรึกษา เพื่อวางระบบว่าโครงสร้างควรเป็นแบบไหน จากนั้นจะนำเสนอต่อกรรมการบริหารพรรค ถ้าประชาชน สมาชิกพรรค บุคลากรในและนอกพรรค และผู้ที่คาดหวังให้พรรคเป็นสถาบันการเมืองตอบโจทย์ประเทศไทยได้ให้เสนอแนวคิดวิธีการในการบริหารให้พรรคเป็นของมหาชนของประเทศที่ประชาชนฝากอนาคตไว้ได้ จากนั้นจะมีการจัดทำพิมพ์เขียว เสนอกรรมการบริหารพรรค เพื่อเสนอสภาที่ปรึกษาของพรรค และจะเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ เพื่อขับเคลื่อนพรรคต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายนคร ปฏิเสธว่าการจะทำนโยบายที่ตอบสนองทุกกลุ่มไม่ได้หมายถึงว่าจะแข่งนโยบายประชานิยมกับพรรคเพื่อไทย เพราะการกำหนดนโยบายต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง และการพัฒนาที่ยั่งยืน
เมื่อถามว่า ในขณะนี้นโยบายของพรรค ไม่อยู่บนพื้นฐานความจริง และไม่ใช่การพัฒนาที่ยั่งยืนหรือ นายนคร กล่าวว่า ไม่ใช่ นโยบายพรรคอยู่บนพื้นฐานความจริง และความยั่งยืน แต่คิดว่ายังไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าหากไม่เพียงพอ แล้วมีอะไรเป็นรูปธรรมที่พรรคต้องทำเพิ่มเติม นายนคร กลับตอบไม่ได้ โดยอ้างว่าจะมีการนำเสนอต่อไป
นายนคร ยังย้ำว่า แนวทางการปฏิรูปในครั้งนี้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคเห็นด้วย เพียงแต่ไม่ต้องการให้นำมาเป็นประเด็นนอกพรรค โดยอยากให้คุยกันภายในพรรค บางอย่างก็สมควรพูดในพรรค แต่บางเรื่องก็ต้องเปิดกว้าง เพื่อให้สังคมรับทราบ และเมื่อเสนอต่อกรรมการบริหารพรรคแล้ว ก็ต้องมีคำตอบว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย หรือหาจุดร่วมกันอย่างไร เพราะกรรมการบริหารพรรค ก็ต้องมีคำตอบให้สังคมด้วย หากพรรคปฏิเสธสังคม พรรคก็จะแพ้ เหมือนอย่างที่พ่ายแพ้มาตลอด 21 ปี
เมื่อถามว่า การขับเคลื่อนที่อ้างว่าจะเพิ่มความเข้มแข็งให้กับพรรคนั้น ได้มีการมองในมุมกลับหรือไม่ว่า กำลังกลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามนำไปใช้เป็นอาวุธกลับมาโจมตีพรรคตัวเอง นายนคร กล่าวว่า ถึงแม้ตนจะไม่ออกมาพูดเรื่องนี้ ฝ่ายตรงข้ามก็ทราบจุดอ่อนของพรรคอยู่แล้ว และรู้ดีว่าพวกตนคิดอย่างไร