คงจำกันได้ถึงการนำเสนอของผู้เขียน ประมาณว่า “การพังทลายของตลาดหุ้น NASDAQ สหรัฐอเมริกาในปี 2000 เป็นต้นเหตุให้เงินเหรียญสหรัฐเสียหาย ไม่ได้รับความเชื่อมั่น ทำให้คนไม่ถือเงินเหรียญสหรัฐ ทิ้งเงินเหรียญสหรัฐ ทำให้เงินเหรียญสหรัฐไหลออกไปถือสินทรัพย์ในรูปสกุลเงินอื่น เงินเหรียญสหรัฐเป็นสกุลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ส่งผลให้ค่าเงินประเทศต่างๆ ทั่วโลกสูงขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นประเทศต่างๆสูงขึ้น ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ เช่น ทองคำ น้ำมัน มีราคาสูงขึ้น ฯลฯ”
การทิ้งเงินเหรียญสหรัฐ ทำให้สภาพคล่องของประเทศสหรัฐฯ เสียหาย ทำให้ระบบเศรษฐกิจล้มลงทั้งประเทศ คนตกงานจำนวนมาก เกิดหนี้เสียท่วมประเทศ ต้องพิมพ์เงินออกมาใช้ถึง 3 รอบ (Quantitative Easing) ทุกวันนี้ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศยากจนใหม่ไปแล้ว
กลไกการสูงขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (ทองคำ น้ำมัน ฯลฯ) “เมื่อค่าเงินเหรียญสหรัฐเล็กลงหรือเสียหาย จะต้องใช้ปริมาณเงินเหรียญสหรัฐมากขึ้นในการซื้อสินค้าและบริการที่ประมาณเท่าเดิม จึงทำให้เห็นว่าราคาสินค้า (ทองคำ น้ำมัน) และบริการมีราคาสูงขึ้น”
GOLD: (US$/Ounce) แสดงให้เห็นว่าราคาทองคำได้เริ่มสูงขึ้นระหว่างปี 2000-2001 ซึ่งสอดคล้องกับการเริ่มพังทลายของตลาดหุ้น NASDAQ และ ค่าเงินเหรียญสหรัฐนั่นเอง
AB จากราคาทองคำปี 2001 - 2006 สูงขึ้น 178 เปอร์เซ็นต์
AC จากราคาทองคำปี 2001 - 2008 สูงขึ้น 291 เปอร์เซ็นต์
AD จากราคาทองคำปี 2001 - 2011 สูงขึ้น 642 เปอร์เซ็นต์
จุดสูงสุดของราคาทองคำอยู่ที่จุด D ที่ราคาทองคำสูงขึ้น 642 เปอร์เซ็นต์
ระหว่างกลางปี 2011 ราคาทองคำได้ขึ้นไปสูงสุดที่ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และราคาทองคำก็เริ่มตกลงอย่างจริงจังตั้งแต่ช่วงนั้นเป็นต้นมา ราคามีการฟื้นตัวในบางช่วง แกว่งตัวแรง ราคาทองคำเคยตกต่ำกว่า 1,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในกลางปี 2012 และได้มีการฟื้นตัวขึ้นมา แต่ไม่มีราคาสูงสุดใหม่ วันศุกร์ที่ 11 ถึงวันจันทร์ที่ 15 เมษายน 2013 ช่วง 2 วัน ราคาได้ตกลงจากระดับ 1,560 ลงไปที่ 1,354 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือตกลง 206 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาตกกว่า 13 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าตกแรง
BRENT: (US$/Barrel) แสดงให้เห็นว่าราคาน้ำมันได้เริ่มสูงขึ้นระหว่างปี 2000-2001 ซึ่งสอดคล้องกับการเริ่มพังทลายของตลาดหุ้น NASDAQ และ ค่าเงินเหรียญสหรัฐนั่นเอง
AB จากราคาน้ำมันปี 2001 - 2006 สูงขึ้น 353 เปอร์เซ็นต์
AC จากราคาน้ำมันปี 2001 - 2008 สูงขึ้น 758 เปอร์เซ็นต์
AD จากราคาน้ำมันปี 2001 - 2011 สูงขึ้น 643 เปอร์เซ็นต์
จุดสูงสุดของราคาน้ำมันอยู่ที่จุด C ที่ราคาสูงขึ้น 758 เปอร์เซ็นต์
นั่นคือการสูงขึ้นของราคาทองคำและราคาน้ำมัน ได้รับผลกระทบมาจากเรื่องเดียวกัน คือการพังทลายของค่าเงินเหรียญสหรัฐ จุด A, B, C และ D ของราคาทองคำและราคาน้ำมัน เป็นช่วงเวลาเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน จุดสูงสุดไม่จำเป็นจะต้องตรงกัน อยู่ที่คนสวมรอยปั่นจะทำให้ราคาอันไหนสูงก่อนหรือสูงหลัง เนื่องจากต้องใช้เงินก้อนใหญ่ก้อนเดียวกัน จะทำให้สูงสุดพร้อมกันในเวลาเดียวกันไม่ได้ ผลัดกันทำให้จุดสูงสุดของราคาไม่ตรงกัน
G91 index คือดัชนีค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นทั่วโลก 91 ประเทศ จะเห็นว่าดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก เริ่มสูงขึ้นในปี 2001 เช่นเดียวกับราคาทองคำและราคาน้ำมัน ซึ่งสอดคล้องกับการเริ่มพังทลายของตลาดหุ้น NASDAQ และ ค่าเงินเหรียญสหรัฐในปี 2000 นั่นเอง
จากนั้นตลาดหุ้นทั่วโลกก็พังทลายลงในปี 2008 (Hamburger crisis) นำความเสียหายมาสู่โลก โดยเฉพาะยุโรป เสียหายรุนแรงที่สุด
การพังทลายลงของ G91 index ในปี 2008 เป็นการยุติการตกลงของค่าเงินเหรียญสหรัฐ หรือเงินเหรียญสหรัฐได้เริ่มฟื้นตัวขึ้นในปี 2008 นี้เอง ดูกราฟถัดไป
US$: EURO/USD เงินสกุลยูโร เป็นสกุลเงินที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 รองจากเงินเหรียญสหรัฐ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน แสดงให้เห็นว่าเงินเหรียญสหรัฐได้เริ่มตกตั้งแต่ปี 2000 หลังการพังทลายของตลาด NASDAQ
ตามภาพ ค่าเงินเหรียญสหรัฐตกลงตลอดเวลา และมีฟื้นตัวขึ้นบ้างในบางช่วง และตกลงไปต่ำสุดในกลางปี 2008 ตกลงประมาณ 48 เปอร์เซ็นต์ การที่สกุลเงินตกต่ำถึง 48 เปอร์เซ็นต์เป็นการตกลงมาก เป็นเรื่องที่ผิดปกติ
จากนั้นค่าเงินเหรียญสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยเริ่มฟื้นตัวขึ้นในกลางปี 2008 จะเห็นว่าจุดต่ำสุดของค่าเงินเหรียญสหรัฐอยู่ในปี 2008 (P)
จุดต่ำของค่าเงินเหรียญสหรัฐ Q R S สูงขึ้นตามลำดับ แสดงให้เห็นถึงค่าเงินเหรียญสหรัฐค่อยๆ ฟื้นตัว ข่าวเรื่องธนาคารกลางสหรัฐจะยุติการพิมพ์เงินออกมาใช้ (Quantitative Easing QE) เป็นเรื่องที่เชื่อได้
ช่วง 10 ปี ระหว่างปี 2001 - 2011 AD จากราคาทองคำขึ้นจากระดับ 256 เหรียญต่อออนซ์ มาสูงสุดที่ 1,900 เหรียญต่อออนซ์ สูงขึ้น 642 เปอร์เซ็นต์ ราคาทองคำไม่ใช่จะเพิ่งมาตกในกลางเดือนเมษายน 2013 แต่ได้ตกลงตั้งแต่กลางปี 2011 แล้ว (ตรงกับจุด R ในกราฟ US$: EURO/USD)
ราคายางแผ่นดิบ (บาท/กก.) ก็เป็นแบบเดียวกันกับราคาทองคำกับราคาน้ำมัน จะเห็นว่าที่จุด A B C D ของราคายาง ก็เป็นจุดเดียวกันหรือใกล้เคียงกันกับจุด A B C D ของราคาทองคำและราคาน้ำมัน แต่รูปแบบการขึ้นลงของราคายาง คล้ายคลึงกับการขึ้นลงของราคาทองคำมากกว่าการขึ้นลงของราคายาง
จะเห็นว่าราคายางก็ขึ้นไปสูงสุดในปี 2011 เกือบ 180 บาทต่อกิโลกรัม เช่นเดียวกับราคาทองคำเช่นกัน ราคายาง (AD) เพิ่มขึ้นมาประมาณ 800 เปอร์เซ็นต์จากปี 2001
เมื่อราคายางสูงขึ้น รัฐบาลส่งเสริมให้มีการปลูกยางมากขึ้น รัฐบาลทำอะไรก็มีคอร์รัปชันทุกเรื่อง การส่งเสริมให้มีการปลูกยางมีเรื่องทุจริตกล้ายาง 1,400 ล้านบาท แต่ไม่สามารถเอาผิดใครได้ ไม่ว่าเรื่องธุรกิจกล้ายาง หรือการเอาเงินกองสลากไปใช้ คนที่ปลูกยางช่วงแรกคงมีผลผลิตให้เก็บเกี่ยวและมีกำไร แต่คนปลูกยางในช่วงหลัง ราคายางตกต่ำลง ทำให้มีกำไรน้อยลงหรืออาจจะขาดทุนได้ ค่าบำรุงดินมีต้นทุนสูง และช่วงหลังราคายางตกต่ำลงมาก
เดือนเมษายน 2013 ราคายางตกต่ำกว่า 80 บาทต่อกิโลกรัม เป็นจุดต่ำสุดใหม่ เช่นเดียวกับราคาทองคำนั่นเอง
สิ่งสำคัญ คือต้นเหตุ
ต้นเหตุหลักมาจากการพังทลายของตลาด NASDAQ และค่าเงินเหรียญสหรัฐในปี 2000 นอกจากจะกระทบค่าเงิน สภาพคล่อง และตลาดหุ้นของประเทศต่างๆ แล้ว ก็ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลกผันผวนหนัก โลหะทุกตัว ทองคำ เงินทองคำขาว ตะกั่ว สังกะสี ปิโตรเคมีทุกชนิด น้ำมัน แก๊ส สินค้าเกษตรข้าวโพด ถั่วเหลือง น้ำตาล มันสำปะหลัง ข้าว ยาง ก็ถูกกระทบไปด้วย ตามกลไกการเกิดวิกฤต ที่ทำให้ค่าเงินเสียหาย ตามที่นำเสนอไว้ข้างล่างนี้
ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย Gold, SDRs, Reserve position in the IMF, Foreign Currency reserves และยังมี Net Forward Position ด้วย
ส่วนที่มีมูลค่าสูงที่สุดของทุนสำรองฯ ได้แก่เงินตราต่างประเทศและทองคำ มูลค่าของทองคำมีประมาณ 2-4 เปอร์เซ็นต์ของเงินตราต่างประเทศ
จะเห็นว่ามูลค่าของทองคำในทุนสำรองฯ สูงขึ้นตามการสูงขึ้นของราคาทองคำ และขึ้นไปสูงสุดในปี 2011 วันที่ 11 พฤศจิกายน 2011 มูลค่าทองคำขึ้นไปสูงสุดที่ 8,845.45 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.74 แสนล้านบาท จากนั้นมูลค่าของทองคำก็ตกลงมาเรื่อยๆ ตามการตกลงของราคาทองคำโลก และหากราคาทองคำตกต่ำลงไปอีก มูลค่าทุนสำรองฯ ที่เป็นทองคำก็จะตกลงไปอีก
เพียงแต่มูลค่าของทองคำคิดเป็นประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ของเงินตราต่างประเทศ มันจึงไม่ส่งผลต่อทุนสำรองเงินตราต่างประเทศนัก
แต่อย่างไรก็ตาม ควรจะมีการบริหารจัดการทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่เหมาะสม จะต้องทราบว่าราคาทองคำขึ้นเพราะอะไร ตกเพราะอะไร ที่ราคาทองคำสูงขึ้นมามากๆ ไม่ใช่จะต้องซื้อทองคำเข้าไปอีก แต่ต้องขายออก มาถือเป็นดอลลาร์แทน ไว้เมื่อราคาทองคำตกต่ำไปอีก 10-15 ปี ค่อยสะสมทองคำใหม่ ทองคำในส่วนของหลวงตามหาบัวจะเก็บไว้ ก็ว่ากันไป น่าจะมีการอธิบายให้เข้าใจกันได้
ทุกวันนี้ระบบเศรษฐกิจโลกเบี่ยงเบนอย่างหนัก ธนาคารกลางของประเทศต่างๆตามไม่ทันถึงความเบี่ยงเบนดังกล่าว ไม่ว่าธนาคารกลางของประเทศสหรัฐอเมริกา และธนาคารกลางของสหภาพยุโรป (Euro Zone) ทำให้เศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรปย่อยยับอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ประเทศไทยเคยประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจกระทั่งค่าเงินบาทเสียหาย สภาพคล่องของระบบเสียหาย เศรษฐกิจล้มละลาย เกิดหนี้เสียท่วม คนตกงานมาก จนต้องเข้ารับความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มาแล้วถึง 2 ครั้ง และหากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งที่ 3 ขึ้นมาอีก ธนาคารแห่งประเทศไทยก็คงตกเป็นจำเลยอีก
แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยจำเป็นต้องทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับค่าเงินบาท ทุนสำรองฯ ของประเทศ และสภาพคล่องของระบบ ซึ่งมันเป็นความรับผิดชอบของธนาคารแห่งประเทศไทยโดยตรง
เงินเหรียญสหรัฐเป็นสกุลเงินที่ใหญ่อันดับหนึ่งของโลก หรือเปรียบเสมือนสกุลเงินของโลกได้ การพังทลายของค่าเงินเหรียญสหรัฐส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการสูงขึ้นทั่วโลก ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นทั่วโลก ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นทั่วโลก ช่วงเวลา 4-5 ปีมานี้ มีการชุมนุมประท้วงเกิดขึ้นในหลายประเทศ เนื่องจากเงินเฟ้อสูงมาก ค่าครองชีพเพิ่มขึ้นสูงมาก
การสูงขึ้นของราคาสินค้า เป็นผลดีแก่ผู้ผลิต ทำให้ขายทองคำ น้ำมัน สินค้าเกษตร รวมทั้งได้ค่าบริการขนส่งที่สูงขึ้น ราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้น ค่าน้ำมัน ค่าเครื่องมือเครื่องจักร ค่าปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืชก็สูงขึ้นด้วย
มาถึงช่วงที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำ
แต่การตกลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ไม่เป็นผลดีต่อผู้ผลิตแน่นอน โดยเฉพาะที่ได้เริ่มมีการผลิตหรือขยายการผลิตในช่วงหลัง ยกตัวอย่างเช่นการขยายเนื้อที่ปลูกยาง เป็นต้น
คนกลางหรือตัวกลางในการซื้อขายสินค้า ที่ซื้อมาขายไป อาจจะได้ผลกระทบจากการตกของราคาสินค้าไม่มาก ช่วงราคาสินค้าสูงขึ้น ก็มีความคิดที่จะตุนสินค้าได้ และเมื่อราคาสินค้ามีแนวโน้มต่ำลง เขาก็ไม่ตุนสินค้า การที่ราคาสินค้ามีแนวโน้มต่ำลง อาจจะมีการสวมรอยกดราคาให้ต่ำลงอีก
การตกลงของราคาสินค้า ก็ดีในแง่เงินเฟ้อของระบบและค่าครองชีพของระบบต่ำลง
ความเสียหายจากการตกลงของราคาทองคำ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่กิจการท้องถิ่นและคนท้องถิ่นแตกต่างกันออกไป
ช่วงที่ราคาทองคำสูงขึ้น และสูงขึ้นแบบรวดเร็ว พากันไปซื้อทองคำกัน และเมื่อราคาทองคำสูงขึ้นก็มีความสุขว่า ที่ซื้อไว้มีกำไร เมื่อราคาทองคำตกลงก็มีทุกข์ เพราะว่ามีกำไรน้อยลงหรือขาดทุน
โรงรับจำนำ ให้ราคารับจำนำทองคำดีกว่าทรัพย์สินอย่างอื่น เมื่อราคาทองคำตกต่ำกว่าราคาที่รับจำนำไว้ คนที่เอาทองคำมาจำนำก็จะไม่มาไถ่ถอนทองคำคืน
การสูงขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทุกวันนี้เบี่ยงเบนไปมาก เบี่ยงเบนไปจากเรื่องอุปสงค์อุปทานในอดีต หรือจากตำราที่เคยเรียนมา เนื่องจากมีการเก็งกำไรและสวมรอยปั่นราคาผ่านตลาดหุ้น การซื้อขายทองคำกระดาษผ่านตลาดหุ้น มีมากกว่าการบริโภคทองคำจริงประมาณ 8-9 เท่า ราคาทองคำจึงขึ้นอยู่การเก็งกำไรในตลาดหุ้น มากกว่าจะเกิดขึ้นโดยตรงจากอุปสงค์อุปทานการบริโภคทองคำจริง
ประเทศสิงคโปร์ มีการซื้อขายทองคำจริง ไม่มีอนุพันธ์ตลาดทองคำ หรือไม่มีการเปิดให้ซื้อ-ขายทองคำล่วงหน้าเหมือนประเทศไทย
ตลาดหุ้นไทยเปิดซื้อขายทองล่วงหน้าครั้งแรก เป็นชนิดทองคำน้ำหนัก 50 บาท เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2552 เมื่อราคาทองสูงขึ้น ทำให้มูลค่าทองคำชนิดน้ำหนัก 50 บาทสูงมาก ทำให้รายย่อยไม่สามารถซื้อได้ จึงเพิ่มชนิดทองคำน้ำหนัก 10 บาทมาซื้อขายเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2553
วันที่ 17 ตุลาคม 2554 เปิดซื้อขายตัวเลขน้ำมันล่วงหน้าอีก ที่น่าจะอันตรายแก่ประเทศไทยไม่น้อยก็ได้แก่การเปิดซื้อขายดอลลาร์ล่วงหน้า เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2555 ต่อไปเมื่อทราบว่าค่าเงินบาทเสียหาย ก็จะทำให้มาซื้อกระดาษดอลลาร์แทนได้ง่าย จะทำให้มีกำไรมากกว่าการซื้อขายดอลลาร์จริง 10 เท่า
การเปิดตลาดซื้อขายสินค้าล่วงหน้า แสนง่ายดาย เพราะมันเป็นเพียงการซื้อขายตัวเลข ไม่ต่างอะไรกับการซื้อขายหวยบนดินหวยใต้ดินหรือสลากชนิดต่างๆ ของรัฐบาล ไม่ต้องมีโกดังเก็บสินค้า
เนื่องจากมันเป็นเพียงตัวเลข ที่ไม่เหมือนสินค้าทั่วไป การขายสินค้าทั่วไปจะต้องมีของอยู่ในสต๊อกก่อนจึงจะขายออกไปได้ แต่ตลาดอนุพันธ์ไม่ใช่ตลาดซื้อขายสินค้าจริง เป็นการซื้อขายตัวเลขอ้างอิงของราคาสินค้า จึงสามารถทั้งซื้อและทั้งขายได้ตลอดเวลา หรือทั้งซื้อและทั้งขายได้ในเวลาเดียวกัน ใช้เงินประกัน 10 บาท ซื้อตัวเลขได้ 100 บาท กำไร (หรือขาดทุน) มากกว่าการซื้อขายหุ้นธรรมดา 10 เท่า
ตลาดอนุพันธ์ของอเมริกาและยุโรปมีส่วนให้เกิดความย่อยยับทางเศรษฐกิจของอเมริกาในปี 2000 และมีส่วนให้เกิดความย่อยยับทางเศรษฐกิจของยุโรปในปี 2008 เนื่องจากมันโน้มนำให้เกิดการปั่นราคาได้ง่าย ยิ่งปั่นราคาให้ขึ้นสูงมากเท่าใดยิ่งทำให้ได้กำไรมาขึ้นเท่านั้น ในทางตรงกันข้าม ยิ่งปั่นราคาให้ตกต่ำลงมากเท่าใดยิ่งทำให้ได้กำไรมากเท่านั้นเช่นเดียวกัน
การพังทลายของตลาดหุ้น คือการพังทลายของค่าเงิน คือการพังทลายของสภาพคล่อง คือการพังทลายของระบบเศรษฐกิจนั่นเอง
ก็เห็นแล้วว่าเศรษฐกิจของอเมริกาและยุโรปย่อยยับ แบบไหน อย่างไร ประเทศไทยยังไปลอกเลียนสิ่งเลวๆ จากตะวันตกมาอีก
ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยประเทศไทย เมื่อครั้งตลาดหุ้นนำระบบ Maintenance & Force sell มาใช้ในตลาดหุ้นในปี 2536 ทำให้มีการสวมรอยลาก SET index ขึ้นไปสูงถึง 1,750 จุดในต้นปี 2537 แล้วถล่มขายหุ้นลงมาอย่างรุนแรง ทำให้เกิดการบังคับขายหุ้นนักลงทุนท้องถิ่นอย่างทารุณยิ่ง ต่างชาติกำไรท่วม แต่คนท้องถิ่นขาดทุน
และเช่นเดียวกัน การเปิดตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้าช่วงที่ผ่านมา เมื่อวันศุกร์ที่ 12 และวันจันทร์ที่ 15 เมษายน 2556 ราคาทองคำตกลงกว่า 200 เหรียญต่อออนซ์ หรือราคาทองคำในประเทศไทยตกจากระดับ 24,000 มาเป็น 19,000 บาทต่อบาททองคำ ทำให้หลักประกันที่มีอยู่ไม่คุ้มกับที่ราคาทองคำตกลงมา จึงมีการเรียกหลักประกันเพิ่ม หากหาหลักประกันมาเพิ่มไม่ได้ก็จะต้องถูกบังคับขายตัวเลขทองคำล่วงหน้านั้น ก็อยู่ที่ใครจะหาหลักประกันมาเพิ่มหรือไม่ หรือยอมให้ถูกบังคับขายตัวเลขทองคำล่วงหน้านั้น มีข่าวว่ามีการปิดการซื้อขายตัวเลขราคาทองคำล่วงหน้าชั่วคราว ระหว่างเวลาทำการตลาดในกลางเดือนเมษายน 2556
เรื่องการซื้อขายตัวเลขล่วงหน้า มีการจับคู่กัน แน่นอน มีคนเสียก็ต้องมีคนได้ คนท้องถิ่นเสียหาย แต่ต่างชาติได้กำไร คนท้องถิ่นเสียหายมากกว่าปกติ 10 เท่า ต่างชาติก็มีกำไรมากกว่าปกติ 10 เท่า
บรรดา Hedge Fund มีข้อมูล มีความรู้ มีความเข้าใจ มีประสบการณ์มานาน กับตลาดทุนและตลาดอนุพันธ์ทั่วโลก รู้ถึงความสัมพันธ์ต่างๆ ที่มีต่อกันในระบบเศรษฐกิจ มีทุนมากด้วย สามารถเป็นผู้ทำราคาได้ด้วย
การเปิดตลาดอนุพันธ์ครั้งแรกในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร โดยที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นกรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2549 นั่นเอง เป็นต้นเหตุให้เงินทุนไหลเข้าประเทศไทย และทำให้บาทแข็งค่าขึ้น ระหว่างปี 2549 ถึงกลางปี 2550 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจาก 40 มาเป็น 30 บาท หรือแข็งค่ามากขึ้นถึง 10 บาทต่อเหรียญสหรัฐในช่วงระยะเวลาเพียงปีครึ่ง เงินไหลเข้ามาเก็งกำไรในตลาดอนุพันธ์
คนท้องถิ่นสิงคโปร์อาจจะมีการขาดทุนจากการซื้อทองคำที่ราคาสูงได้ แต่ก็เป็นการขาดทุนแบบตรงไปตรงมา ไม่สลับซับซ้อน แต่คนท้องถิ่นไทย มีการขาดทุน 2 แบบ คือขาดทุนแบบตรงไปตรงมาแบบคนสิงคโปร์ กับมีการขาดทุนในตลาดล่วงหน้า ซึ่งขาดทุนมากกว่าการขาดทุนแบบตรงไปตรงมาถึง 10 เท่า
วาทกรรมของผู้บริหารระดับสูงไทยเป็นเลิศ แสดงให้เห็นว่าเหนือกว่าผู้นำใดๆในโลก เหนือกว่าสิงคโปร์ แต่ SHIN ADVANC ของไทยก็ตกเป็นของสิงคโปร์ (SHIN เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ADVANC) ธนาคารเอกชนขนาดใหญ่ของไทยก็ตกเป็นของสิงคโปร์ PTT ก็แบ่งขายให้สิงคโปร์ ยังมีทรัพย์สินอีกหลายอย่างวางแผนไว้ ที่จะขายให้ต่างชาติ จงใจจะย่อยยับชาติกันอย่างเดียว ไม่รู้โกรธแค้นเคืองขุ่นประเทศไทยมาตั้งแต่ชาติไหน
จากที่จั่วหัวเรื่องไว้ “ราคาทองคำจะพังไปถึงไหน” สรุปได้ไม่ยาก ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นผู้นำเสนอและรายงานมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมาว่า ราคาทองคำสูงขึ้นมาเท่าใด สูงขึ้นมาเพราะอะไร อะไรเป็นต้นเหตุ ก็ไม่ใช่นำเสนอการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำอย่างเดียว ได้นำเสนอถึงการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ รวมทั้งเรื่องการเปลี่ยนแปลงของตลาดทุนตลาดเงินทั่วโลก ก็น่าจะพอชี้บอกได้ว่าราคาทองคำจะไปทิศทางใดหรือไปถึงไหน
ดังที่นำเสนอไว้ในช่วงต้น การพังทลายของค่าเงินเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ราคาทองคำและราคาน้ำมันสูงขึ้น
ในทางตรงกันข้าม การที่เงินเหรียญสหรัฐมีค่าสูงขึ้น ก็จะทำให้ราคาทองคำและราคาน้ำมันตกลงนั่นเอง ในทางเทคนิค ค่าเงินเหรียญสหรัฐคงจะฟื้นตัวไปเรื่อยๆ อาจจะ 10 ปีหรือมากกว่า ราคาทองคำ และสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหลายยังผูกพันกับค่าเงินเหรียญสหรัฐตลอดไป จึงยากที่จะบอกว่าราคาทองคำจะฟื้นตัวในเร็ววัน ราคาทองคำจะเป็นไปในทางตรงกันข้ามกับการฟื้นตัวของค่าเงินเหรียญสหรัฐ ราคาทองคำอาจจะมีการฟื้นตัวบ้างเป็นบางช่วง แต่เป็นการฟื้นตัวทางเทคนิค
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์คงจะต่ำไปเรื่อยๆ ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินเหรียญสหรัฐ ราคาทองคำ ราคาน้ำมัน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะฟื้นตัวได้จริงจัง ก็เมื่อเงินเหรียญสหรัฐพังทลายลงนั่นเอง