ASTVผู้จัดการรายวัน- “พงษ์ศักดิ์”ส่งซิกเตรียมขยับแอลพีจีครัวเรือน เดือนละ 50 สต./กก.นำร่องมิ.ย.นี้เป็นเวลา 7 เดือนให้ราคาแตะที่ 21.38 บาทต่อกก.เท่าภาคขนส่งแล้วขยับระลอก 2 เดือนละ 50 สต./กก.จนชนเพดานเป้าหมาย 24.82 บาท/กก. พร้อมออกมาตรการดูแลคนมีรายได้ต่ำ
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ภายในมิถุนายนนี้คาดว่าจะสามารถปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนที่ปัจจุบันอยู่ที่ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)ได้ หลังจากสิ้นสุดการตรึงราคาในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ โดยคาดว่าจะทยอยปรับขึ้นราคาในอัตราเดือนละ 50 สตางค์ต่อกก. จนไปถึงราคาเท่ากับแอลพีจีภาคขนส่งที่ 21.38 บาทต่อกก. โดยจะใช้เวลาประมาณ 7 เดือนหลังจากนั้น จะปรับขึ้นอีกเดือนละ 50 สตางค์ต่อกก.ทั้งภาคครัวเรือนและภาคขนส่ง ไปพร้อมๆ กันจนถึงเพดาน 24.82 บาทต่อกก. ซึ่งเป็นระดับราคาที่ได้มีการศึกษาความเหมาะสมไว้ก่อนหน้านี้
“ แอลพีจีภาคอุตสาหกรรมที่ปัจจุบันเพดานราคาไม่เกิน 30.13 บาทต่อกก.นั้นล่าสุดราคาตลาดโลกมีการปรับตัวลดลงทำให้ราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.อยู่ที่ 29.59 บาทต่อกก. ขณะที่แนวโน้มเดือนต่อไปคาดว่าแอลพีจีตลาดโลกอยู่ที่ 708 เหรียญฯต่อตันดังนั้นจะทำให้แอลพีจีภาคอุตสาหกรรมลดลงมาได้อีกจากเพดาน 3 บาทต่อกก.” นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
อย่างไรก็ตามการพิจารณาปรับขึ้นราคาแอลพีจีครัวเรือนจะต้องรอข้อมูลการสำรวจสำมะโนของ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ที่อยู่ระหว่างการจัดเก็บข้อมูลสำมะโนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน ล่าสุดอยู่ที่ 7.12 ล้านราย หรือคิดเป็นประชาชนที่ได้รับการอุดหนุน 14 ล้านคน ส่วนกลุ่มหาบเร่ แผงลอย มีข้อมูลส่งมา 1 แสนราย อย่างไรก็ตาม การเก็บข้อมูลจะทำแค่สิ้นสุดในสิ้นเดือนเม.ย. หลังจากนั้นก็จะเริ่มพิจารณาในเรื่องการปรับโครงสร้างราคาต่อไป และออกมาตรการช่วยเหลือ
สำหรับรูปแบบการช่วยเหลือเบื้องต้น ในส่วนของประชาชนทั่วไป ก็จะโอนเงินให้กับผู้ใช้สูงสุดไม่เกินเดือนละ 36 บาท ส่วนแม่ค้าหาบเร่ แผงลอย ก็จะใช้วิธีการได้รับบัตรส่วนลดเพื่อซื้อแอลพีจีในราคาเดิม อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือยังคงติดปัญหาข้อกฎหมายจากการนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาใช้ ว่าอาจจะเป็นการผิดวัตถุประสงค์หรือไม่
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ภายในมิถุนายนนี้คาดว่าจะสามารถปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนที่ปัจจุบันอยู่ที่ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)ได้ หลังจากสิ้นสุดการตรึงราคาในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ โดยคาดว่าจะทยอยปรับขึ้นราคาในอัตราเดือนละ 50 สตางค์ต่อกก. จนไปถึงราคาเท่ากับแอลพีจีภาคขนส่งที่ 21.38 บาทต่อกก. โดยจะใช้เวลาประมาณ 7 เดือนหลังจากนั้น จะปรับขึ้นอีกเดือนละ 50 สตางค์ต่อกก.ทั้งภาคครัวเรือนและภาคขนส่ง ไปพร้อมๆ กันจนถึงเพดาน 24.82 บาทต่อกก. ซึ่งเป็นระดับราคาที่ได้มีการศึกษาความเหมาะสมไว้ก่อนหน้านี้
“ แอลพีจีภาคอุตสาหกรรมที่ปัจจุบันเพดานราคาไม่เกิน 30.13 บาทต่อกก.นั้นล่าสุดราคาตลาดโลกมีการปรับตัวลดลงทำให้ราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.อยู่ที่ 29.59 บาทต่อกก. ขณะที่แนวโน้มเดือนต่อไปคาดว่าแอลพีจีตลาดโลกอยู่ที่ 708 เหรียญฯต่อตันดังนั้นจะทำให้แอลพีจีภาคอุตสาหกรรมลดลงมาได้อีกจากเพดาน 3 บาทต่อกก.” นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
อย่างไรก็ตามการพิจารณาปรับขึ้นราคาแอลพีจีครัวเรือนจะต้องรอข้อมูลการสำรวจสำมะโนของ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ที่อยู่ระหว่างการจัดเก็บข้อมูลสำมะโนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน ล่าสุดอยู่ที่ 7.12 ล้านราย หรือคิดเป็นประชาชนที่ได้รับการอุดหนุน 14 ล้านคน ส่วนกลุ่มหาบเร่ แผงลอย มีข้อมูลส่งมา 1 แสนราย อย่างไรก็ตาม การเก็บข้อมูลจะทำแค่สิ้นสุดในสิ้นเดือนเม.ย. หลังจากนั้นก็จะเริ่มพิจารณาในเรื่องการปรับโครงสร้างราคาต่อไป และออกมาตรการช่วยเหลือ
สำหรับรูปแบบการช่วยเหลือเบื้องต้น ในส่วนของประชาชนทั่วไป ก็จะโอนเงินให้กับผู้ใช้สูงสุดไม่เกินเดือนละ 36 บาท ส่วนแม่ค้าหาบเร่ แผงลอย ก็จะใช้วิธีการได้รับบัตรส่วนลดเพื่อซื้อแอลพีจีในราคาเดิม อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือยังคงติดปัญหาข้อกฎหมายจากการนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาใช้ ว่าอาจจะเป็นการผิดวัตถุประสงค์หรือไม่