00 หลายคนที่พอได้เห็นการชี้แจงของทีมทนายความฝ่ายไทย นำโดย วีรชัย พลาศรัย แบหลักฐานทั้งที่เป็นข้อมูลข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ รวมทั้งแผนที่ทางเทคนิกมาหักล้าง และเปิดโปงเล่ห์เหลี่ยม เขมรฮุนเซน ได้แบบตอกหน้าแงกันไปเลย ต้องยอมรับ เมื่อได้เห็นภาพ และเสียงดังกล่าวของฝ่ายไทย ก็ต้องยอมรับว่า "นี่คือทีเด็ด" ยอมรับว่า มีการเตรียมการ มีการหาข้อมูลไว้รับมืออย่างดี รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมาไม้ไหน โดยเฉพาะการ "ขีดวงบีบให้ศาลโลก" พิจารณาเฉพาะพื้นที่โดยรอบปราสาท ในเนื้อที่จำกัดแค่ "ไม่เกิน 1.7 ตาราง กม." เท่านั้น ต้องการจำกัดความเสียหายไว้ล่วงหน้า นั่นคือป้องกันไม่ให้ศาลโลกบ้าจี้ พิจารณาตามคำร้องของเขมรที่อ้าง แผนที่ผนวก 1 ที่อ้างอัตราส่วนหนึ่งต่อสองแสน ต้องการฮุบพื้นที่โดยรอบปราสาท ที่เป็นของไทย 4.6 ตารางกม. หรือมากกว่านั้น ซึ่งท่านทูตวีรชัย ก็ได้ "กระชากหน้ากาก" กลางศาลให้เห็นไปแล้ว
00 หลายคนก็ชื่นชมในความตั้งใจจริง จนลืม 3 รมต. ที่ร่วมเดินทางไปด้วย อาจเป็นเพราะไม่ได้นึกว่าคนพวกนี้เป็นรัฐมนตรีฝ่ายไทยก็เป็นได้ ไม่ว่าจะเป็น "อ้ายปึ้ง" สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล "อ้ายโอ๋" พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรทัต รวมไปถึง พงศ์เทพ เทพกาญจนา โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นภาพที่คนพวกนี้เดินเข้าพินอบพิเทา แทบจะกราบเท้าฝ่ายตรงข้ามอย่าง "เฒ่าฮอร์นัมฮง" ตัวแทนฝ่ายเขมร มันช่างบาดหัวใจคนไทยพิลึก นี่ไงถึงต้องบอกว่า "ให้ทำใจล่วงหน้า" ว่ามีแต่เจ๊ง ก้บเจ๊า และเมื่อศาลตัดสินออกมาอย่างไร คนไทยกต้องยอมรับไงล่ะ
00 อย่างไรก็ดี นั่นอาจเป็นมุมบวก หรือเป็นการปลอบใจกันเอง มั่นใจกันเอง หลังจากได้เห็นการเตรียมหลักฐานของตัวแทนฝ่ายไทยมาหักห้างฝ่ายกัมพูชา ว่าทำได้ดี ซึ่งก็ไม่เถียง และต้องให้กำลังอย่างเต็มที่ และหวังว่า จะได้"ชัยชนะ" กลับมา โดยศาลไม่รับคำร้องของกัมพูชา หรือ รับคำร้องแล้วพิจารณาตัดสินให้เป็นไปตามคำสั่งศาลเดิม เมื่อปี 2505 คือ เขมรได้เฉพาะตัวปราสาท ไม่พูดเรื่องแผนที่ใดๆ ทั้งสิ้น หรือรวมไปถึง "ความเสียหายอันจำกัด" นั่นคือ เขมรได้ทั้งปราสาท และพื้นที่โดยรอบที่ตติดตัวปราสาทโดยรอบก็เป็นได้ นี่ว่ากันเฉพาะในทางบวกและ"เลวร้ายน้อยที่สุด"
00 แต่ถ้าผลออกมาในทางตรงกันข้าม ศาลโลกรับพิจารณา และยังพิจารณาตามแผนที่ของเขมรในอัตราส่วน หนึ่งต่อสองแสน ล่ะ หรือไม่แค่ให้เขมรได้พื้นที่รอบปราสาทเพิ่มเติมล่ะ เราคนไทยจะทำไง "ยอมรับ" หรือไม่ เพราะต้องเห็นกับความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน การค้าขาย พี่น้องตามแนวชายแดนจะลำบากอย่างนั้นหรือ แต่ถ้ามองอย่างเป็นธรรม บวกด้วยหัวใจรักชาติ รักศักดิ์ศรีอย่างเต็มเปี่ยม ก็ต้องถามว่า ที่ผ่านมาไอ้ฮุนเซน มันเคยเห็นหัวคนไทยหรือเปล่า มันเคยนึกถึงความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนกับไทยบ้างหรือเปล่า มีแต่ยุแยง ทำลายอยู่ตลอดเวลา นำเอาเรื่องการเมืองในประเทศไทยมาแทรกแซงอย่างไร้มารยาท ตลอดเวลา และขอโทษ... ไม่ว่า "มาร์ค-เทือก" และ ดีจะชั่วอย่างไร เอ็งก็ไม่ต้องมาเจือก เพราะนี่เป็นเรื่องในบ้านของกู แต่ขณะเดียวกันมันก็ช่วยไม่ได้ ที่เวลานี้เรามีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ไม่ใส่ใจเรื่องนี้ คิดแต่เรื่องเดียวคือ มองแค่เฉพาะหน้าว่า ถ้ากูไม่เดือดร้อน กูไม่สนใจ อ้างแต่เรื่อง "สันติภาพ-ความสัมพันธ์" เท่กว่า... ทุด!!
00 พิจารณาจากการแถลงของฝ่ายไทยโดยตลอด แสดงให้เห็นว่าเวลานี้เราถลำเข้าสู่กระบวนการของศาลโลกอย่างขั้นแล้ว แม้จะพยายามแย้งว่า ศาลไม่มีอำนาจในการพิจารณาคำร้องของเขมร แต่"เราไม่ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าเราไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก" หรือ "เราไม่ได้สงวนสิทธิ์" เรื่องนี้เอาไว้ ชอบใจกับคำพูดของ สุรพงษ์ ชัยนาม ซึ่งเป็นอดีตเอกอัครราชทูตหลายประเทศ ที่เป็นมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ทั้งสิ้น ที่บอกว่า "ไทยพลาด" ที่กระโจนเข้าสู่เส้นทางแห่งความเสี่ยงในศาลโลก ทั้งที่ไม่จำเป็นเลย ปล่อยให้เขมรมันบ้าไปคนเดียว เราไม่ต้องไปสนใจ ถ้าเราไม่ยอมรับเสียอย่าง จะให้ศาลตัดสินข้างเดียวมันก็บ้าไปแล้ว ไม่มีศาลที่ไหนทำกัน และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีประเทศไหนที่เป็นคู่ขัดแย้งทำแบบนี้ ไม่เชื่อลองไปดูกรณี จีน-ญี่ปุ่น-เวียดนาม-เกาหลีใต้ หรือแม้แต่อังกฤษ-อาเจนตินา ก็ไม่เห็นขึ้นศาลโลก และประเทศเหล่านี้เขาก็ไม่เห็นกังวลเรื่องความสัมพันธ์กันนัก
00 ดังนั้น เมื่อฝ่ายไทยยอมเดินเข้าสู่เส้นทางแห่งความเสี่ยงแบบตั้งใจแบบนี้ มันก็มีแต่ "เจ๊ากับเจ๊ง" อย่างที่ว่าจริงๆ ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นแม้ต่น้อยที่ต้องเดินไปตามเส้นทางที่เขมรมันขีดเส้นให้เดิน แต่ก็อย่างว่า จะเรียกว่า "แส่หาเรื่องเอง" ก็ได้ และนาทีนี้อาจมีบางครอบครัวที่แอบลุ้นให้ศาลโลกตันสิน ยกที่ดินรอบปราสาทให้เขมร เพื่อให้การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทำได้สมบูรณ์แบบ ทำให้ต่อไปธุกิจสัมปทานพลังงาน คุยกันได้ง่ายขึ้น อีกทั้งเวลานี้มีการเตรียมแก้ รธน.มาตรา 190 รอไว้ล่วงหน้าแล้ว อ้อเกือบลืมไปเดือนหน้าแล้วซินะที่ "ลูกสาว" ของบางคนจะได้ร่วมหอกับฝ่ายกัมพูชา จะได้เป็น "ดอง" กระชับแน่นกันกว่าเดิม เอ้า...ไชโย !!
00 หลายคนก็ชื่นชมในความตั้งใจจริง จนลืม 3 รมต. ที่ร่วมเดินทางไปด้วย อาจเป็นเพราะไม่ได้นึกว่าคนพวกนี้เป็นรัฐมนตรีฝ่ายไทยก็เป็นได้ ไม่ว่าจะเป็น "อ้ายปึ้ง" สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล "อ้ายโอ๋" พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรทัต รวมไปถึง พงศ์เทพ เทพกาญจนา โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นภาพที่คนพวกนี้เดินเข้าพินอบพิเทา แทบจะกราบเท้าฝ่ายตรงข้ามอย่าง "เฒ่าฮอร์นัมฮง" ตัวแทนฝ่ายเขมร มันช่างบาดหัวใจคนไทยพิลึก นี่ไงถึงต้องบอกว่า "ให้ทำใจล่วงหน้า" ว่ามีแต่เจ๊ง ก้บเจ๊า และเมื่อศาลตัดสินออกมาอย่างไร คนไทยกต้องยอมรับไงล่ะ
00 อย่างไรก็ดี นั่นอาจเป็นมุมบวก หรือเป็นการปลอบใจกันเอง มั่นใจกันเอง หลังจากได้เห็นการเตรียมหลักฐานของตัวแทนฝ่ายไทยมาหักห้างฝ่ายกัมพูชา ว่าทำได้ดี ซึ่งก็ไม่เถียง และต้องให้กำลังอย่างเต็มที่ และหวังว่า จะได้"ชัยชนะ" กลับมา โดยศาลไม่รับคำร้องของกัมพูชา หรือ รับคำร้องแล้วพิจารณาตัดสินให้เป็นไปตามคำสั่งศาลเดิม เมื่อปี 2505 คือ เขมรได้เฉพาะตัวปราสาท ไม่พูดเรื่องแผนที่ใดๆ ทั้งสิ้น หรือรวมไปถึง "ความเสียหายอันจำกัด" นั่นคือ เขมรได้ทั้งปราสาท และพื้นที่โดยรอบที่ตติดตัวปราสาทโดยรอบก็เป็นได้ นี่ว่ากันเฉพาะในทางบวกและ"เลวร้ายน้อยที่สุด"
00 แต่ถ้าผลออกมาในทางตรงกันข้าม ศาลโลกรับพิจารณา และยังพิจารณาตามแผนที่ของเขมรในอัตราส่วน หนึ่งต่อสองแสน ล่ะ หรือไม่แค่ให้เขมรได้พื้นที่รอบปราสาทเพิ่มเติมล่ะ เราคนไทยจะทำไง "ยอมรับ" หรือไม่ เพราะต้องเห็นกับความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน การค้าขาย พี่น้องตามแนวชายแดนจะลำบากอย่างนั้นหรือ แต่ถ้ามองอย่างเป็นธรรม บวกด้วยหัวใจรักชาติ รักศักดิ์ศรีอย่างเต็มเปี่ยม ก็ต้องถามว่า ที่ผ่านมาไอ้ฮุนเซน มันเคยเห็นหัวคนไทยหรือเปล่า มันเคยนึกถึงความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนกับไทยบ้างหรือเปล่า มีแต่ยุแยง ทำลายอยู่ตลอดเวลา นำเอาเรื่องการเมืองในประเทศไทยมาแทรกแซงอย่างไร้มารยาท ตลอดเวลา และขอโทษ... ไม่ว่า "มาร์ค-เทือก" และ ดีจะชั่วอย่างไร เอ็งก็ไม่ต้องมาเจือก เพราะนี่เป็นเรื่องในบ้านของกู แต่ขณะเดียวกันมันก็ช่วยไม่ได้ ที่เวลานี้เรามีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ไม่ใส่ใจเรื่องนี้ คิดแต่เรื่องเดียวคือ มองแค่เฉพาะหน้าว่า ถ้ากูไม่เดือดร้อน กูไม่สนใจ อ้างแต่เรื่อง "สันติภาพ-ความสัมพันธ์" เท่กว่า... ทุด!!
00 พิจารณาจากการแถลงของฝ่ายไทยโดยตลอด แสดงให้เห็นว่าเวลานี้เราถลำเข้าสู่กระบวนการของศาลโลกอย่างขั้นแล้ว แม้จะพยายามแย้งว่า ศาลไม่มีอำนาจในการพิจารณาคำร้องของเขมร แต่"เราไม่ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าเราไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก" หรือ "เราไม่ได้สงวนสิทธิ์" เรื่องนี้เอาไว้ ชอบใจกับคำพูดของ สุรพงษ์ ชัยนาม ซึ่งเป็นอดีตเอกอัครราชทูตหลายประเทศ ที่เป็นมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ทั้งสิ้น ที่บอกว่า "ไทยพลาด" ที่กระโจนเข้าสู่เส้นทางแห่งความเสี่ยงในศาลโลก ทั้งที่ไม่จำเป็นเลย ปล่อยให้เขมรมันบ้าไปคนเดียว เราไม่ต้องไปสนใจ ถ้าเราไม่ยอมรับเสียอย่าง จะให้ศาลตัดสินข้างเดียวมันก็บ้าไปแล้ว ไม่มีศาลที่ไหนทำกัน และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีประเทศไหนที่เป็นคู่ขัดแย้งทำแบบนี้ ไม่เชื่อลองไปดูกรณี จีน-ญี่ปุ่น-เวียดนาม-เกาหลีใต้ หรือแม้แต่อังกฤษ-อาเจนตินา ก็ไม่เห็นขึ้นศาลโลก และประเทศเหล่านี้เขาก็ไม่เห็นกังวลเรื่องความสัมพันธ์กันนัก
00 ดังนั้น เมื่อฝ่ายไทยยอมเดินเข้าสู่เส้นทางแห่งความเสี่ยงแบบตั้งใจแบบนี้ มันก็มีแต่ "เจ๊ากับเจ๊ง" อย่างที่ว่าจริงๆ ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นแม้ต่น้อยที่ต้องเดินไปตามเส้นทางที่เขมรมันขีดเส้นให้เดิน แต่ก็อย่างว่า จะเรียกว่า "แส่หาเรื่องเอง" ก็ได้ และนาทีนี้อาจมีบางครอบครัวที่แอบลุ้นให้ศาลโลกตันสิน ยกที่ดินรอบปราสาทให้เขมร เพื่อให้การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทำได้สมบูรณ์แบบ ทำให้ต่อไปธุกิจสัมปทานพลังงาน คุยกันได้ง่ายขึ้น อีกทั้งเวลานี้มีการเตรียมแก้ รธน.มาตรา 190 รอไว้ล่วงหน้าแล้ว อ้อเกือบลืมไปเดือนหน้าแล้วซินะที่ "ลูกสาว" ของบางคนจะได้ร่วมหอกับฝ่ายกัมพูชา จะได้เป็น "ดอง" กระชับแน่นกันกว่าเดิม เอ้า...ไชโย !!