ASTVผู้จัดการรายวัน-แบงก์ออมสินเอาจริง ตั้งเป้าใช้เงินกว่า 5 แสนล้านบาท ปล่อยกู้โครงการลงทุนภาครัฐทั้งระบบจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท “วรวิทย์” ยอมรับอาจทำให้ผลการดำเนินงานลดลง แต่ไม่มีความเสี่ยงจากการลงทุน
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารมีความพร้อมเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาล ทั้งโครงการลงทุนในการบริหารจัดการน้ำวงเงิน 3.5 แสนล้านบาท และการลงทุนภายใต้ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน พ.ศ. ... วงเงิน 2 ล้านล้านบาท โดยธนาคารได้ประเมินในเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินในการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลที่จะใช้ในโครงการทั้งสองดังกล่าวประมาณ 5 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ในการปล่อยกู้ให้กับรัฐบาลจะไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของธนาคาร เนื่องจากโครงการลงทุนในโรงสร้างพื้นฐานจะทยอยเบิกจ่ายเงินเป็นระยะเวลาประมาณ 7 ปี จนกว่าจะสิ้นสุดโครงการ โดยในโครงการลงทุนระบบน้ำ ธนาคารจะใช้เงินในการปล่อยกู้ประมาณ 1 แสนล้านบาท และที่เหลืออีก 4 แสนล้านบาท จะใช้ในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท
“เราคาดว่าจะมีการแข่งขันเพื่อประมูลพันธบัตรที่ใช้ในการลงทุนครั้งนี้พอสมควรจากธนาคารพาณิชย์ที่มีพอร์ตลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล โดยวงเงิน 5 แสนล้านบาทที่เราประมาณการณ์ในครั้งนี้ คิดว่าเป็นระดับที่เหมาะสมแล้วที่จะเข้าร่วมประมูล เพราะพันธบัตรของรัฐบาลมีความเสี่ยงเท่ากับศูนย์ จึงมีผู้ต้องการเข้ามาประมูลมาก แม้ว่าจะมีอัตราผลตอบแทนที่ต่ำกว่าตลาดก็ตาม” นายวรวิทย์กล่าว
นายวรวิทย์กล่าวว่า สำหรับสัดส่วนในการปล่อยกู้ของธนาคาร 70% จะเป็นการดำเนินการตามปกติที่ปล่อยกู้สำหรับประชาชนทั่วไปที่มีดอกเบี้ยในอัตราประมาณ 6-7% ส่วนอีก 30% จะเป็นการปล่อยกู้ให้กับโครงการลงทุนภาครัฐที่มีดอกเบี้ยระหว่าง 3.5-3.75% ในขณะที่ต้นทุนการระดมเงินของธนาคารอยู่ที่ 2.8% ก็ยังพอมีกำไรอยู่บ้างเล็กน้อย ไม่กระทบผลการดำเนินงานมากนัก
“ได้หารือร่วมกับกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการดำเนินงานที่อาจลดลงบ้างจากการปล่อยกู้ให้กับรัฐบาล ซึ่งอาจทำให้กำไรสุทธิจาก 3 หมื่นล้าน เหลือประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งทางกระทรวงการคลังก็ยอมรับในจุดนี้ และจะไม่กระทบกับการประเมินผลการดำเนินงาน (KPI) ของธนาคาร เนื่องจากส่วนหนึ่งจะทำให้ต้นทุนการกู้เงินเพื่อลงทุนของรัฐบาลต่ำลง เพื่อนำไปพัฒนาประเทศซึ่งก็เป็นหน้าที่ของธนาคารออมสินด้วยเช่นกัน” นายวรวิทย์กล่าว
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารมีความพร้อมเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาล ทั้งโครงการลงทุนในการบริหารจัดการน้ำวงเงิน 3.5 แสนล้านบาท และการลงทุนภายใต้ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน พ.ศ. ... วงเงิน 2 ล้านล้านบาท โดยธนาคารได้ประเมินในเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินในการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลที่จะใช้ในโครงการทั้งสองดังกล่าวประมาณ 5 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ในการปล่อยกู้ให้กับรัฐบาลจะไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของธนาคาร เนื่องจากโครงการลงทุนในโรงสร้างพื้นฐานจะทยอยเบิกจ่ายเงินเป็นระยะเวลาประมาณ 7 ปี จนกว่าจะสิ้นสุดโครงการ โดยในโครงการลงทุนระบบน้ำ ธนาคารจะใช้เงินในการปล่อยกู้ประมาณ 1 แสนล้านบาท และที่เหลืออีก 4 แสนล้านบาท จะใช้ในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท
“เราคาดว่าจะมีการแข่งขันเพื่อประมูลพันธบัตรที่ใช้ในการลงทุนครั้งนี้พอสมควรจากธนาคารพาณิชย์ที่มีพอร์ตลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล โดยวงเงิน 5 แสนล้านบาทที่เราประมาณการณ์ในครั้งนี้ คิดว่าเป็นระดับที่เหมาะสมแล้วที่จะเข้าร่วมประมูล เพราะพันธบัตรของรัฐบาลมีความเสี่ยงเท่ากับศูนย์ จึงมีผู้ต้องการเข้ามาประมูลมาก แม้ว่าจะมีอัตราผลตอบแทนที่ต่ำกว่าตลาดก็ตาม” นายวรวิทย์กล่าว
นายวรวิทย์กล่าวว่า สำหรับสัดส่วนในการปล่อยกู้ของธนาคาร 70% จะเป็นการดำเนินการตามปกติที่ปล่อยกู้สำหรับประชาชนทั่วไปที่มีดอกเบี้ยในอัตราประมาณ 6-7% ส่วนอีก 30% จะเป็นการปล่อยกู้ให้กับโครงการลงทุนภาครัฐที่มีดอกเบี้ยระหว่าง 3.5-3.75% ในขณะที่ต้นทุนการระดมเงินของธนาคารอยู่ที่ 2.8% ก็ยังพอมีกำไรอยู่บ้างเล็กน้อย ไม่กระทบผลการดำเนินงานมากนัก
“ได้หารือร่วมกับกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการดำเนินงานที่อาจลดลงบ้างจากการปล่อยกู้ให้กับรัฐบาล ซึ่งอาจทำให้กำไรสุทธิจาก 3 หมื่นล้าน เหลือประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งทางกระทรวงการคลังก็ยอมรับในจุดนี้ และจะไม่กระทบกับการประเมินผลการดำเนินงาน (KPI) ของธนาคาร เนื่องจากส่วนหนึ่งจะทำให้ต้นทุนการกู้เงินเพื่อลงทุนของรัฐบาลต่ำลง เพื่อนำไปพัฒนาประเทศซึ่งก็เป็นหน้าที่ของธนาคารออมสินด้วยเช่นกัน” นายวรวิทย์กล่าว
