วานนี้(1 เม.ย. 56)เว็บไซต์สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล ได้เผยแพร่เอกสารข่าวกรณีสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีท่ามกลางความกังวลจากหลายฝ่าย ซึ่งทางสถานเอกอัครราชทูต ขอแจ้งว่า
1.ในปัจจุบัน ทางการเกาหลีใต้ไม่ได้ยกระดับการแจ้งเตือนภัยหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมทั้ง ท่าอากาศยานนานาชาติต่างๆ ในเกาหลีใต้ ก็ยังให้บริการเป็นปกติ
2.การดำเนินธุรกิจในเกาหลีใต้ ยังอยู่ในสภาวะปกติ โดยในวันที่ 1 เม.ย. 2556 ตลาดหุ้นเกาหลีใต้มีมูลค่าการซื้อขายลดลงเพียง 0.44 จุด ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์เศรษฐกิจของโลก
3.ชาวเกาหลีใต้ยังใช้ชีวิตอย่างปกติสุข
4.จากข้อเท็จจริงข้างต้น สถานเอกอัครราชทูตฯขอให้พี่น้องชาวไทยคลายความวิตกกังวล และขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากเว็บไซต์สถานเอกอัครราชทูตฯ ที่ http://www.thaiembassy.or.kr หรือ Facebook สถานเอกอัครราชทูตฯ (Royal Thai Embassy, Seoul) ที่ https://www.facebook.com/pages/Royal-Thai-Embassy-Seoul/267424153352939?ref=hl หรือ Twitter สถานเอกอัครราชทูตฯ (@RTE_Seoul) ที่https://twitter.com/RTE_Seoul
ด้าน นายจักรกฤษณ์ สีวลี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานการณ์เกาหลีใต้ขณะนี้ยังถือว่าเป็นปกติ ไม่มีการประกาศภาวะสงคราม แต่กระทรวงก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้ประชุมเพื่อหารือเตรียมการทั้งสถานทูตและภาคเอกชนหากมีสถานฉุกเฉินสามารถเตรียมการอพยพได้ทันที
ทั้งนี้ ไม่อยากให้ตื่นตระหนกในเรื่องดังกล่าว และขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลไทยได้เตรียมการไว้แล้วหากมีสถานการณ์ตึงเครียด อย่างไรก็ดี มีคนไทยอยู่ในเกาหลีใต้ประมาณ 44,000 คน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงและโดยรอบไม่ใกล้กับชายแดน โดยแบ่งเป็นแรงงาน นักศึกษา พนักงานบริษัท และหญิงไทยที่แต่งงานกับชาวเกาหลี ทั้งหมดมีเครือข่ายสามารถติดต่อข้อมูลข่าวสารกันได้
นายมนัสวี ศรีโสดาพล อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการดูแลนักท่องเที่ยวไทย ว่า ขณะนี้ ยังไม่มีความจำเป็นที่กระทรวงการต่างประเทศจะออกประกาศเตือน เนื่องจากสถานการณ์ในกรุงโซล และตามเมืองต่างๆ ยังเป็นปกติ โดยขอให้นักท่องเที่ยวไทยและคนไทยในเกาหลี ได้ติดตามข่าวสารที่ทางการไทยได้รายงานทางเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล อย่างไรก็ตาม ทางการไทยได้ติดตามสถานการณ์ในเกาหลีใต้อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับใช้ในการดูแลคนไทยในเกาหลีใต้แบบรายวันตามแต่สถานการณ์ รวมทั้งติดตามข่าวสารจากประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้กำหนดท่าทีไทยต่อกรณีความไม่สงบในคาบสมุทรเกาหลีอีกด้วย
นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่ากระทรวงแรงงานได้เตรียมมาตรการแผนอพยพแรงงานไทยที่อาศัยอยู่ในสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีคนไทยอาศัยอยู่ในสาธารณรัฐเกาหลี(เกาหลีใต้)กว่า 43,000 คน มีทั้งแรงงาน ผู้ที่สมรสกับชาวเกาหลี ข้าราชการ นักศึกษาผู้ดูงาน หรือ ฝึกอบรม ผู้ทำงานกับบริษัทข้ามชาติ สถานศึกษา และผู้ทำงานในองค์กรศาสนา
เบื้องต้นได้กำชับไปยังอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงาน ในสาธารณรัฐเกาหลี เร่งประชาสัมพันธ์ถึงจุดนัดพบที่ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานไทยในต่างประเทศ หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้มีการอพยพแรงงานไทยได้ทันท่วงทีจำนวน 6 จุด ได้แก่ กรุงโซล เมืองอันซาน เมืองคิมโป เมืองอินชอน เมืองซูวอน เมืองกวางจู เมืองอุยจุงบู และเมืองกิมแฮ พร้อมทั้งหมายเลขโทรศัพท์ และวิธีการปฏิบัติตัว
อย่างไรก็ตาม หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะอพยพแรงงานไทยไปใน 3 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น จีนและไต้หวัน ทั้งทางอากาศและทางเรือ เพื่อรอการส่งกลับไทย นอกจากนี้ยังได้มีการขอความร่วมมืออาสาสมัครชาวไทยในการกระจายข้อมูลข่าวสารต่างๆ เพื่อจะได้นัดหมายการซักซ้อมแผนอพยพระหว่างเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามพื้นที่ต่างๆ
โดยได้ประสานสายการบินพาณิชย์ เที่ยวบินพิเศษกองทัพอากาศ บริษัทเดินเรือพาณิชย์ และกองทัพเรือ หากเกิดเหตุฉุกเฉินขอให้ลำเลียงคนไทยไปยัง 3 ประเทศที่กำหนดไว้ โดยจะอพยพ ผู้ป่วย เด็ก คนชรา และสตรี ออกนอกพื้นที่ก่อนเป็นอันดับแรก
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ปัจจัยภายนอกประเทศ มักจะสร้างผลกระทบให้กับเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมาก ดังนั้นขณะนี้ รัฐบาลจึงหันมาพึ่งพิงเศรษฐกิจภายในประเทศให้มากขึ้น โดยเฉพาะ แผนการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ วงเงินกว่า 2 ล้านล้านบาท ซึ่งเชื่อว่า จากปัญหาดังกล่าว น่าจะกระทบประเทศไทยไม่มาก
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า เป็นการทำสงครามแบบทางข่าวสารก่อน การรบกันไม่ใช่ง่ายๆ ทั้งนี้ไม่มีใครอยากก่อสงคราม เพราะก่อสงครามแล้วประชาชนสูญเสีย ถ้าผู้นำคนใดที่ทำให้ประชาชนสูญเสียหรือเสียหาย คิดว่า เป็นผู้นำที่ไม่ห่วงประชาชน
1.ในปัจจุบัน ทางการเกาหลีใต้ไม่ได้ยกระดับการแจ้งเตือนภัยหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมทั้ง ท่าอากาศยานนานาชาติต่างๆ ในเกาหลีใต้ ก็ยังให้บริการเป็นปกติ
2.การดำเนินธุรกิจในเกาหลีใต้ ยังอยู่ในสภาวะปกติ โดยในวันที่ 1 เม.ย. 2556 ตลาดหุ้นเกาหลีใต้มีมูลค่าการซื้อขายลดลงเพียง 0.44 จุด ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์เศรษฐกิจของโลก
3.ชาวเกาหลีใต้ยังใช้ชีวิตอย่างปกติสุข
4.จากข้อเท็จจริงข้างต้น สถานเอกอัครราชทูตฯขอให้พี่น้องชาวไทยคลายความวิตกกังวล และขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากเว็บไซต์สถานเอกอัครราชทูตฯ ที่ http://www.thaiembassy.or.kr หรือ Facebook สถานเอกอัครราชทูตฯ (Royal Thai Embassy, Seoul) ที่ https://www.facebook.com/pages/Royal-Thai-Embassy-Seoul/267424153352939?ref=hl หรือ Twitter สถานเอกอัครราชทูตฯ (@RTE_Seoul) ที่https://twitter.com/RTE_Seoul
ด้าน นายจักรกฤษณ์ สีวลี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานการณ์เกาหลีใต้ขณะนี้ยังถือว่าเป็นปกติ ไม่มีการประกาศภาวะสงคราม แต่กระทรวงก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้ประชุมเพื่อหารือเตรียมการทั้งสถานทูตและภาคเอกชนหากมีสถานฉุกเฉินสามารถเตรียมการอพยพได้ทันที
ทั้งนี้ ไม่อยากให้ตื่นตระหนกในเรื่องดังกล่าว และขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลไทยได้เตรียมการไว้แล้วหากมีสถานการณ์ตึงเครียด อย่างไรก็ดี มีคนไทยอยู่ในเกาหลีใต้ประมาณ 44,000 คน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงและโดยรอบไม่ใกล้กับชายแดน โดยแบ่งเป็นแรงงาน นักศึกษา พนักงานบริษัท และหญิงไทยที่แต่งงานกับชาวเกาหลี ทั้งหมดมีเครือข่ายสามารถติดต่อข้อมูลข่าวสารกันได้
นายมนัสวี ศรีโสดาพล อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการดูแลนักท่องเที่ยวไทย ว่า ขณะนี้ ยังไม่มีความจำเป็นที่กระทรวงการต่างประเทศจะออกประกาศเตือน เนื่องจากสถานการณ์ในกรุงโซล และตามเมืองต่างๆ ยังเป็นปกติ โดยขอให้นักท่องเที่ยวไทยและคนไทยในเกาหลี ได้ติดตามข่าวสารที่ทางการไทยได้รายงานทางเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล อย่างไรก็ตาม ทางการไทยได้ติดตามสถานการณ์ในเกาหลีใต้อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับใช้ในการดูแลคนไทยในเกาหลีใต้แบบรายวันตามแต่สถานการณ์ รวมทั้งติดตามข่าวสารจากประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้กำหนดท่าทีไทยต่อกรณีความไม่สงบในคาบสมุทรเกาหลีอีกด้วย
นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่ากระทรวงแรงงานได้เตรียมมาตรการแผนอพยพแรงงานไทยที่อาศัยอยู่ในสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีคนไทยอาศัยอยู่ในสาธารณรัฐเกาหลี(เกาหลีใต้)กว่า 43,000 คน มีทั้งแรงงาน ผู้ที่สมรสกับชาวเกาหลี ข้าราชการ นักศึกษาผู้ดูงาน หรือ ฝึกอบรม ผู้ทำงานกับบริษัทข้ามชาติ สถานศึกษา และผู้ทำงานในองค์กรศาสนา
เบื้องต้นได้กำชับไปยังอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงาน ในสาธารณรัฐเกาหลี เร่งประชาสัมพันธ์ถึงจุดนัดพบที่ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานไทยในต่างประเทศ หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้มีการอพยพแรงงานไทยได้ทันท่วงทีจำนวน 6 จุด ได้แก่ กรุงโซล เมืองอันซาน เมืองคิมโป เมืองอินชอน เมืองซูวอน เมืองกวางจู เมืองอุยจุงบู และเมืองกิมแฮ พร้อมทั้งหมายเลขโทรศัพท์ และวิธีการปฏิบัติตัว
อย่างไรก็ตาม หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะอพยพแรงงานไทยไปใน 3 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น จีนและไต้หวัน ทั้งทางอากาศและทางเรือ เพื่อรอการส่งกลับไทย นอกจากนี้ยังได้มีการขอความร่วมมืออาสาสมัครชาวไทยในการกระจายข้อมูลข่าวสารต่างๆ เพื่อจะได้นัดหมายการซักซ้อมแผนอพยพระหว่างเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามพื้นที่ต่างๆ
โดยได้ประสานสายการบินพาณิชย์ เที่ยวบินพิเศษกองทัพอากาศ บริษัทเดินเรือพาณิชย์ และกองทัพเรือ หากเกิดเหตุฉุกเฉินขอให้ลำเลียงคนไทยไปยัง 3 ประเทศที่กำหนดไว้ โดยจะอพยพ ผู้ป่วย เด็ก คนชรา และสตรี ออกนอกพื้นที่ก่อนเป็นอันดับแรก
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ปัจจัยภายนอกประเทศ มักจะสร้างผลกระทบให้กับเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมาก ดังนั้นขณะนี้ รัฐบาลจึงหันมาพึ่งพิงเศรษฐกิจภายในประเทศให้มากขึ้น โดยเฉพาะ แผนการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ วงเงินกว่า 2 ล้านล้านบาท ซึ่งเชื่อว่า จากปัญหาดังกล่าว น่าจะกระทบประเทศไทยไม่มาก
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า เป็นการทำสงครามแบบทางข่าวสารก่อน การรบกันไม่ใช่ง่ายๆ ทั้งนี้ไม่มีใครอยากก่อสงคราม เพราะก่อสงครามแล้วประชาชนสูญเสีย ถ้าผู้นำคนใดที่ทำให้ประชาชนสูญเสียหรือเสียหาย คิดว่า เป็นผู้นำที่ไม่ห่วงประชาชน
