**ไม่รู้ว่าจะร้อนแรง-จัดหนัก-จัดเต็มตลอด 2 วัน 2 คืน 28-29 มี.ค. 56 อย่างที่ผู้คนจับตามองกันหรือเปล่า
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณา ร่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ....วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ที่จะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ คือ 9.30 น. เป็นต้นไป
เบื้องต้นวิปรัฐบาลกำหนดให้ประชุมกันเสร็จสิ้นไม่เกินเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 29 มี.ค. หลังให้เวลาฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านข้างละ 12 ชั่วโมง รวมเวลาประท้วงแล้ว แต่ก็เชื่อว่าถึงเวลาอภิปรายกันจริงๆ ก็ต้องเกินเวลากันไปบ้าง วิปรัฐบาล-วิปฝ่ายค้าน ก็คงตกลงกันได้ไม่ยาก ในการยืดหยุ่นขยายเวลาออกไปให้อภิปรายกันเกิน 22.30 น. ตลอดทั้งสองวัน
ยิ่งตอนนี้มี ส.ส.ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะจากพรรคประชาธิปัตย์ ขอลงชื่อเข้าคิวอภิปรายกันรวมแล้วเกือบ 70 คน ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลลำพังแค่พรรคเพื่อไทยพรรคเดียว ก็ขอใช้สิทธิ์อภิปรายเชียร์รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทครั้งนี้กันแล้วไม่ต่ำกว่า 30 คน
ไหนจะเวลาของรัฐบาลในการชี้แจงการกู้เงินดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาฯ รวมถึงการลุกขึ้นตอบข้ออภิปรายของฝ่ายค้าน ที่ครั้งนี้คาดว่าจะได้เห็น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าประชุมสภาฯ แน่ๆ ในช่วงวันแรกของการประชุม เพื่อชี้แจงหลักการและเหตุผล ของการ ออก พ.ร.บ.ดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาฯ รวมถึงอาจมากล่าวปิดท้ายตอนโหวตรับ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวในช่วงค่ำ ของวันที่ 29 มี.ค. อีกรอบหนึ่ง
จึงทำให้เชื่อว่า การอภิปรายและการตอบโต้กันไปมาของทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน คงเข้มข้น เผ็ดร้อนแน่
ยิ่งฝ่ายค้านโหมโรงสร้างกระแสตอกหมุดถล่มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทดังกล่าวอย่างหนัก มีการตั้งข้อหาฉกาจฉกรรจ์การเมือง ไม่ว่าจะเป็น “2 ล้านล้านบาทกู้มาโกง” หรือ “ตีเช็คเปล่ายัดไส้เงินกู้” – “งบกินคล่องคอ” – “กู้เพื่อพี่ หนี้เพื่อประชาชน” หรือเอาคำของสมาชิกวุฒิสภามาสำทับด้วยอย่าง “กู้ชาตินี้ ใช้หนี้ชาติหน้า”
หลายคนก็เลยอยากรู้ว่า การอภิปรายของฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปัตย์ หรือภูมิใจไทย ถึงเวลาอภิปรายจริงๆ ที่คนคิดกันว่าจะควงไม้หน้าสามขึ้นฟาดหน้ารัฐบาลกลางสภาฯ สุดท้ายอภิปรายกันสองวันสองคืน มันจะกลายเป็นไม้เรียวหวดแค่เจ็บๆ คันๆ ขึ้นมาหรือเปล่า
หากว่าการอภิปรายตลอด 2 วัน มีแค่การเล่นโวหาร ตีสำนวน แต่ไม่มีข้อมูลเชิงลึก รวมถึงขาดข้อมูลอันมีเหตุมีผลมาทำให้น้ำหนักการอภิปรายที่คัดค้านไม่เห็นด้วยกับการกู้เงินดังกล่าว ประชาชนฟังแล้วแทนที่จะเห็นด้วยกับฝ่ายค้าน แต่กลายเป็นว่า ฟังการอภิปรายของฝ่ายค้านกับการชี้แจงของรัฐบาล และคำอภิปรายสนับสนุนการกู้เงินดังกล่าวของส.ส.เพื่อไทยแล้ว ประชาชนกลับคล้อยตามรัฐบาลมากกว่า
แบบนี้ แทนที่ฝ่ายค้านจะใช้เวทีอภิปรายซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ช่อง 11 ตลอดการประชุม มาสร้างคะแนนนิยมให้กับตัวเอง จะกลายเป็นว่ากลับยิ่งเป็นการอภิปรายที่ทำให้ประชาชน ยิ่งเห็นด้วยกับรัฐบาลในการกู้เงินมาลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศ หากออกมาแบบนี้ ประชาธิปัตย์ ลำบากแน่นอน
**เพราะดูแล้ว รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย มีการตั้งรับกันมาอย่างดี ไม่ยอมเป็นหมูในอวยให้ฝ่ายค้านไล่ถลุง แน่นอน
เห็นได้จากการประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทย เมื่อ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา พบว่ามีการเตรียมการกันมาเป็นอย่างดี ฝ่ายแกนนำรัฐบาลอย่าง กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ก็เดินทางไปพูดกับส.ส.เพื่อไทย เพื่อขอให้ส.ส.ของพรรคร่วมมือกันในการช่วยรัฐบาลชี้แจงเรื่องการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ดังกล่าวในสภาฯ
นอกจากนี้ แกนนำพรรคเพื่อไทยยังมีการทำเอกสารสรุปความเป็นมาของการกู้เงินรวมถึงรายละเอียดวิธีการกู้เงิน-การชำระดอกเบี้ย และการทำโครงการต่างๆ ในงบเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท แจกให้กับส.ส. เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ ไม่ต้องอ่านตัวเล่มงบทั้งหมดที่มีหลายร้อยหน้า ซึ่งเข้าใจยาก เพื่อว่าจะได้ให้ส.ส.ของพรรคพอเข้าใจเรื่องแล้ว ก็จะได้เอาไปอภิปรายในสภาฯ รวมถึงเอาไว้ไปบอกกับประชาชนในพื้นที่ เพื่อโฆษณาว่าเป็นผลงานของรัฐบาลต่อไป
รวมถึงตลอดการอภิปราย 2 วันดังกล่าว ยังมีการเปิดห้องพิเศษเฉพาะเพื่อการนี้ โดยแกนนำรัฐบาลอย่าง เฉลิม อยู่บำรุง จะใช้ห้องประชุม 3301 ของตึกรัฐสภา เป็นศูนย์บัญชาการของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ในการรับมือกับฝ่ายค้าน
รวมถึงมีการสั่งการให้ขนข้าราชการประจำระดับสูง ในกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และฝ่ายกฎหมาย อย่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตลอดจนมือกฎหมายของพรรค อย่าง โภคิน พลกุล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี –อดีตประธานรัฐสภา มาคอยช่วยรัฐบาลที่รัฐสภา เพื่อคอยช่วยเสริมข้อมูลต่าง ๆให้กับรัฐบาล ทั้งในแง่ตัวเลขสถิติทางเศรษฐกิจ-ข้อคิดเห็นทางด้านกฎหมายเพื่อเอาไปชี้แจงหรืออภิปรายในสภาฯ ตลอดสองวันนี้
ขณะเดียวกัน การอภิปรายของส.ส.เพื่อไทยก็มีการจัดวางกันเป็นระบบ ไม่ใช่ให้ลุกขึ้นพูดกันเรื่อยเปื่อย เพราะไม่ใช่กฎหมายธรรมดา หากพูดไม่ดี เข้ารกเข้าพง จะพังกันทั้งรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย
เลยมีการแบ่งกลุ่มผู้อภิปรายของพรรคออกเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มศึกษาโครงข่ายรถไฟทางคู่ 2. ท่าเรือลำน้ำและชายฝั่ง 3. พัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง และ 4. พัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษ
แล้วก็ให้ส.ส.แต่ละกลุ่ม เตรียมข้อมูลกันมาให้แน่น เพื่ออภิปรายสนับสนุนรัฐบาล และคอยโต้กลับฝ่ายค้าน อย่างทันท่วงที
แถมยังตั้งทีมส.ส. คอยประคองเกมในห้องประชุม ไม่ให้ฝ่ายค้านจวกรัฐบาลได้ถนัด หากเห็นว่าต้องสกัด ก็ให้ลุกขึ้นประท้วงเลย ทีมนี้ตามข่าวพบว่าส่วนใหญ่ก็พวกหน้าเดิมที่มักเล่นบทนักประท้วงในสภาฯ เช่น วรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ -จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. เป็นต้น
ขณะที่ตัวหลักของรัฐบาลในการแจงเรื่องนี้ในสภาฯ แม้ดูแล้วคนที่เป็นหลักคงไม่พ้น กิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.คลัง แต่ถ้าดูจากสิ่งที่อยู่ในร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจะพบว่าเป็นเรื่องของกระทรวงคมนาคมเป็นส่วนใหญ่
**คนที่อาจต้องรับศึกหนักชนกับฝ่ายค้าน ดูแล้ว คงไม่ใช่แค่กิตติรัตน์คนเดียว แต่อาจเป็น ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ด้วยอีกคน
รายของชัชชาติ ที่ข่าวว่า ยิ่งลักษณ์ และทักษิณ ชินวัตรไว้ใจนักหนา ถ้าประคองตัวไปได้ในศึกนี้ สงสัย อนาคตการเมืองในพรรคเพื่อไทย สดใสแน่นอน
**แต่หากเคลียร์ข้อหาฝ่ายค้านไม่ได้ ชี้แจงแบบถามช้างตอบม้า แทนที่จะแจ้งเกิด อาจแจ้งดับก็ได้
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณา ร่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ....วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ที่จะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ คือ 9.30 น. เป็นต้นไป
เบื้องต้นวิปรัฐบาลกำหนดให้ประชุมกันเสร็จสิ้นไม่เกินเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 29 มี.ค. หลังให้เวลาฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านข้างละ 12 ชั่วโมง รวมเวลาประท้วงแล้ว แต่ก็เชื่อว่าถึงเวลาอภิปรายกันจริงๆ ก็ต้องเกินเวลากันไปบ้าง วิปรัฐบาล-วิปฝ่ายค้าน ก็คงตกลงกันได้ไม่ยาก ในการยืดหยุ่นขยายเวลาออกไปให้อภิปรายกันเกิน 22.30 น. ตลอดทั้งสองวัน
ยิ่งตอนนี้มี ส.ส.ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะจากพรรคประชาธิปัตย์ ขอลงชื่อเข้าคิวอภิปรายกันรวมแล้วเกือบ 70 คน ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลลำพังแค่พรรคเพื่อไทยพรรคเดียว ก็ขอใช้สิทธิ์อภิปรายเชียร์รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทครั้งนี้กันแล้วไม่ต่ำกว่า 30 คน
ไหนจะเวลาของรัฐบาลในการชี้แจงการกู้เงินดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาฯ รวมถึงการลุกขึ้นตอบข้ออภิปรายของฝ่ายค้าน ที่ครั้งนี้คาดว่าจะได้เห็น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าประชุมสภาฯ แน่ๆ ในช่วงวันแรกของการประชุม เพื่อชี้แจงหลักการและเหตุผล ของการ ออก พ.ร.บ.ดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาฯ รวมถึงอาจมากล่าวปิดท้ายตอนโหวตรับ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวในช่วงค่ำ ของวันที่ 29 มี.ค. อีกรอบหนึ่ง
จึงทำให้เชื่อว่า การอภิปรายและการตอบโต้กันไปมาของทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน คงเข้มข้น เผ็ดร้อนแน่
ยิ่งฝ่ายค้านโหมโรงสร้างกระแสตอกหมุดถล่มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทดังกล่าวอย่างหนัก มีการตั้งข้อหาฉกาจฉกรรจ์การเมือง ไม่ว่าจะเป็น “2 ล้านล้านบาทกู้มาโกง” หรือ “ตีเช็คเปล่ายัดไส้เงินกู้” – “งบกินคล่องคอ” – “กู้เพื่อพี่ หนี้เพื่อประชาชน” หรือเอาคำของสมาชิกวุฒิสภามาสำทับด้วยอย่าง “กู้ชาตินี้ ใช้หนี้ชาติหน้า”
หลายคนก็เลยอยากรู้ว่า การอภิปรายของฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปัตย์ หรือภูมิใจไทย ถึงเวลาอภิปรายจริงๆ ที่คนคิดกันว่าจะควงไม้หน้าสามขึ้นฟาดหน้ารัฐบาลกลางสภาฯ สุดท้ายอภิปรายกันสองวันสองคืน มันจะกลายเป็นไม้เรียวหวดแค่เจ็บๆ คันๆ ขึ้นมาหรือเปล่า
หากว่าการอภิปรายตลอด 2 วัน มีแค่การเล่นโวหาร ตีสำนวน แต่ไม่มีข้อมูลเชิงลึก รวมถึงขาดข้อมูลอันมีเหตุมีผลมาทำให้น้ำหนักการอภิปรายที่คัดค้านไม่เห็นด้วยกับการกู้เงินดังกล่าว ประชาชนฟังแล้วแทนที่จะเห็นด้วยกับฝ่ายค้าน แต่กลายเป็นว่า ฟังการอภิปรายของฝ่ายค้านกับการชี้แจงของรัฐบาล และคำอภิปรายสนับสนุนการกู้เงินดังกล่าวของส.ส.เพื่อไทยแล้ว ประชาชนกลับคล้อยตามรัฐบาลมากกว่า
แบบนี้ แทนที่ฝ่ายค้านจะใช้เวทีอภิปรายซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ช่อง 11 ตลอดการประชุม มาสร้างคะแนนนิยมให้กับตัวเอง จะกลายเป็นว่ากลับยิ่งเป็นการอภิปรายที่ทำให้ประชาชน ยิ่งเห็นด้วยกับรัฐบาลในการกู้เงินมาลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศ หากออกมาแบบนี้ ประชาธิปัตย์ ลำบากแน่นอน
**เพราะดูแล้ว รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย มีการตั้งรับกันมาอย่างดี ไม่ยอมเป็นหมูในอวยให้ฝ่ายค้านไล่ถลุง แน่นอน
เห็นได้จากการประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทย เมื่อ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา พบว่ามีการเตรียมการกันมาเป็นอย่างดี ฝ่ายแกนนำรัฐบาลอย่าง กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ก็เดินทางไปพูดกับส.ส.เพื่อไทย เพื่อขอให้ส.ส.ของพรรคร่วมมือกันในการช่วยรัฐบาลชี้แจงเรื่องการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ดังกล่าวในสภาฯ
นอกจากนี้ แกนนำพรรคเพื่อไทยยังมีการทำเอกสารสรุปความเป็นมาของการกู้เงินรวมถึงรายละเอียดวิธีการกู้เงิน-การชำระดอกเบี้ย และการทำโครงการต่างๆ ในงบเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท แจกให้กับส.ส. เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ ไม่ต้องอ่านตัวเล่มงบทั้งหมดที่มีหลายร้อยหน้า ซึ่งเข้าใจยาก เพื่อว่าจะได้ให้ส.ส.ของพรรคพอเข้าใจเรื่องแล้ว ก็จะได้เอาไปอภิปรายในสภาฯ รวมถึงเอาไว้ไปบอกกับประชาชนในพื้นที่ เพื่อโฆษณาว่าเป็นผลงานของรัฐบาลต่อไป
รวมถึงตลอดการอภิปราย 2 วันดังกล่าว ยังมีการเปิดห้องพิเศษเฉพาะเพื่อการนี้ โดยแกนนำรัฐบาลอย่าง เฉลิม อยู่บำรุง จะใช้ห้องประชุม 3301 ของตึกรัฐสภา เป็นศูนย์บัญชาการของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ในการรับมือกับฝ่ายค้าน
รวมถึงมีการสั่งการให้ขนข้าราชการประจำระดับสูง ในกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และฝ่ายกฎหมาย อย่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตลอดจนมือกฎหมายของพรรค อย่าง โภคิน พลกุล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี –อดีตประธานรัฐสภา มาคอยช่วยรัฐบาลที่รัฐสภา เพื่อคอยช่วยเสริมข้อมูลต่าง ๆให้กับรัฐบาล ทั้งในแง่ตัวเลขสถิติทางเศรษฐกิจ-ข้อคิดเห็นทางด้านกฎหมายเพื่อเอาไปชี้แจงหรืออภิปรายในสภาฯ ตลอดสองวันนี้
ขณะเดียวกัน การอภิปรายของส.ส.เพื่อไทยก็มีการจัดวางกันเป็นระบบ ไม่ใช่ให้ลุกขึ้นพูดกันเรื่อยเปื่อย เพราะไม่ใช่กฎหมายธรรมดา หากพูดไม่ดี เข้ารกเข้าพง จะพังกันทั้งรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย
เลยมีการแบ่งกลุ่มผู้อภิปรายของพรรคออกเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มศึกษาโครงข่ายรถไฟทางคู่ 2. ท่าเรือลำน้ำและชายฝั่ง 3. พัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง และ 4. พัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษ
แล้วก็ให้ส.ส.แต่ละกลุ่ม เตรียมข้อมูลกันมาให้แน่น เพื่ออภิปรายสนับสนุนรัฐบาล และคอยโต้กลับฝ่ายค้าน อย่างทันท่วงที
แถมยังตั้งทีมส.ส. คอยประคองเกมในห้องประชุม ไม่ให้ฝ่ายค้านจวกรัฐบาลได้ถนัด หากเห็นว่าต้องสกัด ก็ให้ลุกขึ้นประท้วงเลย ทีมนี้ตามข่าวพบว่าส่วนใหญ่ก็พวกหน้าเดิมที่มักเล่นบทนักประท้วงในสภาฯ เช่น วรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ -จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. เป็นต้น
ขณะที่ตัวหลักของรัฐบาลในการแจงเรื่องนี้ในสภาฯ แม้ดูแล้วคนที่เป็นหลักคงไม่พ้น กิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.คลัง แต่ถ้าดูจากสิ่งที่อยู่ในร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจะพบว่าเป็นเรื่องของกระทรวงคมนาคมเป็นส่วนใหญ่
**คนที่อาจต้องรับศึกหนักชนกับฝ่ายค้าน ดูแล้ว คงไม่ใช่แค่กิตติรัตน์คนเดียว แต่อาจเป็น ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ด้วยอีกคน
รายของชัชชาติ ที่ข่าวว่า ยิ่งลักษณ์ และทักษิณ ชินวัตรไว้ใจนักหนา ถ้าประคองตัวไปได้ในศึกนี้ สงสัย อนาคตการเมืองในพรรคเพื่อไทย สดใสแน่นอน
**แต่หากเคลียร์ข้อหาฝ่ายค้านไม่ได้ ชี้แจงแบบถามช้างตอบม้า แทนที่จะแจ้งเกิด อาจแจ้งดับก็ได้