xs
xsm
sm
md
lg

สนธิกำลังตรึงเข้มใต้ ผวาโจรก่อวินาศกรรมสงขลา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แจ้งเตือน จนท.ยะลา ทุกหน่วยเตรียมพร้อมรับความรุนแรงหลังหน่วยข่าวกรองแจ้งกลุ่มก่อความไม่สงบเตรียมแทรกซึมก่อเหตุในพื้นที่ ขณะที่กองกำลังผสมสงขลาสั่งคุมเข้มตลอด 24 ชม.เส้นทางเขตเชื่อมต่อ 3 จชต. หวั่นคนร้ายหนีเข้ามาก่อเหตุในสงขลา-หาดใหญ่ "ดุสิตโพล" เผยผลสำรวจคนกรุงเทพฯ และ 3 จชต.เห็นด้วยกับรัฐบาลเจรจากับกลุ่มโจรใต้ BRN

เมื่อเวลา 08.45 น.วานนี้ (17 มี.ค.) ศูนย์วิทยุสื่อสาร ภ.จ.ยะลา ได้แจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกพื้นที่เพื่อให้เตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากมีแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือแจ้งเตือนว่า กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้ความพยายามแฝงตัวเข้ามาก่อเหตุ หรือก่อวินาศกรรมในเขตเทศบาลนครยะลา โดยแฝงตัวกับกลุ่มดาวะห์ หรือกลุ่มอื่นๆ ขอให้ประสานทุกเครือข่ายเพิ่มความระมัดระวัง และความเข้มในการตั้งจุดตรวจสกัดยวดยานพาหนะที่ผ่านเข้าออกในพื้นที่ โดยเน้นรถที่มีกลุ่มคนโดยสารจำนวนมากเป็นกรณีพิเศษ และให้เพ่งเล็งไปที่ยานพาหนะต้องสงสัยที่อาจจะแฝงตัวเข้ามาก่อเหตุร้ายในพื้นที่ได้ โดยเฉพาะพื้นที่ อ.รามัน อ.กรงปินัง ต.ลำใหม่ และ อ.เมืองยะลา เป็นพิเศษ และให้กำชับลูกข่ายที่ออกปฏิบัติหน้าที่ให้ระมัดระวังให้มากขึ้นด้วย

**ผู้ว่าฯนราฯกำชับ จนท.ทำงานเต็มที่

ด้านนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงการปรับแผนการรักษาความปลอดภัยหลังเกิดเหตุการณ์ลอบวางระเบิดรถยนต์ของ พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วงศ์พรหมเมศร์ รอง ผกก.(ป.) สภ.รือเสาะ และเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตอีก 2 นายว่า คงไม่มีความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนแผนอะไรอีก เพราะที่ผ่านมาทางกองกำลัง 3 ฝ่ายทั้งฝ่ายปกครอง ฝ่ายทหาร ฝ่ายตำรวจ ได้ประสานความร่วมมือในการดำเนินการตามแผนรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นทุกรูปแบบและอย่างเต็มความสามารถอยู่แล้ว

"เหตุการณ์ที่ อ.รือเสาะ ที่ทำให้ต้องสูญเสีย พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ และตำรวจอีก 2 นายนั้นถือเป็นการลอบโจมตีในระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นเหตุที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ อย่างไรก็ตาม ผมได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองทั้ง 13 อำเภอ ให้ทำงานอย่างเต็มความสามารถให้ดีที่สุดแล้ว"
ทั้งนี้ กลุ่มที่ลอบวางระเบิดรถยนต์ของ พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วงศ์พรหมเมศร์ รอง ผกก.(ป.) สภ.รือเสาะ และตำรวจอีก 2 นายนั้นเชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มเดิมที่เคยก่อเหตุในพื้นที่ โดยมุ่งไปที่ผู้ต้องสงสัย ประกอบด้วย นายมะสุการือนอ ยะกูมอ นายสะสุเพ็ญ ยะกูมอ นายฮัมดัน แมเราะ นายรอแปอิง อุเซ็ง และนายมาหะมะ แมเราะ ทั้ง 5 มีหมายจับ ป.วิอาญา คนละ 5 คดีหลังเกิดเหตุระเบิด เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดล้อม 3 หมู่บ้าน ในพื้นที่ใกล้เคียง แต่ยังไม่พบผู้ต้องสงสัย ซึ่งคาดว่ายังหลบหนีอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง

**คุมเข้ม 24 ชม.เส้นทางเขตเชื่อมต่อใต้

ด้านกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 4342 สงขลา ซึ่งตั้งด่านตรวจถาวรบนเส้นทางถนนสายนาทับ-จะนะ พื้นที่บ้านเตาอิฐ หมู่ที่ 8 ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งเป็นเส้นทางเขตเชื่อมต่อจังหวัดสงขลากับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถนนเลียบชายฝั่งทะเล เป็นเส้นทางลัดเข้าเมืองสงขลาและเมืองหาดใหญ่อีกเส้นทางหนึ่ง ได้เพิ่มมาตรการคุมเข้มเส้นทางตลอด 24 ชั่วโมง โดยทำการตรวจค้นรถเป้าหมายต้องสงสัย ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ก่อเหคุใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้วใช้เส้นทางนี้หลบหนีเข้ามาหลบซ่อนตัวในพื้นที่ จ.สงขลา หรือลักลอบเข้ามาก่อเหตุร้ายในพื้นที่เมืองสงขลาและเมืองหาดใหญ่

รวมทั้งสกัดกั้นกลุ่มที่นำสิ่งของผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ ทั้งกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดที่อาจลักลอบลำเลียงยาเสพติดลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลุ่มผู้ค้าของเถื่อนที่ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งเหล้า บุหรี่ เครื่องอุปโภคบริโภคที่หลบหนีภาษีศุลกากรและกลุ่มค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าว เนื่องจากบริเวณถนนสายหลักสายเอเชียบริเวณบ้านควนมีด อ.จะนะ จะมีจุดตรวจถาวรที่มีการบูรณาการกำลังทั้งตำรวจ และ อส.ฝ่ายปกครอง แทนกำลังทหารที่ถอนออกไป มีการคุมเข้มตรวจค้นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รวมทั้งบุคคลต้องสงสัยอย่างเข้มงวด ทำให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด กลุ่มผู้ค้าของเถื่อนและกลุ่มผู้ค้ามนุษย์ ต้องหลักเลี่ยงการใช้ถนนสายหลักสายเอเชีย แล้วหันมาใช้เส้นทางถนนสายนาทับ-จะนะ แทน เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจค้นและการถูกจับกุม
ขณะเดียวกันได้มีการนำรูปภาพรถยนต์ต้องสงสัยที่มีการประกอบระเบิดเป็นคาร์บอมบ์และภาพของแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบทั้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และในพื้นที่ จ.สงขลา มาติดไว้ที่ป้อมจุดตรวจเพื่อให้เจ้าหน้าที่เฝ้าจับตาเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการแฝงตัวเข้ามาเคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดสงขลา

**ยิง ส.อบต.ศรีสาครดับคารถเก๋ง

ด้านสถานการณ์ความไม่สงบ เวลา 09.50 น.วานนี้ ร.ต.ท.ปรีชา ราชโยธา ร้อยเวร สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งคนร้ายยิงนายมะยิ อาแด อายุ 68 ปี อยู่ต.ตะมะยูง อ.ศรีสาคร สมาชิก อบต.ต.ตะมะยูง และเป็นเจ้าของปั๊มน้ำมัน 2 แห่งใน อ.ศรีสาคร เสียชีวิตคารถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กค-8079 ยะลา ที่บริเวณ 2 บ้านดุซงมาแจ ต.ซากอ อ.ศรีสาคร เหตุเกิดขณะที่ผู้ตายเพิ่งเสร็จจากเข้าไปดูแลกิจการปั๊มน้ำมัน 2 แห่ง และกำลังขับรถยนต์เก๋งส่วนตัวมุ่งหน้าเดินทางจะไปติดต่อราชการที่ อ.ศรีสาคร เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนขับรถยนต์กระบะไม่ทราบสี ยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนเป็นพาหนะตามประกบก่อนที่คนร้ายที่นั่งกระบะหลังจะใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่นายมะยิจำนวน 5 นัดซ้อน จนนายมะยิ เสียชีวิต ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นเรื่องการเมืองท้องถิ่น แต่ไม่ตัดทิ้งประเด็นสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่
 
**ดุสิตโพลหนุนรัฐบาลเจรจาโจรใต้

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “การแก้ปัญหาภัยใต้ในสายตาประชาชน” พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 64.32 % มองว่าสถานการณ์ภัยใต้ในปัจจุบันยังมีความน่าเป็นห่วง มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น รองลงมาประชาชน 24.05 % มองว่าเป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศที่แก้ไขได้ยาก ควรหาทางแก้โดยเร็ว และประชาชนอีก 11.63 % รู้สึกสงสารและเห็นใจผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะครู นักเรียน ทหาร

ส่วนที่ภาครัฐพยายามแก้ไขปัญหาภัยใต้ โดยการที่จะเจรจากับกลุ่ม BRN ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ อย่างไรนั้น พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 57.57 % เห็นด้วย เพราะเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่น่าจะเหมาะสม จะได้รู้ข้อมูลข้อเท็จจริงมากขึ้น ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย ฯลฯ ขณะที่ประชาชน 25.46 % ไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการเจรจาเพียงกลุ่มเดียว ควรรับฟังความเห็นจากหลายๆกลุ่ม อาจแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ฯลฯ และอีก 16.97 % รู้สึกเฉยๆ เพราะเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน ไม่ว่าจะแก้ด้วยวิธีใดก็ไม่น่าจะทำได้สำเร็จ ฯลฯ

สำหรับการเจรจาครั้งนี้กับกลุ่ม BRN ที่จะมีตัวแทนต่างๆ เข้าร่วมนั้น ถ้าจะให้ประสบผลสำเร็จ ประชาชนคิดว่าควรจะมีกลุ่มใดบ้างที่เข้าร่วมเจรจา พบว่า ประชาชนตอบว่า 3 กลุ่มแรกที่ควรเข้าร่วมเจรจาด้วยคือ อันดับแรกผู้แทนภาคประชาชน, อันดับสอง ทหาร ตำรวจ และอันดับสามนักวิชาการ
ส่วนประเด็นที่ประชาชนอยากให้มีการพูดคุยในการเจรจาครั้งนี้ ที่จะทำให้ประสบผลสำเร็จได้นั้น พบว่า อันดับแรก หาข้อตกลงร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหา/หาทางออกที่ดีที่สุด อันดับ 2 ขอให้เห็นแก่ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่และได้รับความเดือดร้อน และอันดับ 3 ความต้องการ/สิ่งที่อยากให้รัฐบาลไทยดำเนินการ

ทั้งนี้ ประชาชนคิดว่า ถ้ามีการเจรจาต่างๆขึ้นจริง จะทำให้ภัยใต้ที่เกิดขึ้นมีลักษณะอย่างไรนั้น พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 42.03 % มองว่าจะลดความรุนแรงได้ เพราะได้แนวทางในการแก้ปัญหาที่ชัดเจน สถานการณ์ต่างๆอาจเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ฯลฯ ขณะที่อีก 27.59 % มองว่า คงจะไม่ได้ผล เพราะเป็นการเจรจาแค่เพียงกลุ่มเดียว อาจไม่ครอบคลุมปัญหาทั้งหมด ฯลฯ ส่วนประชาชนอีก 17.47 % มองว่าจะสงบได้เร็วขึ้น เพราะมีการพูดคุยหาข้อตกลงร่วมกันอย่างเป็นทางการ เกิดความร่วมมือจากทั้ง 2 ฝ่าย ฯลฯ และประชนอีก 12.91 % มองว่า คงไม่ได้ผล เพราะเป็นปัญหาเรื้อรังที่มีมานานและยากที่จะแก้ไขได้.
กำลังโหลดความคิดเห็น