ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้ (13มี.ค.) มีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในที่ประชุม โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ได้สอบถามถึงความคืบหน้า กรณีที่ตน พร้อมด้วยนายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน ส.ส.กทม. และ นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ นายสมศักดิ์ เพื่อให้สอบสวนการเสียบบัตรแทนกันในการลงมติวาระแรก ของร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยสวนดุสิต พ.ศ... ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าอย่างไร เพราะการกดบัตรแทนกันที่เกิดขึ้น เป็นการกระทำที่ผิดรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ประมวลจริยธรรม และข้อบังคับการประชุมอย่างชัดเจน ก็จำเป็นที่จะต้องมีการลงโทษ
ขณะที่ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การกดบัตรแทนกัน เกิดขึ้นมาตลอด และตนมักจะเป็นผู้ที่จับผู้ที่กระทำความผิดได้ จนทุกวันนี้ไม่เผาผีกันไปแล้ว เพราะฉะนั้นการตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ขึ้นมาสอบสวนนั้น ไม่สามารถทำได้จริง เพราะเมื่อตั้งขึ้นมา เรื่องก็จะเงียบหายไปอีก คนที่จะต้องรับผิดชอบคือประธานในที่ประชุมขณะนั้น ที่ไม่มีความเป็นกลาง ซึ่งครั้งที่ผ่านมาก็คือ นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานภาฯ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่เป็นประธาน ก็ต้องโดนสอบสวนด้วย อย่างไรก็ตาม ตนขอให้พวกที่มีพฤติกรรมเสียบบัตรแทนกัน เดินทางออกจากอาคารรัฐสภา และรถคว่ำตายให้หมด
ด้านนายสมศักดิ์ ระบุว่า ในส่วนตัวตนก็รับไม่ได้ในการเสียบบัตรแทนกัน โดยตนจะขอให้ฝ่ายประมวลกฎหมายจริยธรรมของสภาฯ เป็นผู้เข้ามาสอบสวนกรณีที่เกิดขึ้น เพราะถือว่าเป็นผู้ที่มีความเป็นกลางมากที่สุด จากนั้นประธานสภาฯได้มีคำสั่งให้สมาชิกในที่ประชุมลงมติวาระแรกของร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยสวนดุสิต พ.ศ... ต่อจากวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่าน ซึ่งปรากฎว่า มีจำนวนสมาชิกอยู่ประมาณ 200 กว่าคน โดยนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วง พร้อมระบุว่า จำนวนสมาชิกที่เห็นด้วยตาในขณะนี้ น่าจะมีมากกว่าจำนวนตัวเลขที่โชว์อยู่ในเครื่องแสดงตน เพราะฉะนั้น ตนขอเสนอให้ที่ประชุมมีการนับองค์ประชุมแบบขานชื่อ เพราะถ้านั่งอยู่แล้วไม่แสดงตน ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ในห้องประชุมต่อไป ทำให้นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นมาโต้ตอบว่า คำพูดประโยคพวกนี้พวกตนเคยร้องขอที่ประชุมมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นหากจะมีการนับองค์ประชุม พวกตนก็ยินดีอย่างมาก หลังจากผ่านการขานชื่อครบทั้ง 500 รายชื่อ ปรากฏว่า มีผู้อยู่ในห้องประชุมจำนวน 308 คน ซึ่งถือว่าครบองค์ประชุม จึงได้ดำเนินการเพื่อลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยสวนดุสิต พ.ศ...ซึ่งผลการลงมติปรากฏว่า มีผู้เห็นด้วยให้รับหลักการ 383 ต่อ 1 เสียง โดยต่อจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการจำนวน 30 ท่าน เพื่อพิจารณาเรื่องนี้ต่อไป
ขณะที่ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การกดบัตรแทนกัน เกิดขึ้นมาตลอด และตนมักจะเป็นผู้ที่จับผู้ที่กระทำความผิดได้ จนทุกวันนี้ไม่เผาผีกันไปแล้ว เพราะฉะนั้นการตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ขึ้นมาสอบสวนนั้น ไม่สามารถทำได้จริง เพราะเมื่อตั้งขึ้นมา เรื่องก็จะเงียบหายไปอีก คนที่จะต้องรับผิดชอบคือประธานในที่ประชุมขณะนั้น ที่ไม่มีความเป็นกลาง ซึ่งครั้งที่ผ่านมาก็คือ นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานภาฯ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่เป็นประธาน ก็ต้องโดนสอบสวนด้วย อย่างไรก็ตาม ตนขอให้พวกที่มีพฤติกรรมเสียบบัตรแทนกัน เดินทางออกจากอาคารรัฐสภา และรถคว่ำตายให้หมด
ด้านนายสมศักดิ์ ระบุว่า ในส่วนตัวตนก็รับไม่ได้ในการเสียบบัตรแทนกัน โดยตนจะขอให้ฝ่ายประมวลกฎหมายจริยธรรมของสภาฯ เป็นผู้เข้ามาสอบสวนกรณีที่เกิดขึ้น เพราะถือว่าเป็นผู้ที่มีความเป็นกลางมากที่สุด จากนั้นประธานสภาฯได้มีคำสั่งให้สมาชิกในที่ประชุมลงมติวาระแรกของร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยสวนดุสิต พ.ศ... ต่อจากวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่าน ซึ่งปรากฎว่า มีจำนวนสมาชิกอยู่ประมาณ 200 กว่าคน โดยนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วง พร้อมระบุว่า จำนวนสมาชิกที่เห็นด้วยตาในขณะนี้ น่าจะมีมากกว่าจำนวนตัวเลขที่โชว์อยู่ในเครื่องแสดงตน เพราะฉะนั้น ตนขอเสนอให้ที่ประชุมมีการนับองค์ประชุมแบบขานชื่อ เพราะถ้านั่งอยู่แล้วไม่แสดงตน ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ในห้องประชุมต่อไป ทำให้นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นมาโต้ตอบว่า คำพูดประโยคพวกนี้พวกตนเคยร้องขอที่ประชุมมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นหากจะมีการนับองค์ประชุม พวกตนก็ยินดีอย่างมาก หลังจากผ่านการขานชื่อครบทั้ง 500 รายชื่อ ปรากฏว่า มีผู้อยู่ในห้องประชุมจำนวน 308 คน ซึ่งถือว่าครบองค์ประชุม จึงได้ดำเนินการเพื่อลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยสวนดุสิต พ.ศ...ซึ่งผลการลงมติปรากฏว่า มีผู้เห็นด้วยให้รับหลักการ 383 ต่อ 1 เสียง โดยต่อจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการจำนวน 30 ท่าน เพื่อพิจารณาเรื่องนี้ต่อไป