วิปค้านยื่นฟัน รบ.กดบัตรแทนกัน ตอกชง พ.ร.บ.นิรโทษฯ หวังล้างผิดยกเข่ง

“จุรินทร์” นำทีม ส.ส.ปชป.ยื่น ปธ.สภาฯ เหตุ ส.ส.รบ.ลอบกดบัตรแทนกันถึง 138 เสียง ซัดผิด รธน. เชื่อลุยชง พ.ร.บ.นิรโทษฯ จุดเริ่มล้างผิดเหมารวม เหตุท่าที “เจริญ” ชัดทำ กม.รอ 2 ฉบับ แถม พ.ร.บ.ปรองดองยังค้างในสภา ชี้แค่ปาหี่เล่นละคร ส่อทำสังคมขัดแย้ง


วันนี้ (8 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน พร้อมด้วยนายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน ส.ส.กทม. และนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับหนังสือแทน เพื่อให้สอบสวนการเสียบบัตรแทนกันในการลงมติวาระแรกของร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยสวนดุสิต พ.ศ... ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา

นายจุรินทร์กล่าวว่า เชื่อว่า ส.ส.พรรครัฐบาลที่อยู่ในห้องประชุมขณะนั้น 100% มีการกดบัตรแทนกัน เพราะเมื่อตรวจสอบองค์ประชุมเบื้องต้นมี 265 คน เป็นสมาชิกจากพรรคประชาธิปัตย์ 2 คน พรรคภูมิใจไทย รักประเทศไทย รักษ์สันติ เป็น 6 คน แสดงที่เหลือเป็น ส.ส.พรรครัฐบาล 259 คน แต่เมื่อมีการนับหัวจริงมีเพียง 121 คน ในนั้นก็นับรวมกับ ส.ส.ฝ่ายค้าน 6 คนด้วย แสดงว่าอย่างน้อยต้องมีการกดบัตรแทนกัน 138 เสียง

“ปรากฏการณ์กดบัตรแทนกันที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่ผิดรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ประมวลจริยธรรม และข้อบังคับการประชุม จึงยื่นให้ประธานสอบสวนเรื่องนี้ให้ปรากฏผลว่าสุดท้ายเป็นอย่างไร และจะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย” นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์ ยังกล่าวเพิ่มเติมในกรณีที่มีการยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อขอให้สอบสวนการเสียบบัตรแทนกันในการลงมติวาระแรกของร่างพ.ร.บ.มหาวิทยาลัยสวนดุสิต พ.ศ...ว่า เรื่องนี้เมื่อตนได้ยื่นหนังสือไปแล้วก็เป็นหน้าที่ของประธานสภาฯผู้แทนราษฎรที่จะต้องดำเนินการ ในการการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบสวนหาตัวผู้ที่กระทำความผิด ส่วนผลการสอบสวนเป็นอย่างไร ประธานสภาก็จะต้องนำผลการสอบสวนมาแจ้งให้ที่ประชุมสภา หรือแจ้งให้ตนได้รับทราบต่อไป

ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวต่อถึงถึงกรณีที่ 47 ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยื่นเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ถือว่าเป็นการนับหนึ่งอีกครั้งหนึ่งของพรรคเพื่อไทยที่ต้องการเดินหน้านิรโทษกรรมแบบยกเข่ง คือการรวมล้างผิดคนโกงเข้าไปด้วย สัญญาณที่ชี้ชัดคือ การที่นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประกาศชัดเจนว่าได้เตรียมกฎหมายนิรโทษกรรมไว้ 2 ฉบับ คือ 1. นิรโทษกรรมให้กับประชาชนที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ความมั่นคง และ 2. นิรโทษกรรมให้แกนนำ ซึ่งรวมการล้างผิดคนโกงไปด้วย

นอกจากนี้ยังไม่มีการถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ทั้ง 4 ฉบับออกจากสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น อาจเป็นไปได้ว่าเมื่อยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมก็อาจจะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดองร่วมไปด้วย สุดท้ายร่าง พ.ร.บ.ปรองดองก็คือการนิรโทษกรรมแบบยกเข่ง ซึ่งขณะนี้มีสัญญาณแล้วว่าจะทำในลักษณะดังกล่าว รวมเป็น 5 ร่างพิจารณาพร้อมกัน

“ผมเชื่อว่าสังคมจะออกมาต่อต้านก็จะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงเกิดขึ้นอีก ทั้งในและนอกสภาอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น การนัดหารือของนายเจริญที่ให้ทุกฝ่ายมาพูดคุยกันเรื่องร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมก็ไม่ได้มีเป้าหมายไปสู่ความสำเร็จ ท้ายที่สุดก็แค่ปาหี่ทางการเมือง เพราะขณะที่ยังไม่มีการหารือกัน แต่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยก็ได้ยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้ามา แสดงว่าการหารือก็เป็นแค่ละครฉากหนึ่งที่มุ่งหวังให้ทุกฝ่ายเป็นตราประทับสร้างความชอบธรรมให้กับการออกกฎหมายล้างผิดคนโกง” นายจุรินทร์กล่าว

ด้านนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าหลังจากที่ตนได้รับหนังสือแล้วจะนำเรื่องนี้กราบเรียนไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับท่านในการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบในเรื่องนี้ตามขั้นตอน เชื่อว่ากรณีนี้น่าจะเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับกรณีที่ที่มีการยื่นหนังสือเพื่อขอให้มีการตรวจสอบการกดบัตรแทนกันเมื่อครั้งที่มีการพิจารณาร่างร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 291

ขณะที่นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)กิจการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ตนคงไม่มีการเสนอเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมกมธ. เพราะเคยมีการเสนอในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว ซึ่งกมธ.สรุปผลการพิจารณาว่าไม่มีอำนาจในการลงโทษ ทั้งนี้คงต้องรอให้สภาฯมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบในเรื่องนี้ก่อน หากไม่มีความคืบหน้าตนก็จะนำคลิปวีดีโอที่ส.ส.ของพรรคได้มีการบันทึกไว้ในขณะที่มีการเสียบบัตรแทนกันมาเผยแพร่ต่อไป อย่างไรก็ตามเห็นว่า กรณีการเสียบบัตรแทนกันในครั้งนี้เป็นกรณีที่ชัดเจนที่สุด ทางฝั่งรัฐบาลไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะช่วงเวลาดังกล่าวมีตัวแทนจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตที่อยู่ในห้องประชุม รวมถึงส.ส.ที่เห็นเหตุการณ์และสามารถบันทึกภาพไว้ได้