วานนี้(12 มี.ค.56) นายกล้านรงค์ จันทึก กรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยภายหลังเข้าประชุมพิจารณาการรับคดีโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจทดแทน จำนวน 396 แห่งทั่วประเทศ อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.หรือไม่ หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ส่งสำนวนชี้มูลมาให้ ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ได้มอบหมายให้ตนมาแถลง 2 เรื่อง คือเรื่องการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง ที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ได้ส่งสำนวนมาให้คณะกรรมการป.ป.ช.ไต่สวน
ขอชี้แจงว่าเรื่องนี้ทางดีเอสไอได้ส่งรายงานการสอบสวนคดีที่มีการกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในข้อกล่าวหาเกี่ยวกับเรื่องว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติการเสนอราคาต่อภาครัฐ พ.ศ. 2542 โดยระบุว่ามีพฤติการที่จะทำความผิดดังกล่าว โดยมุ่งหมายไม่ให้มีการแข่งขันราคาไม่เป็นธรรม ซึ่งทางป.ป.ช.ได้รับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2556 และได้นำเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.รับทราบในวันนี้ ซึ่งเอกสารที่กรมสอบสวนคดีพิเศษส่งเรื่องมานั้น มีทั้งหมด 4 แฟ้ม คณะกรรมการป.ป.ช. ได้พิจารณาในวันนี้แล้วเห็นว่า เรื่องการร้องเรียนการก่อสร้างสถานีตำรวจ จำนวน 396 หลังนั้น นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้มีหนังสือลงวันที่ 21 กพ. 56 ได้กล่าวร้องเรียนเรื่องดังกล่าวเช่นกัน แต่เป็นการกล่าวหาบุคคล โดยร้องเรียนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อนุมัติให้มีการต่อสัญญาก่อสร้างออกไป ซึ่งเป็นการขัดมติคณะรัฐมนตรี และกล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจบริหารการดำเนินการสัญญา
ดังนั้นคณะกรรมการป.ป.ช.ได้มีมติรวมสองเรื่องนี้มอบหมายให้สำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งได้รับเรื่องของนายชูวิทย์ ไว้ดำเนินการอยู่แล้ว ให้รวมเรื่องดังกล่าวและดำเนินการตรวจสอบต่อไป
นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.ได้ชี้แจงถึงมติการประชุม ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว และได้ให้เจ้าหน้าที่ไปแสวงหาข้อเท็จจริงตามขั้นตอน และส่งเรื่องกลับมาให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่ามีมูล ข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะดำเนินการไต่สวนต่อไปหรือไม่ ซึ่งไม่ได้ส่งเรื่องไปยังสำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพราะไม่มีอำนาจเพียงพอ ส่วนเรื่องที่เจ้าหน้าที่จะใช้เวลารวบรวมข้อมูลนานเท่าไหร่นั้น ตนไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับการทำงานของเจ้าหน้าที่
ขอชี้แจงว่าเรื่องนี้ทางดีเอสไอได้ส่งรายงานการสอบสวนคดีที่มีการกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในข้อกล่าวหาเกี่ยวกับเรื่องว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติการเสนอราคาต่อภาครัฐ พ.ศ. 2542 โดยระบุว่ามีพฤติการที่จะทำความผิดดังกล่าว โดยมุ่งหมายไม่ให้มีการแข่งขันราคาไม่เป็นธรรม ซึ่งทางป.ป.ช.ได้รับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2556 และได้นำเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.รับทราบในวันนี้ ซึ่งเอกสารที่กรมสอบสวนคดีพิเศษส่งเรื่องมานั้น มีทั้งหมด 4 แฟ้ม คณะกรรมการป.ป.ช. ได้พิจารณาในวันนี้แล้วเห็นว่า เรื่องการร้องเรียนการก่อสร้างสถานีตำรวจ จำนวน 396 หลังนั้น นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้มีหนังสือลงวันที่ 21 กพ. 56 ได้กล่าวร้องเรียนเรื่องดังกล่าวเช่นกัน แต่เป็นการกล่าวหาบุคคล โดยร้องเรียนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อนุมัติให้มีการต่อสัญญาก่อสร้างออกไป ซึ่งเป็นการขัดมติคณะรัฐมนตรี และกล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจบริหารการดำเนินการสัญญา
ดังนั้นคณะกรรมการป.ป.ช.ได้มีมติรวมสองเรื่องนี้มอบหมายให้สำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งได้รับเรื่องของนายชูวิทย์ ไว้ดำเนินการอยู่แล้ว ให้รวมเรื่องดังกล่าวและดำเนินการตรวจสอบต่อไป
นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.ได้ชี้แจงถึงมติการประชุม ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว และได้ให้เจ้าหน้าที่ไปแสวงหาข้อเท็จจริงตามขั้นตอน และส่งเรื่องกลับมาให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่ามีมูล ข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะดำเนินการไต่สวนต่อไปหรือไม่ ซึ่งไม่ได้ส่งเรื่องไปยังสำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพราะไม่มีอำนาจเพียงพอ ส่วนเรื่องที่เจ้าหน้าที่จะใช้เวลารวบรวมข้อมูลนานเท่าไหร่นั้น ตนไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับการทำงานของเจ้าหน้าที่