หลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หลายคนบอกว่าโล่งใจไปที กลัวว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จะแพ้ ในระยะแรกผมก็คิดว่าคงจะแพ้ เพราะเบอร์ 9 มาแรงมาก โพลหลายสำนักก็ออกมาอย่างนั้น
พูดถึงโพลแล้ว การที่โพลเกือบทั้งหมดผิดทำให้เกิดความกังขาว่า โพลแบบที่ฝรั่งทำจะใช้ได้หรือไม่ในเมืองไทย คุณชายสุขุมพันธุ์ บอกว่าโพลใช้ไม่ได้เพราะคนไทยเรานั้น รักใครชอบใครก็ไม่พูดออกมาตรงๆ แต่ผมเห็นว่าโพลอาจจะถูก แต่มีปัจจัยแทรกซ้อนเข้ามา ปัจจัยหนึ่งก็ไม่ใช่อะไรอื่นก็คือ โพลนั่นเองที่ทำให้คนเกิดความกลัวว่า เบอร์ 9 จะมาจริงๆ ที่สำคัญก็คือ มีข่าวออกมาว่าเบอร์ 9 จะเอาจตุพร พรหมพันธุ์ มาเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. และก็มีนายขวัญชัย ไพรพนา ออกมาพูดว่า จะมีการปรับปรุง กทม.ครั้งใหญ่ นายสองคนนี้ต่อไปพรรคเพื่อไทยคงขอร้องให้อยู่เฉยๆ
คะแนนของเบอร์ 9 ได้ล้านกว่าๆ มากกว่าอดีตผู้สมัครคนก่อนๆ ของพรรคเพื่อไทยก็แสดงว่า หากคนที่อยู่เฉยๆ ในการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ ไม่ออกมา หรือแทนที่จะเทคะแนนไปให้ผู้สมัครอิสระอย่าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ก็มาลงเบอร์ 16 แทนแสดงว่าคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากฐานเสียงจะเหนียวแน่นแล้ว ก็ยังมีเสียงเพิ่มมาอีก ที่ต้องชมเชยก็คือ พลพรรคทำงานกันอย่างเข้มแข็ง
ชัยชนะของพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่าคนกรุงเกรงว่าพรรคเพื่อไทยจะมีอำนาจเบ็ดเสร็จมากเกินไป แบบฉบับการออกเสียงของคนกรุงเทพฯ ก็เหมือนกับในสมัยรัฐบาลชุดก่อนๆ ที่พรรคฝ่ายค้านยังได้คะแนนเสียงในเขตเมืองหลวงที่ที่คนมีการศึกษาสูง และมีคนชั้นกลางมากที่สุด
ที่เป็นเรื่องใหม่และดีก็คือ นโยบายเริ่มมีความสำคัญขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ละพรรคต้องแสวงหาความเห็น และความต้องการจากคนกรุงเทพฯ นโยบายสิ่งแวดล้อม การมีสวนเพิ่มขึ้น แม้แต่การมีทางจักรยานและทางเลียบแม่น้ำก็เป็นเรื่องที่ถูกใจคน
ในต่างประเทศ โพลมีความแม่นยำพอสมควร เพราะวิธีการสุ่มตัวอย่างของเขากว้างกว่าของเรา และผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งก็มักจะตอบคำถามตรงๆ ผิดกับของไทยซึ่งคนไทยออกจะขี้รำคาญ พวกนักศึกษาที่ไปเดินถามความเห็นจึงถูกต่อว่า ทำให้เกิดความยากลำบาก และมีส่วนที่ทำให้โพลไม่ตรงกับความเป็นจริง
พูดถึงกรุงเทพฯ แล้ว ปัญหาพื้นฐานมีอยู่มากมายและยังไม่มีการแก้ไข เวลานี้ถนนหนทางในกรุงเทพฯ อยู่ในสภาพย่ำแย่กว่าถนนในต่างจังหวัดหลายแห่ง ถนนหลายสายขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ ที่แย่มากๆ ก็เห็นจะเป็นทางโลคัลโรดที่หน้าโรงงานยาสูบ จนผมเลิกใช้เส้นทางนี้แล้ว แถบงามวงศ์วานหน้าบ้านผมก็ขรุขระพอๆ กัน เราจะหวังได้หรือไม่ว่านอกจากการสร้างรถไฟฟ้า และท่อระบายน้ำยักษ์แล้ว ถนนหนทางในกรุงเทพฯ จะดีกว่านี้ นอกจากนั้นถนนบางสายที่มีคนเข็นรถขายอาหารก็ยังทำความสกปรกรกรุงรังอย่างน่ารำคาญ สรุปว่า อยู่กรุงเทพฯ ก็ต้องจำทนกับสิ่งเหล่านี้
เมื่อนโยบายมีความสำคัญ ผู้ว่าฯ กทม.ก็มีความกดดันมากขึ้นที่จะต้องทำให้เห็นจริง ในแง่นี้เราจึงพอมีความหวังได้ว่า สภาพของกรุงเทพฯ คงดีขึ้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ชอบพูดว่า “ผมอยู่กับความจริง” นั่นก็คือเขารู้ว่าปัญหาหลายอย่างของกรุงเทพฯ เป็นปัญหาระยะยาวต้องใช้เวลา ไม่อาจทำให้เสร็จอย่างรวดเร็วทันใจได้ แต่นโยบายที่โดดเด่นอย่างหนึ่งของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ก็คือ นโยบายด้านการศึกษา เวลานี้โรงเรียนของ กทม.ดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา และการที่มีการสอนเรื่องจริยธรรมมากๆ และการรณรงค์ต่อต้านการโกงก็เป็นจุดเด่นของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
ในสมัยนี้ทราบว่าจะมีการเปลี่ยนตัวรองผู้ว่าฯ กทม.บางคน และมีข่าวว่า ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน จะเข้ามาร่วมทีมด้วย นับว่าเป็นการเสริมทีมที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ดร.กนกได้ช่วยงานพรรคทางด้านนโยบายมานานแล้ว เข้ามาคราวนี้คงจะมาช่วยด้านการศึกษาด้วย
อนาคตของพรรคประชาธิปัตย์น่าจะดีขึ้น เพราะการได้ดูแลกรุงเทพฯ อีกสมัยหนึ่ง ย่อมทำให้สามารถขยายฐานเสียงได้เพิ่มขึ้น ในการนี้ ส.ก.และ ส.ข.มีบทบาทสำคัญมาก การรักษาฐานเสียงทำได้โดย ส.ก. และ ส.ข.ซึ่งอยู่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด
มีคนเตือนว่า ขออย่าให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์เหลิง ผมคิดว่าก็คงไม่เป็นเช่นนั้น จะว่าไปแล้ว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ก็แสดงให้เห็นว่าเอาจริงเอาจัง มีใจสู้ไม่ท้อถอย และคงทำงานหนักขึ้นกว่าเดิม ขอเอาใจช่วย
อย่างน้อยคนจำนวนมากก็ใจชื้น และกระแส “ไม่เอาพวกเผาเมือง” ก็ยังแรงอยู่ ทำให้หลายคนมีกำลังใจว่าเมืองไทยน่าอยู่ขึ้นแยะ
พูดถึงโพลแล้ว การที่โพลเกือบทั้งหมดผิดทำให้เกิดความกังขาว่า โพลแบบที่ฝรั่งทำจะใช้ได้หรือไม่ในเมืองไทย คุณชายสุขุมพันธุ์ บอกว่าโพลใช้ไม่ได้เพราะคนไทยเรานั้น รักใครชอบใครก็ไม่พูดออกมาตรงๆ แต่ผมเห็นว่าโพลอาจจะถูก แต่มีปัจจัยแทรกซ้อนเข้ามา ปัจจัยหนึ่งก็ไม่ใช่อะไรอื่นก็คือ โพลนั่นเองที่ทำให้คนเกิดความกลัวว่า เบอร์ 9 จะมาจริงๆ ที่สำคัญก็คือ มีข่าวออกมาว่าเบอร์ 9 จะเอาจตุพร พรหมพันธุ์ มาเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. และก็มีนายขวัญชัย ไพรพนา ออกมาพูดว่า จะมีการปรับปรุง กทม.ครั้งใหญ่ นายสองคนนี้ต่อไปพรรคเพื่อไทยคงขอร้องให้อยู่เฉยๆ
คะแนนของเบอร์ 9 ได้ล้านกว่าๆ มากกว่าอดีตผู้สมัครคนก่อนๆ ของพรรคเพื่อไทยก็แสดงว่า หากคนที่อยู่เฉยๆ ในการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ ไม่ออกมา หรือแทนที่จะเทคะแนนไปให้ผู้สมัครอิสระอย่าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ก็มาลงเบอร์ 16 แทนแสดงว่าคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากฐานเสียงจะเหนียวแน่นแล้ว ก็ยังมีเสียงเพิ่มมาอีก ที่ต้องชมเชยก็คือ พลพรรคทำงานกันอย่างเข้มแข็ง
ชัยชนะของพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่าคนกรุงเกรงว่าพรรคเพื่อไทยจะมีอำนาจเบ็ดเสร็จมากเกินไป แบบฉบับการออกเสียงของคนกรุงเทพฯ ก็เหมือนกับในสมัยรัฐบาลชุดก่อนๆ ที่พรรคฝ่ายค้านยังได้คะแนนเสียงในเขตเมืองหลวงที่ที่คนมีการศึกษาสูง และมีคนชั้นกลางมากที่สุด
ที่เป็นเรื่องใหม่และดีก็คือ นโยบายเริ่มมีความสำคัญขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ละพรรคต้องแสวงหาความเห็น และความต้องการจากคนกรุงเทพฯ นโยบายสิ่งแวดล้อม การมีสวนเพิ่มขึ้น แม้แต่การมีทางจักรยานและทางเลียบแม่น้ำก็เป็นเรื่องที่ถูกใจคน
ในต่างประเทศ โพลมีความแม่นยำพอสมควร เพราะวิธีการสุ่มตัวอย่างของเขากว้างกว่าของเรา และผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งก็มักจะตอบคำถามตรงๆ ผิดกับของไทยซึ่งคนไทยออกจะขี้รำคาญ พวกนักศึกษาที่ไปเดินถามความเห็นจึงถูกต่อว่า ทำให้เกิดความยากลำบาก และมีส่วนที่ทำให้โพลไม่ตรงกับความเป็นจริง
พูดถึงกรุงเทพฯ แล้ว ปัญหาพื้นฐานมีอยู่มากมายและยังไม่มีการแก้ไข เวลานี้ถนนหนทางในกรุงเทพฯ อยู่ในสภาพย่ำแย่กว่าถนนในต่างจังหวัดหลายแห่ง ถนนหลายสายขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ ที่แย่มากๆ ก็เห็นจะเป็นทางโลคัลโรดที่หน้าโรงงานยาสูบ จนผมเลิกใช้เส้นทางนี้แล้ว แถบงามวงศ์วานหน้าบ้านผมก็ขรุขระพอๆ กัน เราจะหวังได้หรือไม่ว่านอกจากการสร้างรถไฟฟ้า และท่อระบายน้ำยักษ์แล้ว ถนนหนทางในกรุงเทพฯ จะดีกว่านี้ นอกจากนั้นถนนบางสายที่มีคนเข็นรถขายอาหารก็ยังทำความสกปรกรกรุงรังอย่างน่ารำคาญ สรุปว่า อยู่กรุงเทพฯ ก็ต้องจำทนกับสิ่งเหล่านี้
เมื่อนโยบายมีความสำคัญ ผู้ว่าฯ กทม.ก็มีความกดดันมากขึ้นที่จะต้องทำให้เห็นจริง ในแง่นี้เราจึงพอมีความหวังได้ว่า สภาพของกรุงเทพฯ คงดีขึ้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ชอบพูดว่า “ผมอยู่กับความจริง” นั่นก็คือเขารู้ว่าปัญหาหลายอย่างของกรุงเทพฯ เป็นปัญหาระยะยาวต้องใช้เวลา ไม่อาจทำให้เสร็จอย่างรวดเร็วทันใจได้ แต่นโยบายที่โดดเด่นอย่างหนึ่งของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ก็คือ นโยบายด้านการศึกษา เวลานี้โรงเรียนของ กทม.ดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา และการที่มีการสอนเรื่องจริยธรรมมากๆ และการรณรงค์ต่อต้านการโกงก็เป็นจุดเด่นของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
ในสมัยนี้ทราบว่าจะมีการเปลี่ยนตัวรองผู้ว่าฯ กทม.บางคน และมีข่าวว่า ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน จะเข้ามาร่วมทีมด้วย นับว่าเป็นการเสริมทีมที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ดร.กนกได้ช่วยงานพรรคทางด้านนโยบายมานานแล้ว เข้ามาคราวนี้คงจะมาช่วยด้านการศึกษาด้วย
อนาคตของพรรคประชาธิปัตย์น่าจะดีขึ้น เพราะการได้ดูแลกรุงเทพฯ อีกสมัยหนึ่ง ย่อมทำให้สามารถขยายฐานเสียงได้เพิ่มขึ้น ในการนี้ ส.ก.และ ส.ข.มีบทบาทสำคัญมาก การรักษาฐานเสียงทำได้โดย ส.ก. และ ส.ข.ซึ่งอยู่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด
มีคนเตือนว่า ขออย่าให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์เหลิง ผมคิดว่าก็คงไม่เป็นเช่นนั้น จะว่าไปแล้ว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ก็แสดงให้เห็นว่าเอาจริงเอาจัง มีใจสู้ไม่ท้อถอย และคงทำงานหนักขึ้นกว่าเดิม ขอเอาใจช่วย
อย่างน้อยคนจำนวนมากก็ใจชื้น และกระแส “ไม่เอาพวกเผาเมือง” ก็ยังแรงอยู่ ทำให้หลายคนมีกำลังใจว่าเมืองไทยน่าอยู่ขึ้นแยะ