ASTV ผู้จัดการรายวัน - “เดอะมอลล์” อัพเกรดแผนกแฟชั่น ดึงแบรนด์ดังลงสาขาชานเมือง พร้อมเปิดร้านมัลติแบรนด์ปูทางนำเข้าแฟชั่นมาจำหน่ายเอง เล็งแยกเปิดเป็นโมโนชอปเพิ่ม
นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสบริหารสินค้า W We Craze & MEN IN TREND นางสาวรวิมน ฐานิตารมภ์ ผู้จัดการทั่วไป บริหารสินค้า แฟชั่นผู้หญิง และนายชัยโรจน์ ศรีเดชะรินทร์กุล ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้าแฟชั่นผู้ชาย บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ร่วมกันเปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้รวมแผนกแฟชั่นทั้งชายและหญิงไว้ที่ 14,000 ล้านบาท เติบโต 40% จากปีที่แล้วที่ทำรายได้กลุ่มนี้ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มที่เติบโตมากคือ ยีนส์ เติบโต 20% และชุดชั้นในชาย เช่น จีสตริง เป็นต้น โดยปีนี้ใช้งบการตลาดรวมประมาณ 100 กว่าล้านบาท
เนื่องจากตลาดแฟชั่นเสื้อผ้าเป็นตลาดที่เติบโตดีพฤติกรรมผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการแต่งกายมากขึ้น อีกทั้งทางเดอะมอลล์กรุ๊ปเองก็มีการพัฒนาในเรื่องของแฟชั่นมาตลอด ทั้งสาขาในเมืองและสาขาชานเมืองด้วยการปรับปรุงพื้นที่และการนำแบรนด์ใหม่ๆจากต่างประเทศเข้ามาบริการมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างความแตกต่างเช่น การนำแฟชั่นอินเตอร์แบรนด์ 3 แบรนด์ดังไปเปิดบริการที่สาขาบางกะปิ ประกอบด้วย ซารา ยูนิโคล่ และเอชแอนดเอ็ม เป็นต้น หรือแม้แต่การนำแบรนด์ดังของดีไซน์เนอร์คนไทยไปจำหน่ายเช่น เกรย์ฮาวด์ อิซซู พาร์เล็ต เป็นต้น รวมทั้งแบรนดดังต่างประเทศที่ไปขยายจุดจำหน่ายที่สาขาบางกะปิเช่น เกส ซีเค ลาคอสต์ไลน์ ควิกซิลเวอร์ ร็อกซี่ เป็นต้น ซึ่งให้ดึงลูกค้าเข้าห้างมากขึ้นด้วย ถือเป็นการยกระดับแฟชั่นของห้างเดอะมอลล์เต็มรูปแบบเป็นครั้งแรกด้วย
ขณะที่ปีที่แล้วบริษัทฯได้เริ่มทดลองเปิดร้านแบบมัลติแบรนด์ชอปชื่อว่า “คอนเท็มป์ ซาลอน” (CONTEMP SALON) ซึ่งเป็นร้านจำหน่ยแฟชั่นของผู้หญิงที่บริษัทฯนำเข้ามาจำหน่ายจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นระดับบีบวกขึ้นไปและเป็นแบรนด์ที่ดังในแง่ของการดีไซน์หรือเซเลบริตี้หรือคนดังนิยมใส่กัน แต่ว่าจะไม่ใช่เป็นแบรนด์ที่มียอดขายติดอันดับโลก ซึ่งนำเข้ามาจำหน่ายที่ร้านนี้เท่านั้นในไทย ปัจจุบันมีมากกว่า 30 แบรนด์ และจะหมุนเวียนเข้าออกไปตามความนิยมของลูกค้า ระดับราคา 8,000 - 50,000 บาท ครอบคลุมตั้งแต่ เสื้อผ้า แว่นตา รองเท้า กระเป๋า จิวเวลรี่ เป็นต้น
ปัจจุบันมีสองสาขาคือที่ดิเอ็มโพเรียม เปิดเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว แต่เป็นรูปแบบชั่วคราวอยู่ระหว่างปรับปรุงเป็นร้านถาวรคาดว่าเปิดได้ประมาณไตรมาสสี่ปีหน้า และอีกแห่งคือที่ สยามพารากอน เปิดเมื่อตุลาคมปีที่แล้ว แต่คาดว่าจะเป็นร้านเต็มรูปแบบไตรมาสสามปีนี้ พื้นที่เฉลี่ย 60- 100 ตารางเมตร
อย่างไรก็ตาม หากมีแบรนด์ใดในร้านดังกล่าวนี้ที่มีศักยภาพมากพอที่จะแยกออกมาเปิดเป็นร้านเดียวได้หรือเปิดร้านแบบ โมโนชอป ก็จะดำเนินการเป็นการสร้างศักยภาพให้กับแบรนด์และยอดขายได้ด้วยล่าสุดเตรียมนำแบรนด์ “โจเซฟ” จากอังกฤษ แยกออกมาเปิดเป็นร้านเดี่ยวทั้งที่ดิเอ็มโพเรียมและสยามพารากอน และมีแผนที่จะไปเปิดในศูนย์การค้าใหม่ๆที่มีความเหมาะสมด้วย รวมทั้งยังมีอีกประมาณ 7 แบรนด์ที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะแยกออกมาเปิดร้านเดี่ยวแบบโมโนได้ เช่น แบรนด์วาเนสซ่าบรูโน
ที่อยู่ระหว่างการศึกษา
สำหรับยอดใช้จ่ายของลูกค้าที่เข้ามาชอปปิ้งแผนกแฟชั่นในเครือเดอะมอลล์นี้ หลังจากที่ได้มีการปรับพื้นที่และสินค้าแล้วพบว่า สูงขึ้น ถ้าเป็นที่เดอะมอลล์ ผู้ชายประมาณ 2,000 บาทตอ่บิล ผู้หญิงประมาณ 1,500 บาทต่อบิล ส่วนที่สยามพารากอน ผู้หญิงประมาณ 3,000 บาทต่อบิล ผู้ชายประมาณ 5,000 บาทต่อบิล ส่วนที่ดิเอ็มโพเรียม ยอดต่อบิลจะสูงกว่าที่สยามพารากอนประมาณ 25% ทั้งนี้ผู้ชายจะมียอดซื้อตอ่อครั้งมากกว่า แต่ความถี่ในการซื้อสินค้าจะน้อยกว่า ส่วนที่ร้านคอนเท็มป์ซาลอนยอดซื้อต่อบิลประมาณ 20,000 บาท
ล่าสุดจัดแคมเปญ W+M Blame It on Summer 2013 : The Vacation-Fashion Journal of 6 Lifestyles๑ 6 Destinations” โดยใช้งบตลาด 20 ล้านบาท เพื่อรับซัมเมอร์ คาดว่าจะมียอดขายช่วงนี้ประมาณ 2,400 ล้านบาท
นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสบริหารสินค้า W We Craze & MEN IN TREND นางสาวรวิมน ฐานิตารมภ์ ผู้จัดการทั่วไป บริหารสินค้า แฟชั่นผู้หญิง และนายชัยโรจน์ ศรีเดชะรินทร์กุล ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้าแฟชั่นผู้ชาย บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ร่วมกันเปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้รวมแผนกแฟชั่นทั้งชายและหญิงไว้ที่ 14,000 ล้านบาท เติบโต 40% จากปีที่แล้วที่ทำรายได้กลุ่มนี้ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มที่เติบโตมากคือ ยีนส์ เติบโต 20% และชุดชั้นในชาย เช่น จีสตริง เป็นต้น โดยปีนี้ใช้งบการตลาดรวมประมาณ 100 กว่าล้านบาท
เนื่องจากตลาดแฟชั่นเสื้อผ้าเป็นตลาดที่เติบโตดีพฤติกรรมผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการแต่งกายมากขึ้น อีกทั้งทางเดอะมอลล์กรุ๊ปเองก็มีการพัฒนาในเรื่องของแฟชั่นมาตลอด ทั้งสาขาในเมืองและสาขาชานเมืองด้วยการปรับปรุงพื้นที่และการนำแบรนด์ใหม่ๆจากต่างประเทศเข้ามาบริการมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างความแตกต่างเช่น การนำแฟชั่นอินเตอร์แบรนด์ 3 แบรนด์ดังไปเปิดบริการที่สาขาบางกะปิ ประกอบด้วย ซารา ยูนิโคล่ และเอชแอนดเอ็ม เป็นต้น หรือแม้แต่การนำแบรนด์ดังของดีไซน์เนอร์คนไทยไปจำหน่ายเช่น เกรย์ฮาวด์ อิซซู พาร์เล็ต เป็นต้น รวมทั้งแบรนดดังต่างประเทศที่ไปขยายจุดจำหน่ายที่สาขาบางกะปิเช่น เกส ซีเค ลาคอสต์ไลน์ ควิกซิลเวอร์ ร็อกซี่ เป็นต้น ซึ่งให้ดึงลูกค้าเข้าห้างมากขึ้นด้วย ถือเป็นการยกระดับแฟชั่นของห้างเดอะมอลล์เต็มรูปแบบเป็นครั้งแรกด้วย
ขณะที่ปีที่แล้วบริษัทฯได้เริ่มทดลองเปิดร้านแบบมัลติแบรนด์ชอปชื่อว่า “คอนเท็มป์ ซาลอน” (CONTEMP SALON) ซึ่งเป็นร้านจำหน่ยแฟชั่นของผู้หญิงที่บริษัทฯนำเข้ามาจำหน่ายจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นระดับบีบวกขึ้นไปและเป็นแบรนด์ที่ดังในแง่ของการดีไซน์หรือเซเลบริตี้หรือคนดังนิยมใส่กัน แต่ว่าจะไม่ใช่เป็นแบรนด์ที่มียอดขายติดอันดับโลก ซึ่งนำเข้ามาจำหน่ายที่ร้านนี้เท่านั้นในไทย ปัจจุบันมีมากกว่า 30 แบรนด์ และจะหมุนเวียนเข้าออกไปตามความนิยมของลูกค้า ระดับราคา 8,000 - 50,000 บาท ครอบคลุมตั้งแต่ เสื้อผ้า แว่นตา รองเท้า กระเป๋า จิวเวลรี่ เป็นต้น
ปัจจุบันมีสองสาขาคือที่ดิเอ็มโพเรียม เปิดเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว แต่เป็นรูปแบบชั่วคราวอยู่ระหว่างปรับปรุงเป็นร้านถาวรคาดว่าเปิดได้ประมาณไตรมาสสี่ปีหน้า และอีกแห่งคือที่ สยามพารากอน เปิดเมื่อตุลาคมปีที่แล้ว แต่คาดว่าจะเป็นร้านเต็มรูปแบบไตรมาสสามปีนี้ พื้นที่เฉลี่ย 60- 100 ตารางเมตร
อย่างไรก็ตาม หากมีแบรนด์ใดในร้านดังกล่าวนี้ที่มีศักยภาพมากพอที่จะแยกออกมาเปิดเป็นร้านเดียวได้หรือเปิดร้านแบบ โมโนชอป ก็จะดำเนินการเป็นการสร้างศักยภาพให้กับแบรนด์และยอดขายได้ด้วยล่าสุดเตรียมนำแบรนด์ “โจเซฟ” จากอังกฤษ แยกออกมาเปิดเป็นร้านเดี่ยวทั้งที่ดิเอ็มโพเรียมและสยามพารากอน และมีแผนที่จะไปเปิดในศูนย์การค้าใหม่ๆที่มีความเหมาะสมด้วย รวมทั้งยังมีอีกประมาณ 7 แบรนด์ที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะแยกออกมาเปิดร้านเดี่ยวแบบโมโนได้ เช่น แบรนด์วาเนสซ่าบรูโน
ที่อยู่ระหว่างการศึกษา
สำหรับยอดใช้จ่ายของลูกค้าที่เข้ามาชอปปิ้งแผนกแฟชั่นในเครือเดอะมอลล์นี้ หลังจากที่ได้มีการปรับพื้นที่และสินค้าแล้วพบว่า สูงขึ้น ถ้าเป็นที่เดอะมอลล์ ผู้ชายประมาณ 2,000 บาทตอ่บิล ผู้หญิงประมาณ 1,500 บาทต่อบิล ส่วนที่สยามพารากอน ผู้หญิงประมาณ 3,000 บาทต่อบิล ผู้ชายประมาณ 5,000 บาทต่อบิล ส่วนที่ดิเอ็มโพเรียม ยอดต่อบิลจะสูงกว่าที่สยามพารากอนประมาณ 25% ทั้งนี้ผู้ชายจะมียอดซื้อตอ่อครั้งมากกว่า แต่ความถี่ในการซื้อสินค้าจะน้อยกว่า ส่วนที่ร้านคอนเท็มป์ซาลอนยอดซื้อต่อบิลประมาณ 20,000 บาท
ล่าสุดจัดแคมเปญ W+M Blame It on Summer 2013 : The Vacation-Fashion Journal of 6 Lifestyles๑ 6 Destinations” โดยใช้งบตลาด 20 ล้านบาท เพื่อรับซัมเมอร์ คาดว่าจะมียอดขายช่วงนี้ประมาณ 2,400 ล้านบาท