ASTVผู้จัดการรายวัน – ผาแดงฯมั่นใจปีนี้ไม่ขาดทุน หลังปรับลดปริมาณผลิตโลหะสังกะสีลงเหลือ 8-8.5 หมื่นตัน และเน้นการขายโลหะสังกะสีผสมที่มีมาร์จินสูงมากขึ้น โดยปีนี้ปรับลดงบลงทุนเหลือ 350 ล้านบาท และซื้อแร่จากตุรกีเสริมความมั่นคงด้านวัตถุดิบหลังแร่ในเหมืองแม่สอดหมด 5 ปีข้างหน้า และหาลู่ทางทำเหมืองสังกะสีในพม่า
นายฟรานซิส แวนเบลเลน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน)(PDI) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายผลิตโลหะสังกะสีอยู่ที่ 8-8.5 หมื่นตัน ลดลงจากปีก่อนที่ผลิตอยู่ 1.07 แสนตัน เนื่องจากเห็นว่าเป็นกำลังการผลิตที่เหมาะสม แม้ว่าจะทำให้ยอดขายลดลง แต่ค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนวัตถุดิบและค่าไฟฟ้าลดลงมากกว่ารายได้ จึงน่าเป็นจุดคุ้มทุน (Break Event) ทำให้มั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทฯ จะไม่ประสบปัญหาการขาดทุนอีกต่อไป จากปีก่อนบริษัทขาดทุนสุทธิ 517 ล้านบาท
ขณะเดียวกันบริษัทฯได้ลดงบลงทุนปีนี้จาก 500 ล้านบาทเหลือ 350 ล้านบาท โดยเน้นการลงทุนโครงการปรับปรุงเครื่องจักรและขยายกำลังการผลิตโรงล้างวัตถุดิบสังกะสีออกไซด์ โครงการปรับปรุงกระบวนการถลุงเพื่อให้สามารถสกัดโลหะมีค่าที่เป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้ เช่น โลหะเงิน และตะกั่ว รวมทั้งโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานโดยเปลี่ยนหม้อต้มไอน้ำใช้ถ่านหินแทนน้ำมันเตา
นอกจากนี้ บริษัทฯได้กำหนดแผนพัฒนาเชิงกลยุทธ์ใหม่ 4 ด้านในปีนี้ คือ การสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบที่มาจากกระบวนการผลิตเดิม เนื่องจากเหมืองแร่สังกะสีแม่สอด จ.ตากคาดว่าจะหมดลงใน 5 ปีข้างหน้า บริษัทมีแผนที่จะขอประทานบัตรทำเหมืองแร่สังกะสีในพื้นที่รอบๆเหมืองเดิม รวมทั้งทำสัญญาซื้อแร่สังกะสีที่ตุรกี ประมาณ5 หมื่นตัน (Offtake
Agreemet)โดยบริษัทฯจะทยอยจ่ายเงินในการเปิดเหมืองล่วงหน้าประมาณ 75-100 ล้านบาท เนื่องจากแหล่งแร่ที่ตุรกีเป็นแร่สังกะสีซิลิเกตใกล้เคียงแร่สังกะสีที่แม่สอด และค่าขนส่งแร่จากตุรกีต่ำกว่าค่าขนส่งแร่จากออสเตรเลียและอเมริกาใต้ แต่ไม่ใช่เป็นการเข้าไปลงทุนในเหมืองแร่สังกะสี ที่ตุรกี แต่หากพบปริมาณสำรองแร่สังกะสีจำนวนมากก็จะพิจารณาอีกครั้ง
รวมทั้งมองหาโอกาสเข้าไปสำรวจทำเหมืองแร่สังกะสีที่พม่า โดยยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย คงต้องใช้เวลา เนื่องจากกฎระเบียบข้อบังคับการลงทุนทำธุรกิจเหมืองของพม่ายังต้องมีการปรับปรุง อีกทั้งการทำเหมืองแร่สังกะสีไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายหลักที่พม่าจะสนับสนุน
นอกจากนี้ บริษัทฯจะขยายกำลังการผลิตและขายโลหะสังกะสีผสมซึ่งเป็นสินค้าที่มีมาร์จินดีกว่าโลหะสังกะสีแท่งบริสุทธิ์ โดยจะเพิ่มสัดส่วนการขายเป็น 50%จากปีก่อนที่มีการขาย 42%ของรายได้ รวมทั้งควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินการ เนื่องจากบริษัทฯมีต้นทุนค่าไฟฟ้าสูงมากถึงเดือนละ 120 ล้านบาท ก็จะหันมาผลิตในช่วงออฟ ฟีค ที่ราคาค่าไฟจะต่ำลง เป็นต้น
นายฟรานซิส กล่าวถึงแนวโน้มราคาโลหะสังกะสีในตลาดโลกว่า ขณะนี้ราคาโลหะสังกะสีอยู่ที่2,100 เหรียญสหรัฐต่อตัน ดีขึ้นกว่าปีก่อนที่ราคาเฉลี่ย 1,948 เหรียญสหรัฐ/ตัน คาดว่าราคาจะปรับขึ้นไปถึง 2,500 เหรียญสหรัฐ/ตันใน2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากความต้องการใช้โลหะสังกะสีในตลาดโลกเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5.8%
***********
นายฟรานซิส แวนเบลเลน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน)(PDI) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายผลิตโลหะสังกะสีอยู่ที่ 8-8.5 หมื่นตัน ลดลงจากปีก่อนที่ผลิตอยู่ 1.07 แสนตัน เนื่องจากเห็นว่าเป็นกำลังการผลิตที่เหมาะสม แม้ว่าจะทำให้ยอดขายลดลง แต่ค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนวัตถุดิบและค่าไฟฟ้าลดลงมากกว่ารายได้ จึงน่าเป็นจุดคุ้มทุน (Break Event) ทำให้มั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทฯ จะไม่ประสบปัญหาการขาดทุนอีกต่อไป จากปีก่อนบริษัทขาดทุนสุทธิ 517 ล้านบาท
ขณะเดียวกันบริษัทฯได้ลดงบลงทุนปีนี้จาก 500 ล้านบาทเหลือ 350 ล้านบาท โดยเน้นการลงทุนโครงการปรับปรุงเครื่องจักรและขยายกำลังการผลิตโรงล้างวัตถุดิบสังกะสีออกไซด์ โครงการปรับปรุงกระบวนการถลุงเพื่อให้สามารถสกัดโลหะมีค่าที่เป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้ เช่น โลหะเงิน และตะกั่ว รวมทั้งโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานโดยเปลี่ยนหม้อต้มไอน้ำใช้ถ่านหินแทนน้ำมันเตา
นอกจากนี้ บริษัทฯได้กำหนดแผนพัฒนาเชิงกลยุทธ์ใหม่ 4 ด้านในปีนี้ คือ การสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบที่มาจากกระบวนการผลิตเดิม เนื่องจากเหมืองแร่สังกะสีแม่สอด จ.ตากคาดว่าจะหมดลงใน 5 ปีข้างหน้า บริษัทมีแผนที่จะขอประทานบัตรทำเหมืองแร่สังกะสีในพื้นที่รอบๆเหมืองเดิม รวมทั้งทำสัญญาซื้อแร่สังกะสีที่ตุรกี ประมาณ5 หมื่นตัน (Offtake
Agreemet)โดยบริษัทฯจะทยอยจ่ายเงินในการเปิดเหมืองล่วงหน้าประมาณ 75-100 ล้านบาท เนื่องจากแหล่งแร่ที่ตุรกีเป็นแร่สังกะสีซิลิเกตใกล้เคียงแร่สังกะสีที่แม่สอด และค่าขนส่งแร่จากตุรกีต่ำกว่าค่าขนส่งแร่จากออสเตรเลียและอเมริกาใต้ แต่ไม่ใช่เป็นการเข้าไปลงทุนในเหมืองแร่สังกะสี ที่ตุรกี แต่หากพบปริมาณสำรองแร่สังกะสีจำนวนมากก็จะพิจารณาอีกครั้ง
รวมทั้งมองหาโอกาสเข้าไปสำรวจทำเหมืองแร่สังกะสีที่พม่า โดยยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย คงต้องใช้เวลา เนื่องจากกฎระเบียบข้อบังคับการลงทุนทำธุรกิจเหมืองของพม่ายังต้องมีการปรับปรุง อีกทั้งการทำเหมืองแร่สังกะสีไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายหลักที่พม่าจะสนับสนุน
นอกจากนี้ บริษัทฯจะขยายกำลังการผลิตและขายโลหะสังกะสีผสมซึ่งเป็นสินค้าที่มีมาร์จินดีกว่าโลหะสังกะสีแท่งบริสุทธิ์ โดยจะเพิ่มสัดส่วนการขายเป็น 50%จากปีก่อนที่มีการขาย 42%ของรายได้ รวมทั้งควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินการ เนื่องจากบริษัทฯมีต้นทุนค่าไฟฟ้าสูงมากถึงเดือนละ 120 ล้านบาท ก็จะหันมาผลิตในช่วงออฟ ฟีค ที่ราคาค่าไฟจะต่ำลง เป็นต้น
นายฟรานซิส กล่าวถึงแนวโน้มราคาโลหะสังกะสีในตลาดโลกว่า ขณะนี้ราคาโลหะสังกะสีอยู่ที่2,100 เหรียญสหรัฐต่อตัน ดีขึ้นกว่าปีก่อนที่ราคาเฉลี่ย 1,948 เหรียญสหรัฐ/ตัน คาดว่าราคาจะปรับขึ้นไปถึง 2,500 เหรียญสหรัฐ/ตันใน2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากความต้องการใช้โลหะสังกะสีในตลาดโลกเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5.8%
***********